IOI Properties ของสองพี่น้องเศรษฐีพันล้าน Lee Yeow Chor และ Lee Yeow Seng สร้างชื่อในฐานะหนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่สัญชาติมาเลเซียที่ลงทุนมหาศาลที่สุดในสิงคโปร์ด้วยโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เรือธงมูลค่า 4 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ซึ่งกำลังจะเสร็จสมบูรณ์ในอีกไม่ช้า
ภายใต้ธุรกิจของ IOI Corp. บริษัทซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ กิจการน้ำมันปาล์มถือเป็นธุรกิจหลักที่มีขนาดใหญ่กว่าด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดที่ 2.5 หมื่นล้านริงกิต (5.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ) เทียบกับ IOI Properties Group ซึ่งเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นเช่นกันโดยมีมูลค่าประเมิน 1.2 หมื่นล้านริงกิต ขณะที่ Lee Shin Cheng เจ้าของอาณาจักรธุรกิจผู้ล่วงลับเริ่มก้าวเข้าสู่วงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในปี 1975 และการเดินหน้าเข้าซื้อกิจการเชิงกลยุทธ์ในช่วงทศวรรษที่ 1980-1990 ช่วยให้ Lee นำพา IOI Corp. สู่การเป็นผู้ผลิตน้ำมันปาล์มที่มีรายได้มากที่สุดอันดับ 3 ของมาเลเซีย
บริษัทตกทอดสู่ทายาทโดยถูกจัดสรรปันส่วนให้บริหารดูแลคนละธุรกิจ Yeow Chor ลูกชายคนโตของผู้ก่อตั้ง IOI ขึ้นกุมบังเหียนดูแลกิจการน้ำมันปาล์มตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ขณะที่ลูกชายคนรอง Yeow Seng นำทัพบริหารธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
“พ่อของเรามีความหลงใหลในทั้งสองธุรกิจ” Yeow Chor วัย 57 ปี กล่าวผ่านการให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ “วงจรการสร้างผลตอบแทนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์สั้นกว่าการเพาะปลูกปาล์มน้ำมันซึ่งใช้ระยะเวลานานกว่าก่อนจะเริ่มสร้างเม็ดเงินรายได้ ปกติแล้วต้องใช้เวลา 5-6 ปีก่อนที่สวนปาล์มจะเริ่มทำกำไรได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย”
ธุรกิจน้ำมันปาล์มยังเป็นแหล่งรายได้หลักของตระกูล Lee ซึ่งมีทรัพย์สินในครอบครองสุทธิ 5.35 พันล้านเหรียญ ทว่าฝั่งธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เริ่มมีบทบาทสำคัญมากขึ้น โดยเข้ามาเพิ่มความสมดุลเพื่อกระจายความเสี่ยงจากธุรกิจน้ำมันปาล์มที่มีความผันผวน รายได้ของ IOI Corp. ร่วงลง 26% เหลือ 1.16 หมื่นล้านริงกิตสำหรับผลการดำเนินงานงวดปีบัญชีที่สิ้นสุด ณ เดือนมิถุนายน ปี 2023 เนื่องจากราคาน้ำมันปาล์มดิบปรับตัวลดลงจากจุดสูงสุดในปีก่อนหน้า ในทางตรงกันข้ามตัวเลขรายได้ของ IOI Properties ยังทรงตัวอยู่ที่ 2.6 พันล้านริงกิตในช่วงเวลาเดียวกัน โดยได้แรงหนุนจากความต้องการพื้นที่สำนักงาน ห้างสรรพสินค้า และโรงแรมที่แข็งแกร่ง
ปัจจุบัน IOI Properties เป็นเจ้าของโครงการในจีน มาเลเซีย และสิงคโปร์ที่มีมูลค่ารวมกันกว่า 3.61 หมื่นล้านริงกิต ทั้งนี้สิงคโปร์มีสัดส่วน 64% จากมูลค่าตามราคาตลาดของโครงการอสังหาฯ ทั้งหมด
จุดเริ่มต้นการลงทุนในสิงคโปร์ของ IOI Properties เกิดขึ้นในปี 1996 เมื่อบริษัทเข้าซื้ออาคารเพื่อการพาณิชย์ใน Bugis ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากย่านศูนย์กลางธุรกิจ จากนั้น IOI ได้ลงทุนในโครงการที่พักอาศัยร่วมกับ Ho Bee Land ของ Chua Thian Poh เศรษฐีพันล้านชาวสิงคโปร์ที่เกาะ Sentosa เมื่อปี 2007 นับเป็นเวลา 11 ปีหลังจากรุกตลาดอสังหาฯ สิงคโปร์ครั้งแรก เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา Lee ตัดสินใจเพิ่มการลงทุนในสิงคโปร์ทั้งจับมือร่วมทุนกับพันธมิตรและลุยเดี่ยวพัฒนาเอง Lee อธิบายว่า เสน่ห์ของสิงคโปร์อยู่ที่การพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องจากประเทศเกิดใหม่เป็นเมืองศูนย์กลางแห่งภูมิภาค และปัจจุบันกลายเป็นเมืองระดับโลก
แม้ IOI Properties จะเดินหน้าขยายฐานธุรกิจในสิงคโปร์แต่บริษัทก็ไม่ได้หยุดพัฒนาตลาดในประเทศบ้านเกิด เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา IOI Properties ได้พลิกโฉมพื้นที่เพื่อการเกษตรจำนวนมหาศาลของ IOI Corp. ให้กลายเป็นเมืองขนาดย่อม IOI Resort City อภิมหาโครงการของบริษัทใน Putrajaya ประกอบด้วยอาคารสูง 31 ชั้น จำนวน 2 อาคาร ( 1 ใน 2 อาคารเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของเครือบริษัท) อาคาร IOI Square (ที่ตั้งสำนักงานของรัฐบาลหลายหน่วยงาน) โรงแรม 4 แห่ง สนามกอล์ฟขนาด 18 หลุม และ IOI City Mall ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่สุดของมาเลเซียซึ่งมีพื้นที่ 2.5 ล้านตารางฟุต ทั้งนี้ Lee Yeow Seng เผยว่า บริษัทได้ทุ่มทุน 1 พันล้านริงกิตเพื่อขยายพื้นที่เพิ่มเติมอีก 1 ล้านตารางฟุต โดยปัจจุบันห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ดึงดูดผู้เข้ามาใช้บริการประมาณ 30 ล้านคนต่อปี
นอกจากนี้ IOI Properties ยังหวังเจาะตลาดการจัดงานและการประชุมด้วย Sheraton Grand Hotel ขนาด 380 ห้องใน Xiamen เมืองทางตะวันออกเฉียงใต้ของจีน โรงแรมมีกำหนดเปิดให้บริการภายในปีนี้ซึ่งห้องจัดเลี้ยงสามารถรองรับแขกได้ถึง 1,500 คน บริษัทยังมีทั้งโครงการอาคารสำนักงานและห้างสรรพสินค้าใน Xiamen ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในปีนี้ “การลงทุนในโครงการอสังหาฯ ที่จีนเหล่านี้จะสร้างรายได้มหาศาล” Lee กล่าว
ลูกชายทั้งสองของผู้ก่อตั้งอาณาจักรธุรกิจ IOI ต่างนั่งเป็นกรรมการในบริษัทที่อีกคนดูแลบริหาร Lee Yeow Chor ซีอีโอของธุรกิจน้ำมันปาล์มกล่าวว่า บทเรียนที่สองพี่น้องได้เรียนรู้จากพ่อของพวกเขาคือ “การขยันลงมือทำ” และหมั่นเดินทางไปเยี่ยมเยียนสถานที่ทำงานของบริษัททั้งสวนเพาะปลูกหรือโรงงานผลิตน้ำมันปาล์มอย่างสม่ำเสมอ “ภาพในอนาคตที่เราวาดหวังคือ การเป็นผู้นำทั้งในธุรกิจน้ำมันปาล์มและอสังหาริมทรัพย์” Lee ผู้พี่กล่าว “ยังมีช่องทางให้เติบโตในทั้งสองธุรกิจ”
เรื่อง: JONATHAN BURGOS เรียบเรียง: นวตา สันติวัฒนา
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : Tan Eng Kee มหาเศรษฐีชาวมาเลเซีย พาบริษัท Greatech Technology ขยายสู่ระดับโลก