9 มกราคม 2558 - Forbes Asia ประกาศทำเนียบ 50 มหาเศรษฐี Hong Kong ประจำปี 2015 มีมูลค่าทรัพย์สินรวม 2.36 แสนล้านเหรียญ รายต่ำสุดอยู่ที่ 1.28 พันล้านเหรียญ
Li Ka-shing คือมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของ Hong Kong ในปี 2015 ชายวัย 86 ปีผู้นี้ ครองที่หนึ่งเป็นเวลา 17 ปีต่อเนื่องกัน ล่าสุดเขาถือทรัพย์สินรวม 3.35 หมื่นล้านเหรียญ ขยับเพิ่มจากปีก่อน 1.5 พันล้านเหรียญ โดยมาจากเงินปันผล 1.9 พันล้านเหรียญ และบางส่วนมาจากการขายหุ้น 25% ในบริษัทค้าปลีกข้ามชาติ A.S. Watson Group ให้กับ Temasek ของสิงคโปร์
ธุรกิจของ Li Ka-shing ครอบคลุมทั้งอสังหาริมทรัพย์ ท่าเรือ ค้าปลีก และกิจการมากมายใน 52 ประเทศ มีพนักงานกว่า 270,000 คน ธุรกิจหลักที่สำคัญคือบริษัท Cheung Kong, Husky Energy และ Hutchison Whampoa
ส่วนอันดับ 2 คือนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ Lee Shau Kee มูลค่าทรัพย์สินของเขาเพิ่มจาก 5 พันล้านเหรียญ เป็น 2.5 หมื่นล้านเหรียญ โดยการเพิ่มหุ้นในบริษัท Henderson Land ของเขา ช่วยดันให้ราคาหุ้นและสินทรัพย์ของตัวเองมีมูลค่าเพิ่มขึ้น อาณาจักรธุรกิจของเขามีทั้งโรงแรม (Miramar Hotel ใน Kowloon) กิจการพลังงาน (Hong Kong & China Gas) และพอร์ตการลงทุนขนาดยักษ์
อันดับ 3 คือ Cheng Yu-tung มีทรัพย์สินรวม 1.5 หมื่นล้านเหรียญ ครอบครัวเขามีกิจการหลากหลาย ตั้งแต่ธุรกิจแฟชั่นไปจนถึงสาธารณูปโภค ในปีนี้ Cheng ขยับอันดับจากปีก่อนขึ้นมาสองขั้น แม้ว่าความร่ำรวยจะลดลงราว 500 ล้านเหรียญ ซึ่งบางส่วนเกิดจากราคาหุ้นของบริษัทอัญมณีใหญ่สุดในเอเชีย Chow Tai Fook ลดลง
แต่เจ้าสัวผู้ร่ำรวยอย่างก้าวกระโดดคือ Joseph Tsai อันดับ 9 ทรัพย์สินสุทธิ 6.85 พันล้านเหรียญ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดิมเกือบสองเท่า เขาคือรองประธานของ Alibaba ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซของจีน การเสนอขาย IPO เมื่อกันยายนปีกลายที่สร้างประวัติศาสตร์ในสหรัฐฯ ทำให้ความมั่งคั่งของเขาเพิ่มขึ้นอีก 3.65 ล้านเหรียญ
ทั้งนี้อาจกล่าวได้ว่าในปี 2014 เป็นปีที่แสนจะผันผวนของเศรษฐีฮ่องกง จนเป็นเหตุให้ความมั่งคั่งโดยรวมของทำเนียบมหาเศรษฐีทั้ง 50 คน เปลี่ยนแปลงจากปีที่แล้วเล็กน้อย โดยทั้งหมดมีมูลค่ารวม 2.36 แสนล้านเหรียญ มี 18 คนที่มีทรัพย์สินลดลง ขณะที่ 6 คนคงที่
มหาเศรษฐีลำดับสุดท้ายในการจัดอันดับมีทรัพย์สิน 1.28 พันล้านบาท แนวโน้มของความร่ำรวยดังกล่าวสอดคล้องกับ GDP อันซบเซาของฮ่องกงในปีที่แล้ว ที่เติบโตเพียง 2.2% เมื่อเทียบกับปี 2013 ที่ 2.9% ขณะที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แทบจะไม่ขยับเขยื้อน ปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อสภาวะทางเศรษฐกิจของ Hong Kong ประกอบด้วยตลาดอสังหาฯ ที่เซื่องซึม การเติบโตบนแผ่นดินใหญ่ที่เริ่มชะลอตัว และช่วงขาลงของธุรกิจคาสิโน Macau
ในปีนี้ปรากฏเศรษฐีหน้าใหม่รวม 5 ราย ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ Walter Kwok อันดับ 10 มูลค่า 6.7 พันล้านเหรียญ, Pan Sutong อันดับ 11 มูลค่า 6.1 พันล้านเหรียญ, Ko Fook Kau อันดับ 27 มูลค่า 2.21 พันล้านเหรียญ, Gaw family อันดับ 48 มูลค่า 1.3 พันล้านเหรียญ ขณะที่ Billy Kan อันดับ 40 มูลค่า 1.61 พันล้านเหรียญ เป็นประธาน China LNG ซึ่งประกอบธุรกิจแก๊สธรรมชาติทั่วทั้งประเทศจีน
สองรายที่กลับคืนสู่ทำเนียบมหาเศรษฐีได้ คือ Thomas Lau อันดับ 42 มูลค่า 1.5 พันล้านเหรียญ เจ้าของห้างสรรพสินค้าในเชน Lifestyle International มีชอปปิงมอลล์ 2 แห่งในฮ่องกง และอีก 4 แห่งในจีน และ Kenneth Lo อันดับ 44 มูลค่า 1.4 พันล้านเหรียญ ประธาน Crystal Group หนึ่งในผู้ผลิตเสื้อผ้าสิ่งทอรายใหญ่ มีพนักงาน 35,000 คนทั่วโลก
มหาเศรษฐี Hong Kong ปี 2015 10 อันดับแรก ได้แก่
1. Li Ka-shing 3.35 หมื่นล้านเหรียญ
2. Lee Shau Kee 2.5 หมื่นล้านเหรียญ
3. Cheng Yu-tung 1.5 หมื่นล้านเหรียญ
4. Thomas & Raymond Kwok 1.47 หมื่นล้านเหรียญ
5. Lui Che Woo 1.34 หมื่นล้านเหรียญ
6. Joseph Lau 1.09 หมื่นล้านเหรียญ
7. Michael Kadoorie 8.9 พันล้านเหรียญ
8. Peter Woo $7.9 พันล้านเหรียญ
9. Joseph Tsai 6.85 พันล้านเหรียญ
10. Walter Kwok 6.7 พันล้านเหรียญ
อ่านเพิ่มเติม: Forbes Hong Kong Rich List 2015
ข่าวอื่นๆ • 100 มหาเศรษฐีอินเดียปีนี้ ทุกคนร่ำรวยระดับพันล้าน • “เจ้าสัวออนไลน์” ยึดแท่นสุดยอดมหาเศรษฐีจีน