แม้มูลค่าทรัพย์สินรวมของเหล่าบรรดามหาเศรษฐีของฮ่องกงจะมีเพิ่มขึ้นหรือลดลงไปบ้างตามผลกระทบจากสถานการณ์เศรษฐกิจ แต่การผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคระบาดก็น่าจะช่วยจุดประกายความหวังของพวกเขาได้ว่าภาวะเศรษฐกิจในอนาคตจะฟื้นตัวกลับมาดียิ่งขึ้นและช่วยหนุนความร่ำรวยมั่งคั่งของแต่ละบุคคลได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เศรษฐกิจฮ่องกงหดตัว 3.5% ในปี 2022 ซึ่งเป็นผลมาจากการส่งออกหยุดชะงักและอุปสงค์ภายในประเทศลดลง แต่คาดว่าเศรษฐกิจจะฟื้นกลับมาเป็นบวกได้ เนื่องจากมีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคระบาดตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว และการเดินทางแบบไม่ต้องกักตัวก็กลับมาทำได้อีกครั้งในเดือนมกราคมหลังจากชะงักงันไป 3 ปี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แม้ดัชนีฮั่งเส็งจะลดลง 12% นับตั้งแต่ตอนที่เราวัดมูลค่าทรัพย์สินเมื่อปีที่แล้ว แต่ทรัพย์สินรวมของผู้มั่งคั่งที่สุด 50 อันดับแรกของฮ่องกงกลับลดลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเป็น 3.24 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ จาก 3.28 แสนล้านเหรียญ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 550px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/05/3ATmntVsN7p4TbK9HV7s.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="550px,587px" data-align="center" data-file-name="3ATmntVsN7p4TbK9HV7s.jpg" data-file-size="0" origin-size="550,587" data-origin="550px,587px" style="width: 550px; height: 587px;" data-index="0"></figure></div>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทำเนียบปีนี้ยังมีจ่าฝูงคนเดิมคือ Li Ka-shing ผู้ครองอันดับ 1 ด้วยทรัพย์สิน 3.9 หมื่นล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 3 พันล้านเหรียญจากปีที่แล้ว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีข้อมูลใหม่ออกมาเกี่ยวกับทรัพย์สินของเขา แม้หุ้นในกลุ่มบริษัทโครงสร้างพื้นฐาน CK Hutchison Holdings ที่เป็นกิจการหลักของเขาจะมีมูลค่าลดลงเนื่องจากกำไรลดลง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แต่เมื่อหุ้นที่เขาถือในบริษัทเครื่องดื่มชูกำลัง Celsius Holdings มีมูลค่าเพิ่มขึ้นก็ช่วยชดเชยได้บางส่วน โดยราคาหุ้นวิ่งขึ้นเกือบเท่าตัวหลังจาก PepsiCo ประกาศลงทุน 550 ล้านเหรียญในบริษัทนี้​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/05/hQnYs2sHvn6NmmvFsk1X.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="hQnYs2sHvn6NmmvFsk1X.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2"><figcaption><div style="text-align: center;">จากซ้าย: Martin Lee, Lee Shau Kee และ Peter Lee</div></figcaption></figure></div>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นักธุรกิจใหญ่สายอสังหาริมทรัพย์ Lee Shau Kee ยังคงครองความมั่งคั่งเป็นอันดับ 2 แม้ทรัพย์สินสุทธิลดลง 11% เหลือ 3.03 หมื่นล้านเหรียญจากการที่ตลาดอสังหาฯ ซบเซา Henderson Land ของ Lee มองการณ์ไกลด้วยการเร่งเดินหน้าทำตามแผนการก่อสร้างโครงการอสังหาฯ เพื่อการพาณิชย์มูลค่า 1.46 หมื่นล้านเหรียญให้เป็นแลนด์มาร์กริมอ่าวในย่าน Central​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 550px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/05/gVQm8w9nT9rXJ5wrW7tF.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="550px,596px" data-align="center" data-file-name="gVQm8w9nT9rXJ5wrW7tF.jpg" data-file-size="0" origin-size="550,596" data-origin="550px,596px" style="width: 550px; height: 596px;" data-index="3"></figure></div>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Horst Julius Pudwill ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานคณะกรรมการ Techtronic Industries บริษัทผลิตเครื่องมือช่างและผลิตภัณฑ์ดูแลพื้น คือ มหาเศรษฐีฮ่องกงอันดับที่ 14 ซึ่งแม้บริษัทจะทำกำไรเพิ่มขึ้น แต่มูลค่าทรัพย์สินกลับลดลง 19% เหลือ 6 พันล้านเหรียญในรอบปีที่ผ่านมา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยในครึ่งแรกของปี 2022 บริษัทมียอดขาย 7 พันล้านเหรียญ คิดเป็นกำไรสุทธิ 578 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าอย่างละ 10% แต่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่อ่อนแอลงกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Techtronic ซึ่งมีรายได้จากทวีปอเมริกาเหนือคิดเป็นสัดส่วนถึง 77% และมี Home Depot ร้านค้าปลีกอุปกรณ์ตกแต่งบ้านจากสหรัฐฯ เป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อีกทั้งยอดขายบ้านใหม่เมื่อปี 2022 ยังทำสถิติต่ำสุดในรอบ 4 ปี จึงเป็นผลให้หุ้นของ Techtronic ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ปรับตัวลดลงกว่า 20% จากปีก่อนหน้า​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/05/XCbQePjNrnBhA2VscjS8.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="XCbQePjNrnBhA2VscjS8.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="4"></figure></div>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Jean Salata มหาเศรษฐีฮ่องกงอันดับที่ 15 คือผู้ที่มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากที่สุดเมื่อวัดเป็นเปอร์เซ็นต์ เขาได้อานิสงส์จากอภิมหาสัญญามูลค่า 6.7 พันล้านเหรียญ จากขาย Baring Private Equity Asia (BPEA) ให้กับ EQT กลุ่มบริษัทลงทุนในหุ้นนอกที่ตลาดจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์รายใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรปจาก Stockholm&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หลังการขายกิจการดังกล่าวทำให้ Salata มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวมาอยู่ที่ 5.9 พันล้านเหรียญ เป้าหมายสำคัญประการหนึ่งของ BPEA คือ การลงทุนเพิ่มในธุรกิจเทคโนโลยีในเอเชีย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปัจจุบันบริการด้านเทคโนโลยีคิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 3 ของการลงทุนทั้งหมดของ BPEA ซึ่ง Salata ไม่มีแผนที่จะชะลอการลงทุนในกลุ่มนี้ อีกทั้ง ยังมุ่งเป้าทำสัญญาขนาดใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัญญาที่มีมูลค่ากิจการ 1 พันล้านเหรียญขึ้นไป เพื่อผลักดัน EQT สู่ก้าวแรกในเวทีธุรกิจที่มีมูลค่าตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) สูงยิ่งขึ้นไปกว่าเดิม​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/05/PybdXXCarHpMB4UsLHod.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="PybdXXCarHpMB4UsLHod.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="5"></figure></div>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Helmut Sohmen มหาเศรษฐีอีกรายผู้มีทรัพย์สินเพิ่มมากขึ้นและมีความมั่งคั่งอยู่ในอันดับที่ 17 เขาคือผู้ทรงอิทธิพลแห่งธุรกิจขนส่งทางเรือจากฮ่องกงที่มีมูลค่าทรัพย์สิน 5.5 พันล้านเหรียญ เติบโตอย่างก้าวกระโดดถึง 53% จากความต้องการบริการขนส่งทางทะเลที่เพิ่มขึ้นจากบริษัทในกลุ่ม BW Group ของเขานั่นเอง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การคว่ำบาตรบริการขนส่งน้ำมันจากรัสเซียจากเหตุการณ์บุกรุกยูเครนนั้นทำให้ผู้ซื้อต้องรีบเสาะหาผู้ให้บริการรายอื่นจากตะวันออกกลางและสหรัฐฯ การขาดแคลนเรือส่งผลให้การขนส่งน้ำมันและก๊าซมีอัตราค่าระวางสูงขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หุ้นของ Hafnia และ BW LPG บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Oslo ที่อยู่ในความควบคุมของ BW Group มีมูลค่าเพิ่มขึ้น 217% และ 76% ตามลำดับ ในปีที่พวกเขากอบโดยรายได้มหาศาล อ่านเพิ่มเติม:&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/world/asia/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%9A-50-%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%B5%E0%B9%84%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99-%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%88%E0%B8%B3%E0%B8%9B%E0%B8%B5-2023" alt="การจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีไต้หวัน ประจำปี 2023">การจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีไต้หวัน ประจำปี 2023</a><a href="https://forbesthailand.com/world/technology/%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B9%8C" alt="ต่อท่อเชื่อมคลาวด์"></a><hr class="__se__solid">​<a href="https://www.ookbee.com/shop/magazine/FORBES/1381118a-b359-4419-b6ed-b94da33a06cc/april-2023" alt="คลิกอ่านฉบับเต็มและบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนเมษายน 2566 ในรูปแบบ e-magazine">คลิกอ่านฉบับเต็มและบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนเมษายน 2566 ในรูปแบบ e-magazine</a>​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/05/kmGWmjftq8gTEYZPwnBF.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="kmGWmjftq8gTEYZPwnBF.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-percentage="auto,auto" data-rotatex="" data-rotatey="" style="" data-index="6"></figure></div>

“5 มหาเศรษฐีฮ่องกง” เศรษฐกิจหดตัวส่งผลความมั่งคั่งเพิ่มและลด

<h2>การจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีฮ่องกง ประจำปี 2020 แปรปรวนเป็นอย่างยิ่ง สืบเนื่องจากสถานการณ์ประท้วงที่ยืดเยื้อและสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา ซึ่งส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจฮ่องกงในปีที่ผ่านมา</h2>
มูลค่าสินทรัพย์ของบุคคลในทำเนียบ 50 มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในฮ่องกงมีทั้งเพิ่มขึ้นและลดลงโดย 24 รายมีสินทรัพย์เพิ่มขึ้น ขณะที่อีก 22 รายมีสินทรัพย์ลดลง ซึ่งในขณะที่ดัชนีตลาดหุ้น Hang Seng แทบไม่เปลี่ยนแปลงจากตอนที่เราประเมินมูลค่าทรัพย์สินของมหาเศรษฐีฮ่องกงในเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว

แต่มูลค่าสินทรัพย์รวมของ มหาเศรษฐีฮ่องกง 50 อันดับแรกยังคงเพิ่มขึ้น 7% เป็น 3.08 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ พบ 10 อันดับมหาเศรษฐีฮ่องกงที่ร่ำรวยที่สุดประจำปี 2020

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-28735" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/04/https_2F2Fspecials-images.forbesimg.com2Fimageserve2F5e764b97c7b02d000666cade2F0x0.jpg" alt="" width="416" height="416" />
อันดับที่ 1
LEE SHAU KEE
อายุ 92 ปี
มูลค่าทรัพย์สิน: 3.04 หมื่นล้านเหรียญ
แหล่งที่มา: HENDERSON LAND DEVELOPMENT

&nbsp;

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-28730" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/04/https_2F2Fspecials-images.forbesimg.com2Fimageserve2F5e3b1aaca854780006b0841d2F0x0.jpg" alt="" width="416" height="416" />
อันดับที่ 2
LI KA-SHING
อายุ: 91 ปี
มูลค่าทรัพย์สิน: 2.94 หมื่นล้านเหรียญ
แหล่งที่มา: CK HUTCHISON, CK ASSET HOLDINGS

&nbsp;

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-28729" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/04/https_2F2Fspecials-images.forbesimg.com2Fimageserve2F5a1330a64bbe6f37e65807f82F0x0.jpg" alt="" width="416" height="415" />
อันดับที่ 3
HENRY CHENG &amp; FAMILY
อายุ: 73 ปี
มูลค่าทรัพย์สิน: 2.07 หมื่นล้านเหรียญ
แหล่งที่มา: CHOW TAI FOOK, NEW WORLD DEVELOPMENT

&nbsp;

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-28734" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/04/https_2F2Fspecials-images.forbesimg.com2Fimageserve2F5e764a6dc7b02d000666caac2F0x0.jpg" alt="" width="388" height="389" />
อันดับที่4
JOSEPH LAU
อายุ: 68 ปี
มูลค่าทรัพย์สิน: 1.69 หมื่นล้านเหรียญ
แหล่งที่มา: CHINESE ESTATES HOLDINGS

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-28736" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/04/https_2F2Fspecials-images.forbesimg.com2Fimageserve2F5e764d2710380d0006fbb0452F0x0.jpg" alt="" width="416" height="416" />
อันดับที่5
LUI CHE WOO
อายุ: 90 ปี
มูลค่าทรัพย์สิน: 1.54 หมื่นล้านเหรียญ
แหล่งที่มา: GALAXY ENTERTAINMENT GROUP

&nbsp;

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-28738" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/04/https_2F2Fspecials-images.forbesimg.com2Fimageserve2F56898008e4b0ffa7afe8a6982F0x0.jpg" alt="" width="321" height="322" />
อันดับที่6
LEE MAN TAT
อายุ: 90 ปี
มูลค่าทรัพย์สิน: 1.52 หมื่นล้านเหรียญ
แหล่งที่มา: LKK GROUP

&nbsp;

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-28732" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/04/https_2F2Fspecials-images.forbesimg.com2Fimageserve2F5e3b214da854780006b084e62F0x0.jpg" alt="" width="354" height="354" />
อันดับที่7
KWONG SIU-HING
อายุ: 90 ปี
มูลค่าทรัพย์สิน: 1.37 หมื่นล้านเหรียญ
แหล่งที่มา: SUN HUNG KAI PROPERTIES

&nbsp;

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-28731" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/04/https_2F2Fspecials-images.forbesimg.com2Fimageserve2F5e3b22f4a854780006b0851f2F0x0.jpg" alt="" width="416" height="416" />
อันดับที่8
PETER WOO
อายุ: 73 ปี
มูลค่าทรัพย์สิน: 1.16 หมื่นล้านเหรียญ
แหล่งที่มา: WHEELOCK &amp; CO.

&nbsp;

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-28737" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/04/https_2F2Fspecials-images.forbesimg.com2Fimageserve2F5e7446a210380d0006bdad3b2F0x0.jpg" alt="" width="416" height="416" />
อันดับที่9
JOSEPH TSAI
อายุ: 56 ปี
มูลค่าทรัพย์สิน: 1.15 หมื่นล้านเหรียญ
แหล่งที่มา: ALIBABA GROUP

&nbsp;

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-28733" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/04/https_2F2Fspecials-images.forbesimg.com2Fimageserve2F5e3b2422f133f400076bb4cb2F0x0.jpg" alt="" width="416" height="416" />
อันดับที่10
YEUNG KIN-MAN และ LAM WAI YING
มูลค่าทรัพย์สิน: 8 พันล้านเหรียญ
แหล่งที่มา: BIEL CRYSTAL

<a href="https://forbesthailand.com/world/asia/%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B8%A5%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9E%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%99-%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%84.html">อ่านเพิ่มเติม: มูลค่าทรัพย์สินขึ้น-ลงคละเคล้า มหาเศรษฐีฮ่องกง ต้องเผชิญกับปีที่ท้าทาย</a>

เรื่อง: Grace Chung และ Naazneen Karmali เรียบเรียง: พิษณุ พรหมจรรยา, ธรรดร โสตถิอำรุง และปาริชาติ ชื่นชม

<hr />

<a href="https://bit.ly/38hL0Vu">คลิกอ่านการจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีฮ่องกง ประจำปี 2020 ได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับ มีนาคม 2563 ในรูปแบบ e-magazine</a>

<img class="alignnone wp-image-27443" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/03/COVER-82-MARCH-.jpg" alt="สรพหล นิติกาญจนา" width="301" height="395" />

10 อันดับ มหาเศรษฐีฮ่องกง ประจำปี 2020

Lee Shau Kee ซึ่งยังรั้งตำแหน่งประธาน Henderson Land Development บอกว่าเขาจะเกษียณแล้ว โดยมี Martin ลูกชายของเขาดูแล Henderson Land ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของตระกูลในฐานะรองประธาน ส่วน Pete ซึ่งเป็นลูกชายอีกคนที่รับตำแหน่งรองประธานเหมือนกันรับหน้าที่ดูแลธุรกิจในประเทศจีน ขณะที่ Margaret ลูกสาวก็รับหน้าที่เป็นผู้บริหารด้วย ทายาทรุ่นที่ 3 กำลังจะเข้ามาร่วมทำหน้าที่บริหาร ในปัจจุบัน Kristine Li ซึ่งเป็นหลานคนโตก็เข้ามาดูแลธุรกิจห้างสรรพสินค้า
ทั้งนี้ Shau Kee ย้ายฐานธุรกิจจากมณฑล Guangdong ไปที่ฮ่องกงในปี 1948 โดยเริ่มจากการซื้อขายโลหะมีค่าและค้าเงิน ต่อมาเขาเป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทอสังหาริมทรัพย์ Sun Hung Kai กับพันธมิตร 2 ราย แต่ท้ายที่สุดก็แยกทางกันและมาก่อตั้ง Henderson Development เมื่อปี 1973 นอกจากนี้ Lee ยังถือหุ้นในธุรกิจบริการ ก๊าซ และการลงทุน อีกด้วย

ตระกูล Lee (Shau Kee)

เรื่อง: คณนา กถารังสิพร
<h2>Lee Shau-Kee เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ที่รวยสูงสุดเป็นอันดับ 2 ของฮ่องกงและในเอเชีย เป็นรองแค่ Lee Ka-shing เจ้าสัวบิ๊กธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมที่รั้งอันดับ 1 ของเกาะติดต่อกันยาวนานถึง 17 ปี แม้จะอยู่ในวัย 87 ปีแล้ว แต่ Lee Shau-Kee ก็ยังไม่อาจวางธุรกิจและการลงทุนดังที่เคยลั่นวาจาว่าอยากจะเพลาเรื่อง ธุรกิจแล้วก็ตามกลางปีที่ผ่านมา เขาทุ่มเงินกว่า 1.1 พันล้านเหรียญฮ่องกงเพิ่มสัดส่วนหุ้นใน Henderson Land Development ธุรกิจที่เขาปลุกปั้นขึ้นมาจาก 69.6% เป็น 70.17% และอีกราว 715 ล้านเหรียญฮ่องกงเพิ่มสัดส่วนหุ้นเป็น 1.81% จาก 1.66% ใน Sun Hung Kai Properties Ltd. บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของฮ่องกงที่เขาเองก็เป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง</h2>
Lee Shau-Kee เกิดที่เมือง Shunde มณฑล Guangdong ประเทศจีน โดยพ่อส่งเขามาอยู่ที่ฮ่องกงในสมัยคอมมิวนิสต์เคลื่อนทัพเข้าสู่ทางตอนใต้ของจีนในปี 1948 Lee Shau-Kee แสวงหาโอกาสในฮ่องกง โดยเริ่มทำงานกับดีลเลอร์ค้าเงินตราทำธุรกิจส่งออก ก่อนหันสู่แวดวงอสังหาริมทรัพย์ โดยกอดคอกับสองคู่หู คือ Kwok Tak-Seng และ Fung King-Hei ก่อตั้ง Sun Hung Kai Properties ในปี 1956 ซึ่งต่อมากลายเป็นยักษ์ใหญ่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของฮ่องกง และเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงสุดในฮ่องกงและเอเชียกระทั่งปี 1973 เขาแยกตัวออกมาตั้งบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของตัวเองในชื่อ Henderson Land และนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงในปี 1981

เขาก่อร่างสร้างอาณาจักรด้วยการสะสมที่ดินเก็บเข้าพอร์ต ซึ่งเริ่มจากที่ดินการเกษตรในเขต New Territories ของฮ่องกง และเข้ามาไล่ซื้อในเขตตัวเมืองเพื่อนำมาพัฒนาสร้างมูลค่าใหม่ จนกล่าวกันว่า ที่ดินในมือของบริษัทสามารถสร้างแฟลตได้ถึง 45,000 ยูนิต

ปัจจุบัน บริษัทมีที่ดินการเกษตรรวม 44.5 ล้านตารางฟุต หรือกว่า 4 ล้านตารางเมตรในเขต New Territories ของฮ่องกง ถือเป็นปริมาณที่มากที่สุดเมื่อเทียบกับที่ดินในมือของบริษัทอสังหาริมทรัพย์อื่น ทว่าสินทรัพย์ในฮ่องกงของ Henderson Land ที่สร้างให้ Lee Shau-Kee กลายเป็นเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของโลก คือ พื้นที่เช่าในโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ รวม 23.8 ล้านตารางฟุต หรือราว 2.2 ล้านตารางเมตร (ณ สิ้นปี 2557) ซึ่งกว่า 90% เป็นพื้นที่ในอาคารสำนักงานและศูนย์การค้า

Henderson Land เป็นบริษัทโฮลดิ้งที่ลงทุนในหลายธุรกิจบริษัทในเครือเกี่ยวข้องกับธุรกิจ หลากหลาย อาทิ ธุรกิจขนส่งสินค้าอันตรายทางเรือและอสังหาริมทรัพย์, ธุรกิจค้าปลีกในฮ่องกง และลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในจีน ธุรกิจโรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ อสังหาริมทรัพย์ให้เช่าทั้งในฮ่องกงและจีน รวมไปถึงธุรกิจก๊าซเก่าแก่ที่เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายก๊าซรายใหญ่ที่สุดของ ฮ่องกง

Lee Shau-Kee ถือเป็นนักเล่นหุ้นตัวยง จากการลงทุนในหุ้นของธุรกิจจีนแผ่นดินใหญ่ที่เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลัก ทรัพย์ฮ่องกงจนโกยกำไรมหาศาล เขาลงทุนหุ้นตั้งแต่ปี 2006 จนได้รับฉายาว่า Hong Kong’s Warren Buffet และ Asia’s Master of Stocks รวมไปถึง “Uncle Four” หรือ “เจ็กสี่” อีกฉายาที่เขาได้รับจากการที่เป็นลูกคนที่ 4 ที่กลายมาเป็นเศรษฐีพันล้าน ซึ่งมีจำนวนไม่กี่คนในโลกไม่ได้แต่งงานหรือมีภรรยาใหม่หลังหย่าขาดอดีตมิส ฮ่องกงเมื่อปี 1981

ในปี 1982 เขาก่อตั้ง Hong Kong Pei Hua Education Foundation ซึ่งให้โอกาสทางการศึกษาและจัดฝึกอบรมให้กับคนในประเทศจีนพอปลายปี 2005 เขาบริจาคเงิน 330 ล้านหยวนผ่าน Lee Shau Kee Foundation เพื่อริเริ่ม The Warmth Project โครงการฝึกอบรมเกษตรกร ซึ่งถือเป็นโครงการการกุศลที่ใหญ่ที่สุดในจีน โดยโครงการนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน ทำให้เกษตรกรจำนวน 1 ล้านคน และหมอชนบท 10,000 คนในเขตเทศมณฑล 1,000 เขตทั่วประเทศได้รับการฝึกฝนและพัฒนาอาชีพไม่เพียงเท่านั้น เป็นต้น

<hr />

<a href="http://goo.gl/r8jc9k">คลิ๊กอ่าน "Lee Shau-Kee 1 ใน 5 มหาเศรษฐีระดับโลก ผู้จับอะไรเป็นทอง" ฉบับเต็มได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ NOVEMBER 2015</a>

<a href="http://goo.gl/r8jc9k"><img class="img-responsive" src="http://forbesthailand.com/uploads/userfiles/images/November%202015/cover---forbes-Life.png" alt="" width="363" height="434" /></a>

Lee Shau-Kee 1 ใน 5 มหาเศรษฐีระดับโลก ผู้จับอะไรเป็นทอง

<h2 class="p1">9 มกราคม 2558 - Forbes Asia ประกาศทำเนียบ 50 มหาเศรษฐี Hong Kong ประจำปี 2015 มีมูลค่าทรัพย์สินรวม 2.36 แสนล้านเหรียญ รายต่ำสุดอยู่ที่ 1.28 พันล้านเหรียญ</h2>
Li Ka-shing คือมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของ Hong Kong ในปี 2015 ชายวัย 86 ปีผู้นี้ ครองที่หนึ่งเป็นเวลา 17 ปีต่อเนื่องกัน ล่าสุดเขาถือทรัพย์สินรวม 3.35 หมื่นล้านเหรียญ ขยับเพิ่มจากปีก่อน 1.5 พันล้านเหรียญ โดยมาจากเงินปันผล 1.9 พันล้านเหรียญ และบางส่วนมาจากการขายหุ้น 25% ในบริษัทค้าปลีกข้ามชาติ A.S. Watson Group ให้กับ Temasek ของสิงคโปร์
ธุรกิจของ Li Ka-shing ครอบคลุมทั้งอสังหาริมทรัพย์ ท่าเรือ ค้าปลีก และกิจการมากมายใน 52 ประเทศ มีพนักงานกว่า 270,000 คน  ธุรกิจหลักที่สำคัญคือบริษัท Cheung Kong, Husky Energy และ Hutchison Whampoa
ส่วนอันดับ 2 คือนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ Lee Shau Kee มูลค่าทรัพย์สินของเขาเพิ่มจาก 5 พันล้านเหรียญ เป็น 2.5 หมื่นล้านเหรียญ  โดยการเพิ่มหุ้นในบริษัท Henderson Land ของเขา ช่วยดันให้ราคาหุ้นและสินทรัพย์ของตัวเองมีมูลค่าเพิ่มขึ้น อาณาจักรธุรกิจของเขามีทั้งโรงแรม (Miramar Hotel ใน Kowloon) กิจการพลังงาน (Hong Kong &amp; China Gas) และพอร์ตการลงทุนขนาดยักษ์ 
อันดับ 3 คือ Cheng Yu-tung มีทรัพย์สินรวม 1.5 หมื่นล้านเหรียญ ครอบครัวเขามีกิจการหลากหลาย ตั้งแต่ธุรกิจแฟชั่นไปจนถึงสาธารณูปโภค ในปีนี้  Cheng ขยับอันดับจากปีก่อนขึ้นมาสองขั้น แม้ว่าความร่ำรวยจะลดลงราว 500 ล้านเหรียญ ซึ่งบางส่วนเกิดจากราคาหุ้นของบริษัทอัญมณีใหญ่สุดในเอเชีย Chow Tai Fook ลดลง
แต่เจ้าสัวผู้ร่ำรวยอย่างก้าวกระโดดคือ Joseph Tsai อันดับ 9 ทรัพย์สินสุทธิ 6.85 พันล้านเหรียญ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดิมเกือบสองเท่า เขาคือรองประธานของ Alibaba ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซของจีน การเสนอขาย IPO เมื่อกันยายนปีกลายที่สร้างประวัติศาสตร์ในสหรัฐฯ ทำให้ความมั่งคั่งของเขาเพิ่มขึ้นอีก 3.65 ล้านเหรียญ 
ทั้งนี้อาจกล่าวได้ว่าในปี 2014 เป็นปีที่แสนจะผันผวนของเศรษฐีฮ่องกง จนเป็นเหตุให้ความมั่งคั่งโดยรวมของทำเนียบมหาเศรษฐีทั้ง 50 คน เปลี่ยนแปลงจากปีที่แล้วเล็กน้อย โดยทั้งหมดมีมูลค่ารวม 2.36 แสนล้านเหรียญ มี 18 คนที่มีทรัพย์สินลดลง ขณะที่ 6 คนคงที่
มหาเศรษฐีลำดับสุดท้ายในการจัดอันดับมีทรัพย์สิน 1.28 พันล้านบาท แนวโน้มของความร่ำรวยดังกล่าวสอดคล้องกับ GDP อันซบเซาของฮ่องกงในปีที่แล้ว ที่เติบโตเพียง 2.2% เมื่อเทียบกับปี 2013 ที่ 2.9% ขณะที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แทบจะไม่ขยับเขยื้อน ปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อสภาวะทางเศรษฐกิจของ Hong Kong ประกอบด้วยตลาดอสังหาฯ ที่เซื่องซึม การเติบโตบนแผ่นดินใหญ่ที่เริ่มชะลอตัว และช่วงขาลงของธุรกิจคาสิโน Macau
ในปีนี้ปรากฏเศรษฐีหน้าใหม่รวม 5 ราย ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ Walter Kwok อันดับ 10 มูลค่า 6.7 พันล้านเหรียญ, Pan Sutong อันดับ 11 มูลค่า 6.1 พันล้านเหรียญ, Ko Fook Kau อันดับ 27 มูลค่า 2.21 พันล้านเหรียญ, Gaw family อันดับ 48 มูลค่า 1.3 พันล้านเหรียญ ขณะที่ Billy Kan อันดับ 40 มูลค่า 1.61 พันล้านเหรียญ เป็นประธาน China LNG ซึ่งประกอบธุรกิจแก๊สธรรมชาติทั่วทั้งประเทศจีน
สองรายที่กลับคืนสู่ทำเนียบมหาเศรษฐีได้ คือ Thomas Lau อันดับ 42 มูลค่า 1.5 พันล้านเหรียญ เจ้าของห้างสรรพสินค้าในเชน Lifestyle International มีชอปปิงมอลล์ 2 แห่งในฮ่องกง และอีก 4 แห่งในจีน  และ Kenneth Lo อันดับ 44 มูลค่า 1.4 พันล้านเหรียญ ประธาน Crystal Group หนึ่งในผู้ผลิตเสื้อผ้าสิ่งทอรายใหญ่ มีพนักงาน 35,000 คนทั่วโลก
 

<h2 class="p1">มหาเศรษฐี Hong Kong ปี 2015  10 อันดับแรก ได้แก่</h2>
 1. Li Ka-shing   3.35 หมื่นล้านเหรียญ
 2. Lee Shau Kee 2.5 หมื่นล้านเหรียญ
 3. Cheng Yu-tung 1.5 หมื่นล้านเหรียญ
 4. Thomas &amp; Raymond Kwok 1.47 หมื่นล้านเหรียญ
 5. Lui Che Woo  1.34 หมื่นล้านเหรียญ
 6. Joseph Lau 1.09 หมื่นล้านเหรียญ
 7. Michael Kadoorie 8.9 พันล้านเหรียญ
 8. Peter Woo  $7.9 พันล้านเหรียญ
 9. Joseph Tsai  6.85 พันล้านเหรียญ
 10. Walter Kwok  6.7 พันล้านเหรียญ
&nbsp;
อ่านเพิ่มเติม: <a href="http://www.forbes.com/hong-kong-billionaires/">Forbes Hong Kong Rich List 2015</a>


<figure><img class="wp-image-20478 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2015/01/Forbes-Asia_cover-e1568612372864.jpg" alt="" width="457" height="600" /><figcaption> Edwin Leong นักลงทุนอสังหาริมทรัพย์และเศรษฐีใจบุญ, มหาเศรษฐีอันดับ 18 ของ Hong Kong ด้วยทรัพย์สิน 2.9 พันล้านเหรียญ บนหน้าปก Forbes Asia ฉบับมกราคม 2015</figcaption></figure>

 

ข่าวอื่นๆ

 • <a href="http://www.forbesthailand.com/article_detail.php?article_id=140">100 มหาเศรษฐีอินเดียปีนี้ ทุกคนร่ำรวยระดับพันล้าน</a>

• <a href="http://www.forbesthailand.com/article_detail.php?article_id=178">“เจ้าสัวออนไลน์” ยึดแท่นสุดยอดมหาเศรษฐีจีน</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events