 10 อันดับ “มหาเศรษฐีรวยเพิ่มขึ้น” มากสุดแห่งปี 2023

<h2>Jared Isaacman เดินหน้าสร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ในฐานะผู้บัญชาการภารกิจ Polaris ร่วมกับนักบินอวกาศพลเรือนอีก 3 ราย ขยายผลความสำเร็จของภารกิจ Inspiration4</h2>
<figure><img class="wp-image-59075 size-large" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/02/51880300381_a6040f87a8_o-1024x536.jpg" alt="Jared Isaacman " width="640" height="335" /><figcaption> (จากซ้ายไปขวา) Anna Menon, Scott Kidd, Jared Isaacman และ Sarah Gillis</figcaption></figure>

หลังจากที่ในเดือนกันยายน 2021 มหาเศรษฐีพันล้าน Jared Isaacman สร้างประวัติศาสตร์ในฐานะผู้บัญชาการภารกิจ Inspiration4 ร่วมกับนักบินพลเรือนอีก 3 รายเดินทางสู่วงโคจรครั้งแรกของโลกจนประสบความสำเร็จแล้ว

ล่าสุด เมื่อวันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา Isaacman ได้ออกมาประกาศเปิดตัวภารกิจใหม่ Polaris เที่ยวบินที่มีผู้โดยสารบนยานอวกาศของ SpaceX ถึง 3 เที่ยวบินด้วยกัน 

ได้แก่ ภารกิจแรก Polaris Dawn ซึ่งจะเริ่มขึ้นอย่างเร็วที่สุดในไตรมาสที่ 4 ของปี 2022 จากนั้นจึงเป็นการเดินสำรวจอวกาศเชิงพาณิชย์ครั้งแรก และปิดท้ายด้วยเที่ยวบินโดยสารของมนุษย์บนยาน Starship ท่องบนเที่ยวดวงจันทร์

สำหรับภารกิจแรกในซีรีส์ Polaris Dawn จะเป็นการเดินทางออกไปสู่วงโคจรของโลกที่ไกลที่สุดของมนุษย์บนยานอวกาศ Dragon ของ SpaceX ที่ขับเคลื่อนสู่อวกาศด้วยจรวด Falcon 9 ซึ่งมี Isaacman รับหน้าที่เป็นผู้บัญชาการภารกิจ 

ขณะที่ผู้ร่วมเดินทางอีก 3 ราย ได้แก่ Scott Kidd อดีตนักบินกองทัพอากาศสหรัฐฯ และอดีตผู้จัดการของภารกิจ Inspiration4 , Sarah Gillis ผู้ดูแลโครงการฝึกอบรมนักบินอวกาศของ SpaceX และ Anna Menon หัวหน้าวิศวกรฝ่ายปฏิบัติการของ SpaceX

“โครงการ Polaris เป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนการสำรวจอวกาศของมนุษย์ในขณะที่ช่วยแก้ปัญหาผ่านการใช้เทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมบนโลกนี้” Isaacman ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ Shift4 บริษัทรับชำระเงิน กล่าวในแถลงการณ์

ทั้งนี้ โครงการ Polaris เป็นโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจาก SpaceX และ Isaacman แม้ว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะปฏิเสธที่จะเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับจำนวนเงินหรือการแบ่งเงินทุน แต่เป็นที่แน่นอนว่าภารกิจของ Polaris จะต่างจากภารกิจ Inspiration4 ก่อนหน้า เนื่องจากในครั้งนี้จะมีการดำเนินโครงการวิจัยหลายโครงการทั้งที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและเทคโนโลยีของ SpaceX ร่วมอยู่ด้วย 

โดยเที่ยวบิน Polaris Dawn มีวัตถุประสงค์หลัก 3 ประการ ได้แก่ ประการที่หนึ่ง เที่ยวบินนี้จะมีการเดินอวกาศครั้งแรกบนยานอวกาศส่วนตัวในชุดอวกาศ EVA ที่พัฒนาขึ้นโดย SpaceX หลังจากที่ลูกเรือทั้ง 4 รายผ่านการฝึกอบรมเรียบร้อยแล้ว

ประการที่สอง ลูกเรือของยานอวกาศ Dragon ลำนี้จะทดสอบระบบการสื่อสารด้วยเลเซอร์ของ Starlink ในอวกาศ

ปัจจุบัน Starlink ประกอบด้วยระบบดาวเทียมกว่า 1,800 ดวงในวงโคจร ซึ่งให้บริการอินเทอร์เน็ตและข้อมูลแก่พื้นผิว ทั้งยังได้รับการออกแบบสำหรับการสื่อสารบนอวกาศในภารกิจของลูกเรือบนดวงจันทร์และดาวอังคารในอนาคต 

และประการที่สาม คือ การวิจัยผลกระทบของยานอวกาศต่อสุขภาพของมนุษย์ ซึ่งจะรวมถึงการตรวจสอบผลกระทบจากการบีบอัดและผลกระทบของยานอวกาศต่อสายตาเช่นกัน ผ่านทางควความร่วมมือกับหลากหลายสถาบันผู้เชี่ยวชาญ 

อาทิ Weill Cornell Medicine, Johns Hopkins University Applied Physics Laboratory, University of Colorado Boulder, Translational Institute for Space Health, US Air Force Academy, The Pacific Northwest National Laboratory และ Space Technologies Lab ที่ Embry Riddle Aeronautical University 

เมื่อพูดถึงการจัดหาเงินทุนสำหรับภารกิจ  Isaacman ตั้งข้อสังเกตว่า “ผลการสำรวจจากภารกิจ Polaris จะสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการเดินทางอวกาศเชิงพาณิชย์ในอนาคตว่ามีความหมายอย่างไร และอะไรจะเกิดขึ้นได้จากการระดมทุนของภาคเอกชน”

แปลและเรียบเรียงโดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค จากบทความ Billionaire Jared Isaacman Plans To Go Back To Space This Year เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/technology/yusaku-maezawa-ทะยานสู่สถานีอวกาศนา.html">Yusaku Maezawa ทะยานสู่สถานีอวกาศนานาชาติ ด้วยยานอวกาศรัสเซีย</a>

Jared Isaacman กับภารกิจ Polaris เหินฟ้าสู่อวกาศครั้งใหม่

<h2>Yusaku Maezawa มหาเศรษฐีชาวญี่ปุ่น เดินทางสู่สถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) ครั้งแรก ก่อนออกการเดินทางรอบดวงจันทร์กับ SpaceX ของ Elon Musk ในปี 2023</h2>
<img class="alignnone wp-image-55354" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/12/Screen-Shot-2564-12-10-at-13.54.22.jpg" alt="Yusaku Maezawa" width="543" height="613" />

Roscosmos หน่วยงานด้านอวกาศของรัสเซีย รายงานว่า Maezawa หนึ่งในบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดของญี่ปุ่น เดินทางออกจาก Baikonur cosmodrome ศูนย์อากาศยานแห่งแรกและใหญ่ที่สุดในโลกในคาซัคสถาน ด้วยยานอวกาศ Soyuz 

ร่วมกับนักบินอวกาศชาวรัสเซีย Alexander Misurkin ซึ่งเป็นผู้นำภารกิจนี้ และผู้ช่วยของเขา Yozo Hirano ซึ่งจะเป็นผู้บันทึกการเดินทางของเจ้าสัวแฟชั่น

การเดินทางครั้งนี้ถือเป็นการกลับมาของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทางอวกาศของรัสเซียอีกครั้งหนึ่งในรอบ 12 ปี ด้วยระยะเวลาการเข้าพักที่ ISS นาน 12 วัน

ทั้งนี้ มหาเศรษฐีแห่งวงการแฟชั่นใช้เวลาประมาณ 3 เดือนในการฝึกอบรมสำหรับภารกิจดังกล่าว ซึ่งเขาเผยว่า ในที่สุดก็จะสามารถเติมเต็ม “ความฝันในวัยเด็ก” ได้แล้ว 

ด้าน Soyuz จะเทียบท่ากับสถานีอวกาศนานาชาติเวลา 8.41 น. ตามเขตเวลาตะวันออก (EST)

นอกจากการเดินทางในครั้งนี้ Maezawa ยังได้วางแผนที่จะเดินทางสู่อวกาศอีกครั้ง ดังที่มีข่าวพาดหัวไปทั่วโลกในปี 2018 เมื่อเขาตกลงซื้อเที่ยวบินเดินทางรอบดวงจันทร์ครั้งแรกจาก SpaceX ของ Elon Musk ในปี 2023 ซึ่ง Maezawa ได้วางแผนที่จะนำผู้ร่วมเดินทางอีก 8 รายที่ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมด้วย 

Maezawa ผู้ก่อตั้ง Zozotown ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าแฟชั่นออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นในปี 1998 ได้เข้าร่วมกับมหาเศรษฐีและนักเดินทางอวกาศที่เป็นพลเรือนที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ท่ามกลางอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในอวกาศที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว 

นอกจากหน่วยงานด้านอวกาศของรัสเซียแล้ว บริษัทการค้ายังเสนอการเดินทางสู่อวกาศสำหรับผู้ที่สามารถจ่ายได้อย่าง Virgin Galactic ของ Richard Branson, Blue Origin ของ Jeff Bezos และ SpaceX ของ Musk ซึ่งต่างแข่งขันเพื่อเติมเต็มความปรารถนาในการบินอวกาศเชิงพาณิชย์และภารกิจด้านอวกาศที่กำลังเคลื่อนตัวออกจากโครงการขนาดใหญ่ที่ได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาลในอดีต

ปัจจุบัน Maezawa มีมูลค่าทรัพย์สินอยู่ที่ 1.9 พันล้านเหรียญ ส่งผลให้เขามีรายชื่อติดหนึ่งใน 30 มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดของญี่ปุ่น

ทั้งนี้ ในขั้นต้น Maezawa วางแผนที่จะหา "เพื่อนร่วมทางเพศหญิง" เพื่อบินรอบดวงจันทร์กับเขา โดยประกาศรับสมัครจากสาธารณชนที่กระตือรือร้นที่จะไปในอวกาศ ซึ่งความพยายามในการจับคู่นี้ได้มีการบันทึกไว้ในรายการเรียลลิตี้ที่เรียกว่า "<a style="color: #008000;" href="https://www.theverge.com/2020/1/29/21114712/yusaku-maezawa-space-girlfriend-not-happening">Full Moon Lovers</a>" แม้ว่าภายหลังจะถูกยกเลิกไปด้วยเหตุผลส่วนตัว

แปลและเรียบเรียง ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค จากบทความ Japanese Billionaire Yusaku Maezawa Turns Space Tourist, Blasts Off To International Space Station Aboard Russian Craft เผยแพร่บน ​Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/america/claroty-ระดมทุน-400-ล้านเหรียญฯ-คว.html">Claroty ระดมทุน 400 ล้านเหรียญฯ ยกระดับความปลอดภัยทางไซเบอร์</a>

Yusaku Maezawa ทะยานสู่สถานีอวกาศนานาชาติ ด้วยยานอวกาศรัสเซีย

<h2>ก่อนที่ Beson Tsai จะมีร้าน Stellar Pizza สิ่งแรกที่พ่อแม่ของเขาทำหลังจากที่อพยพจากไต้หวันมายังอเมริกาคือเปิดร้านฟิชแอนด์ชิป แสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมที่สนใจเรื่องการกินไม่ใช่น้อยของพวกเขา</h2>
ร้านนั้นตราตรึงอยู่ในใจ และเป็นความทรงจำไว้เด็กของ Beson Tsai ที่ทำให้เขาก้าวเข้าสู่วงการร้านอาหารโดยเปิดร้านพิซซ่าที่ล้ำเหนือใครอย่าง Stellar Pizza หลังจากทำงานเป็นวิศวกรมาหลายปี โดยสถานที่ทำงานล่าสุดของเขาก็คือ SpaceX นั่นเอง

Tsai บอกลาบริษัทในปี 2019 พร้อมด้วยความปรารถนาที่จะค้นหาทางออกสำหรับปัญหาต่างๆ ที่รุมเร้าธุรกิจส่งอาหารที่เป็นที่รู้ๆ กันอยู่ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นค่าคอมมิชชั่นที่สูงลิ่ว หรือกำไรที่ยากที่จะเอื้อมถึงก็ตาม ทั้งหมดนั่นก่อนที่จะมีสถานการณ์โควิด-19 จะแสดงให้เห็นว่าธุรกิจส่งอาหารจะจำเป็นขนาดไหนสำหรับทั้งตัว ผู้ประกอบและลูกค้าด้วยซ้ำ 

การเติบโตถึงเลขสามหลักของธุรกิจส่งอาหารในช่วงปีครึ่งที่ผ่านมา เป็นเครื่องยืนยันว่าเขาต้องหาโมเดลที่ดีกว่าให้ได้

ดังนั้น เขาจึงได้ว่าจ้างเพื่อนวิศวะจาก SpaceX มา 23 คน และผู้เชี่ยวชาญจากแวดวงธุรกิจบริการอาหาร มาอีกจำนวนหนึ่ง (มี Ted Cizma หัวหน้าเชฟจาก SpaceX และที่ปรึกษาด้านพิซซ่าอย่าง Noel Brohner อยู่ในกลุ่มบุคคลเหล่านี้ด้วย) มาช่วยกันสร้าง Stellar Pizza บริษัทลูกของ Serve Automation

คอนเซ็ปต์ของร้านพิซซ่ายุคใหม่นี้ มีครัวอัตโนมัติเคลื่อนที่ได้ที่สามารถทำพิซซ่าได้มากกว่า 100 ชิ้นต่อชั่วโมง กระบวนการนี้เริ่มจากแป้งพิซซ่าสดหนึ่งก้อน ที่ต่อมาโดนกดและทำให้ขอบนั้นกลมๆ หลังจากนั้นก็ทาซอสสูตรเฉพาะและใส่ท็อปปิ้งต่างๆ ลงไป และสุดท้ายก็นำไปเข้าหนึ่งในเตาอบอุณหภูมิสูงที่ออกแบบโดยเฉพาะของทางร้าน

<figure><img class="size-full wp-image-54966" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/12/Stellar_Pizza.jpg" alt="Stellar Pizza" width="567" height="756" /><figcaption> พิซซ่าของทางร้าน (​Photo Credit: PMQ Pizza Magazine)</figcaption></figure>

“โดยเนื้อแท้แล้ว เราคือทีมนักวิทยาศาสตร์ด้านจรวดที่กำลังพยายามแก้ไขปัญหาการส่งอาหาร ระบบปัจจุบันมันพัง ร้านอาหารทั้งหลายทำเงินได้ไม่มากพอ ลูกค้าต้องจ่ายเงินมากเกินไป และ บริษัทส่งอาหาร third-party ทั้งหลายที่ไม่ได้ทำกำไรเยอะแยะอะไรเลย” Tsai กล่าวระหว่างการให้สัมภาษณ์เมื่อเร็วๆ นี้ “เราอยากใช้ความเชี่ยวชาญของเรา และทางออกของเราก็คือการสร้างครัวอัตโนมัติไร้คนเคลื่อนที่ หรือไม่ก็หุ่นยนต์ครัวเคลื่อนที่”

จนถึงตอนนี้ร้านพิซซ่าล้ำโลกได้ระดมทุนไปกว่า 9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากนักลงทุนมากมาย และคาดว่ารอบต่อไปจะมีอีกในเร็วๆ นี้ ทางบริษัทวางแผนที่จะใช้เงินทุนนี้ขยายทีม และสร้างกองทัพห้องครัวเคลื่อนที่ไร้คน โดยครัวอัตโนมัติเคลื่อนที่นี้คาดว่าจะวิ่งไปบนถนนเมือง Los Angeles ในฤดูใบไม้ผลิที่จะมาถึง

Tsai ยังได้กล่าวด้วยว่า ตอนนี้เป็นเวลาที่เพอร์เฟ็คที่จะเดินหน้าใช้โมเดลนี้ เพราะปัจจุบันแรงกดดันเรื่องแรงงานกลายเป็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุดสำหรับผู้ประกอบร้านอาหาร เมื่อตอนนี้มีลูกจ้างหายไปจากอุตสาหกรรมถึง 1 ล้านคนเมื่อเทียบกับปี 2019 และมีอัตราการลาออกสูงที่สุดอีกด้วย สถานการณ์นี้ส่งผลให้ราคาทุกอย่างสูงขึ้นไปตามๆ กัน

“ระบบอัตโนมัติทำให้เราสามารถคงต้นทุนที่ต่ำไว้ได้ ในขณะที่ก็ยังสามารถเสิร์ฟอาหารคุณภาพเยี่ยม ราคาเอื้อมถึง” Tsai กล่าว 

Tsai ยังกล่าวไว้ด้วยว่า “นอกจากนั้น ภาวะแรงงานขาดแคลนยังทำให้ปัญหาต่างๆ ในธุรกิจร้านอาหาร ไม่ว่าจะเป็นงานต่างๆ ที่ทำให้คนรู้สึกด้อยค่าชัดเจนขึ้นอีกด้วย และด้วยระบบอัตโนมัติเรากำลังฝึกให้พนักงานของเราทำมากกว่าอริยาบทเดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมา และเราก็จ่ายพวกเขาอย่างงามอีกต่างหาก ส่งผลให้ประสบการณ์ในการทำงานของพวกเขาและประสบการณ์ของลูกค้าดีขึ้น สิ่งที่เราสร้างไม่ได้ส่งผลให้การบริการหายไปหรอก มันแค่ทำให้เราสามารถโฟกัสไปยังคอมมิวนิตี้ที่เราอยู่ และพิซซ่าที่เราขายได้มากขึ้น”

เพื่อให้คุณมั่นใจในระบบอัตโนมัติ ระบบนี้ไม่ใช่สิ่งใหม่และ Stellar Pizza ก็ไม่ใช่บริษัทเดียวที่กำลังเกลี่ยทางอยู่ แต่ Tsai บอกไว้ว่าบริษัทของเขากำลังขับเคลื่อนไปในถนนอีกเส้นหนึ่งโดยใช้วิธีการ “เคลื่อนตัวและเข้าครัว” ไปพร้อมๆ กัน

“มันเป็นวิวัฒนาการของโลก Food truck หากคุณสามารถนำระบบอัตโนมัติมาใช้ และนำมันมาอยู่ในรูปแบบที่เคลื่อนที่ได้ และใส่มันเข้าไปในรถกระบะ นั่นคือสิ่งที่ผมเห็นว่าเป็นวิวัฒนาการก้าวต่อไปของ Food truck เลยล่ะ” เขากล่าว

ด้วยทีมงานที่เขาได้จ้างมาและความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมเครื่องยนต์ของทีมงานนี้ ที่ทำให้สามารถสร้างครัวอัตโนมัติน้ำหนักเบา และต้นทุนต่ำนี้ขึ้นมาได้ และส่งผลให้ Tsai มั่นใจในโมเดลธุรกิจนี้อย่างมากทีเดียว 

“มีการพยายามที่จะทำใช้ระบบอัติโนมัติกับอาหารหลายครั้งแล้วล่ะ แต่ผมคิดว่าเรากำลังทำอะไรที่ค่อนข้างแตกต่างอยู่ และก็หวังว่าจะเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นมากกว่าด้วย” เขากล่าว

พิซซ่าสุดล้ำนี้วางขายผ่านแอปของทางบริษัท และทางบริษัทเองก็หวังว่าจะมี “จำนวนรถบนถนนประมาณหนึ่ง” ในปี 2022 และยังเล็งเป้าทางการตลาดไปยัง San Diego, Orange County, California และ Texas อีกด้วย  และยังได้มีการวางแผนที่จะนำกลยุทธ์กรตลาดเชิงท้องถิ่นมาใช้เพื่อให้ทั้งผลิตภัณฑ์ และเทคโนโลยีของเขาเป็นที่พูดถึงมากขึ้น

“ด้วยอุปกรณ์ที่เป็นระบบอัติโนมัติของเรา ผมเห็นเราไปตามโรงเรียนต่างๆ เพื่อทำการสาธิต STEM ให้พวกเขาดู อะไรประมาณนี้” Tsai กล่าว “เราอยากจะให้คนรู้สึกตื่นเต้นไปกับระบบอัตโนมัติและวิทยาศาสตร์มากๆ เลย”

ไม่ใช่เรื่องน่าสงสัยเลยที่ระบบอัตโนมัติทั้งหลายกำลังเป็นที่พูดถึงอยู่เมื่อต้นทุนด้านเทคโนโลยีมันตกลง ท่ามกลางระดับความสะดวกสบายที่เพิ่มขึ้น อีกทั้ง <a href="https://www.restaurantdive.com/news/report-50-of-operators-plan-to-deploy-automation-tech-in-2-to-3-years/608201/">ราวๆ ร้อยละ 50 ของผู้ประกอบการร้านอาหารในสหรัฐฯ</a>กล่าวว่าพวกเขามีแผนการที่จะใช้เทคโนโลยีระบบอัตโนมัติในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าเพื่อใช้จัดการกับปัญหาแรงงานขาดแคลน

“วงการระบบอัตโนมัติเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นมากๆ ตอนนี้” Tsai กล่าว “เราทั้งหมดกำลังพยายามแก้ปัญหาเดียวกัน และมันก็มีพื้นที่มากพอสำหรับเราทุกคน”

แปลและเรียบเรียงโดย ทัตชญา บุษยากิตติกร จากบทความ Former SpaceX Engineer Launches Automated Mobile Kitchen To Help Solve Food Delivery Challenges เผยแพร่บน ​Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/world/house-of-gucci-%e0%b8%84%e0%b8%94%e0%b8%b5%e0%b8%aa%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%97%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b9%82%e0%b8%a5%e0%b8%81-%e0%b8%aa%e0%b8%b9%e0%b9%88-gucci-%e0%b9%83%e0%b8%99%e0%b8%8b.html">House of Gucci: คดีสะเทือนโลก สู่ Gucci ในซูเปอร์มาร์เก็ต</a>

<hr />

<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

Stellar Pizza ร้านพิซซ่าอัตโนมัติสุดล้ำจากอดีตวิศวะ SpaceX

<h2>Elon Musk ประกาศจะขาย "หุ้น Tesla" ตามผลโพลในทวิตเตอร์ของเขา หากขายหุ้นมูลค่ากว่าหมื่นล้านนี้ Musk จะได้ จะเสียเท่าไร</h2>
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา Elon Musk เจ้าของตำแหน่ง<a href="https://www.forbes.com/real-time-billionaires/#541cbb4d3d78">คนที่รวยที่สุดในโลก</a>ได้ทวิต<a href="https://www.forbes.com/sites/lisakim/2021/11/06/elon-musk-says-hell-sell-10-of-his-tesla-stock-if-twitter-users-vote-for-him-to/?sh=100529af51e0">ว่าเขาจะขาย หุ้น Tesla ร้อยละ 10 ที่มีอยู่ดีหรือไม่</a>

ผลโหวตบนโพลปรากฎว่า <a href="https://twitter.com/elonmusk/status/1457064697782489088?s=20">ร้อยละ 57.9 ของคนกว่า 3.5 ล้านที่ร่วมกดคำตอบในโพล</a>นั้นคิดว่าเขาควรจะขาย หุ้น Tesla ซะ ซึ่งเขาก็บอกไว้ในทวิตเตอร์เองว่าเขาจะ “<a style="color: #993300;" href="https://twitter.com/elonmusk/status/1457066048944066565?s=20">ทำตามผลโพลนี้</a>”

<img class="size-full wp-image-53615 aligncenter" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/11/Elon_Musk_Poll.png" alt="" width="663" height="434" />

Musk ถือหุ้น Tesla ไว้จำนวน 170.49 ล้านหุ้น และตราสารสิทธิอีกมากมาย ตัดตราสารสิทธิออกไป ร้อยละ 10 ของหุ้นที่เขาถือก็คือกว่า 17.049 หุ้น และจากการปิดราคาเมื่อวันศุกร์ ราคาหุ้น​ Tesla มีมูลค่า 1,222.9 เหรียญฯ ต่อหุ้น ดังนั้นหุ้นของ Musk มีมูลค่าทั้งหมดราว 2 หมื่นล้านเหรียญฯ

คำถามต่อไปคือ หากขายหุ้นมูลค่า 2 หมื่นล้านเหรียญฯกว่าๆ นี้ Musk จะต้องเสียภาษีเท่าไร? คำตอบคือราวๆ 5 พันล้านเหรียญฯ หากไม่ได้นำมาหักล้างกับการขาดทุนอื่นๆ กำไรส่วนต่างที่เขาจะได้มันมหาศาลเลยทีเดียว 

 เมื่อตอน Musk ลงทุนใน Tesla ช่วงแรก เขาซื้อหุ้นในราคาเพียง <a href="https://www.forbes.com/sites/quora/2014/12/29/how-much-equity-did-elon-musk-get-from-investing-in-teslas-series-a/?sh=178330212a9f">49 เซนต์ต่อหุ้น</a>เท่านั้น หากอ้างอิงจากเอกสารของทาง SEC เมื่อบริษัทเสนอขายหุ้นใหม่แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก หลังจากนั้น ก็มีการแตกหุ้นจาก 1 หุ้น เป็น 5 หุ้น ดังนั้น Musk ก็ลงทุนไปไม่ถึง 10 เซนต์เลยด้วยซ้ำ

แนวคิดที่จู่ๆ จะขายหุ้นครั้งนี้ เกิดหลังจากที่หนึ่งในวุฒิสภาสหรัฐ Ron Wyden ได้ยื่นข้อเสนอให้คิดภาษีกำไรที่ยังไม่รับรู้ของเศรษฐีพันล้านทั้งหลาย เพื่อโต้ตอบบรรดาเศรษฐีที่ไม่จ่ายภาษีเงินได้ระดับรัฐบาลกลาง เพราะพวกเขาเลือกที่จะถือหุ้นเหล่านี้เอาไว้ในนามของคนอื่นแทนที่จะขาย 

Musk <a href="https://twitter.com/elonmusk/status/1457067398712942592?s=20">ทวิตไว้</a>เมื่อวันเสาร์ว่า “แปะไว้หน่อย ผมไม่ได้รับเงินเดือนหรือโบนัสจากไหน ผมมีแค่หุ้น เพราะฉะนั้น ทางเดียวที่ผมจะเสียภาษีได้คือต้องขายหุ้นเท่านั้น”

<img class="size-full wp-image-53616 aligncenter" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/11/Elon_Musk_Tweets.png" alt="" width="669" height="366" />

&nbsp;

หลังจาก Tesla แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนเมื่อปี 2010 Musk ได้ขายหุ้นของเขาไปเพียง 2 ครั้ง การขายครั้งล่าสุดคือเมื่อปี 2016 โดยได้<a href="https://www.sec.gov/Archives/edgar/data/1318605/000149473016000008/xslF345X03/edgardoc.xml">ขายหุ้นของเขาไปทั้งหมด 2.7 ล้านหุ้น</a> คิดเป็นมูลค่าทั้งหมด 593 ล้านเหรียญฯ เพื่อที่จะสามารถครอบคลุมภาษีในการใช้สิทธิตราสารต่างๆ ของเขา

การขายครั้งแรกคือเมื่อกรกฎาคมปี 2010 ปีที่ Tesla เสนอขายหุ้นครั้งแรก โดย Musk ได้ขายหุ้นไปกว่า <a href="https://www.sec.gov/Archives/edgar/data/1318605/000118143110035864/xslF345X03/rrd280655.xml">1.4 ล้านหุ้น</a> โดยมีมูลค่าทั้งหมด 24 ล้านเหรียญก่อนหักภาษี

หุ้นของ Tesla นั้น พุ่งขึ้นกว่า 1,400 เปอร์เซ็นต์ ตั้งแต่เมื่อช่วงต้นปี 2020 และตัว Musk เองก็<a href="https://www.forbes.com/sites/chasewithorn/2021/11/07/led-by-elon-musks-crazy-gains-american-billionaires-have-added-trillions-to-their-fortunes-during-the-pandemic/?sh=1e5b45f41372">รวยขึ้นเกือบ 2.94 แสนล้านเหรียญ</a> โดย Forbes คำนวนไว้ว่า Musk มีทรัพย์สินสุทธิอยู่ที่ 3.184 แสนล้านเหรียญฯ โดยคำนวนล่าสุดเมื่อเย็นวันศุกร์ที่ 5 พฤศจิกายน และในช่วง 4 ศตวรรษที่ Forbes ได้จับตาดูเหล่าเศรษฐีอเมริกันนี้ Musk เป็นเศรษฐีพันล้านคนแรกที่มีเม็ดเงินแตะ 3 แสนล้านเหรียญฯ

ตัว Elon Musk เอง ก็ทำตัวสมถะ มัธยัสถ์อยู่บ่อยๆ บางทีเขาก็ไม่มีเงินสด ไหนจะขายบ้านทั้งหมดที่เขามีอยู่ และปัจจุบันเขาอาศัยอยู่ใน<a href="https://www.forbes.com/sites/sergeiklebnikov/2021/07/03/where-elon-musk-lives-since-he-pledged-to-ditch-almost-all-physical-possessions/?sh=2ab064f64332">บ้านกล่องเล็กๆ</a> ที่เขาเช่ามาจาก SpaceX ซึ่งเป็นบริษัทจรวดที่เขาเองก็ดูแลอยู่ 

โพลในทวิตเตอร์นี้อาจจะช่วยให้ Musk เปลี่ยนหุ้นที่ตัวเขาเองมองว่ามันราคาสูงเกินไปนี้ให้เป็นเงินสดได้อย่างเป็นที่ยอมรับ เพราะฉะนั้น ถ้ามองในอีกแง่ มันไม่ได้เกี่ยวกับภาษีอะไรหรอก แต่เป็นการเปลี่ยนหุ้น Tesla อันผันผวนกว่าหมื่นล้านหุ้นเป็นเงินในช่วงเวลาที่หุ้นมันแลดูแพงซะเหลือเกิน

แต่ก็คงจะเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะขายหุ้น Tesla ถึง 17 ล้านหุ้นภายในวันเดียว หากมีหุ้นจำนวนมากขนาดนี้ถูกปล่อยเข้าตลาด ราคาจะต้องตกแน่ๆ ดังนั้น ดูจะเป็นไปได้มากกว่าที่เขาจะค่อยๆ ขายหุ้นส่วนนั้นทีละนิดละน้อยไปเรื่อยๆ อาจจะใช้เวลาขายเป็นเดือน หรือเป็นปี หรืออาจจะนานกว่านั้นอีก หากอดีตเป็นบทเรียนอะไรให้เราได้ละก็ ถ้าอยากรู้อะไรมากกว่านี้ ก็ต้องจับตาดูบัญชีทวิตเตอร์ของ Musk เอาไว้ดีๆ 

ณ ตอนนี้ ​Elon Musk ยังไม่ได้ตอบคำขอของทาง Forbes เกี่ยวกับความคิดเห็นในการขายหุ้นครั้งนี้

แปลและเรียบเรียงโดย ทัตชญา บุษยากิตติกร จากบทความ Here’s How Much Elon Musk Would Pay In Taxes If He Sells 10% Of His Tesla Stock เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม:<a href="https://forbesthailand.com/world/%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b8%88%e0%b8%b1%e0%b8%81%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%9a-sway-%e0%b9%81%e0%b8%a5%e0%b8%b0%e0%b8%96%e0%b8%b8%e0%b8%87%e0%b8%88%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%aa%e0%b8%b2%e0%b8%ab.html"> รู้จักกับ Sway และถุงจากสาหร่ายที่จะทำให้พลาสติกใช้ครั้งเดียวหายไป</a>

<hr />

<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

Elon Musk ต้องเสียภาษีเท่าไร ถ้าขาย "หุ้น Tesla"

<h2>นับได้เป็นครั้งที่ 8 ของ SpaceX หลังจากภารกิจ Tintin เมื่อปี 2018 ที่ได้ส่งดาวเทียมต้นแบบ Tintin A และ ​B เพื่อทดสอบการทำงานในวงโคจรของชั้นบรรยากาศของโลก ล่าสุดบริษัทของ Elon Musk ได้ปล่อยกระสวยอวกาศ Falcon 9 ทุกๆ 2 อาทิตย์</h2>
เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2020 ณ ฐานปล่อยกระสวยอวกาศ Cape Canaveral ในรัฐ Florida สหรัฐอเมริกา Falcon 9 ที่ภายในบรรจุดาวเทียม 60 ดวง ถูกปล่อยตัวจากพื้นโลกในภารกิจ Starlink อีกครั้ง

หากนับตั้งแต่ต้นปี 2020 ถือเป็นการปล่อยกระสวยอวกาศในภารกิจนี้เป็นครั้งที่ 5 ซึ่งเป็นไปตามแผนของการปล่อยกระสวยขึ้นไปยังอวกาศทุกๆ 2 อาทิตย์ ตามจำนวนดาวเทียม Starlink ที่ตั้งเป้าในชั้นบรรยากาศจำนวน 420 ดวง

ภารกิจ Starlink ของ SpaceXในครั้งนี้ตั้งเป้าให้บริการด้านอินเทอร์เน็ตผ่านเครือข่ายดาวเทียมที่ครอบคลุมการให้บริการในอเมริกาตอนเหนือและแคนาดาและเปิดใช้งานราวๆ ปลายปี 2020 นี้ ตามเป้าที่ Elon Musk วางไว้

<img class="alignnone size-full wp-image-29077" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/04/starlink.jpg" alt="" width="600" height="338" />

ทั้งนี้มีรายงานบางฉบับเปิดเผยว่า เมื่อยามที่โลกหมุนเข้าสู่ด้านมืด แผง Starlink อาจเป็นอุปสรรคกับนักดาราศาสตร์ในการสำรวจจักรวาล ทำให้ล่าสุด Elon Musk ซีอีโอ SpaceX แถลงผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวว่าในการลำเลียงดาวเทียมอีก 2 ครั้งที่จะมาถึง จะมีการนำม่านบังแสงเข้าไปติดตั้ง

“เรากำลังเข้าสู่ขั้นตอนต่อไปในการลดการสะท้อนแสงของดาวเทียม โดยจะนำม่านบังแสงติดตั้งต่อไป” Elon กล่าว

สำหรับโครงการ Starlink SpaceXใช้เงินลงทุนมากกว่า 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อพลิกวงการโลกการสื่อสารอินเทอร์เน็ต โดยเริ่มต้นที่สหรัฐฯ และแคนาดา เป็นหลัก

เรียบเรียงใหม่จากบทความ SpaceX Launches Seventh Starlink Mission, Raising Total Number Of Satellites Launched To 420 เผยแพร่บน forbes.com

<hr />

<article id="post-28930" class="post-28930 post type-post status-publish format-standard has-post-thumbnail hentry category-news category-other tag-covid-19 tag-2543 tag-3025 tag-11235">
<div class="body-content post-content-wrap post-detail">

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

</div>
</article>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events