Lee Shau-Kee เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ที่รวยสูงสุดเป็นอันดับ 2 ของฮ่องกงและในเอเชีย เป็นรองแค่ Lee Ka-shing เจ้าสัวบิ๊กธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมที่รั้งอันดับ 1 ของเกาะติดต่อกันยาวนานถึง 17 ปี แม้จะอยู่ในวัย 87 ปีแล้ว แต่ Lee Shau-Kee ก็ยังไม่อาจวางธุรกิจและการลงทุนดังที่เคยลั่นวาจาว่าอยากจะเพลาเรื่อง ธุรกิจแล้วก็ตามกลางปีที่ผ่านมา เขาทุ่มเงินกว่า 1.1 พันล้านเหรียญฮ่องกงเพิ่มสัดส่วนหุ้นใน Henderson Land Development ธุรกิจที่เขาปลุกปั้นขึ้นมาจาก 69.6% เป็น 70.17% และอีกราว 715 ล้านเหรียญฮ่องกงเพิ่มสัดส่วนหุ้นเป็น 1.81% จาก 1.66% ใน Sun Hung Kai Properties Ltd. บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของฮ่องกงที่เขาเองก็เป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง
Lee Shau-Kee เกิดที่เมือง Shunde มณฑล Guangdong ประเทศจีน โดยพ่อส่งเขามาอยู่ที่ฮ่องกงในสมัยคอมมิวนิสต์เคลื่อนทัพเข้าสู่ทางตอนใต้ของจีนในปี 1948 Lee Shau-Kee แสวงหาโอกาสในฮ่องกง โดยเริ่มทำงานกับดีลเลอร์ค้าเงินตราทำธุรกิจส่งออก ก่อนหันสู่แวดวงอสังหาริมทรัพย์ โดยกอดคอกับสองคู่หู คือ Kwok Tak-Seng และ Fung King-Hei ก่อตั้ง Sun Hung Kai Properties ในปี 1956 ซึ่งต่อมากลายเป็นยักษ์ใหญ่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของฮ่องกง และเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงสุดในฮ่องกงและเอเชียกระทั่งปี 1973 เขาแยกตัวออกมาตั้งบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของตัวเองในชื่อ Henderson Land และนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงในปี 1981 เขาก่อร่างสร้างอาณาจักรด้วยการสะสมที่ดินเก็บเข้าพอร์ต ซึ่งเริ่มจากที่ดินการเกษตรในเขต New Territories ของฮ่องกง และเข้ามาไล่ซื้อในเขตตัวเมืองเพื่อนำมาพัฒนาสร้างมูลค่าใหม่ จนกล่าวกันว่า ที่ดินในมือของบริษัทสามารถสร้างแฟลตได้ถึง 45,000 ยูนิต ปัจจุบัน บริษัทมีที่ดินการเกษตรรวม 44.5 ล้านตารางฟุต หรือกว่า 4 ล้านตารางเมตรในเขต New Territories ของฮ่องกง ถือเป็นปริมาณที่มากที่สุดเมื่อเทียบกับที่ดินในมือของบริษัทอสังหาริมทรัพย์อื่น ทว่าสินทรัพย์ในฮ่องกงของ Henderson Land ที่สร้างให้ Lee Shau-Kee กลายเป็นเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของโลก คือ พื้นที่เช่าในโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ รวม 23.8 ล้านตารางฟุต หรือราว 2.2 ล้านตารางเมตร (ณ สิ้นปี 2557) ซึ่งกว่า 90% เป็นพื้นที่ในอาคารสำนักงานและศูนย์การค้า Henderson Land เป็นบริษัทโฮลดิ้งที่ลงทุนในหลายธุรกิจบริษัทในเครือเกี่ยวข้องกับธุรกิจ หลากหลาย อาทิ ธุรกิจขนส่งสินค้าอันตรายทางเรือและอสังหาริมทรัพย์, ธุรกิจค้าปลีกในฮ่องกง และลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในจีน ธุรกิจโรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ อสังหาริมทรัพย์ให้เช่าทั้งในฮ่องกงและจีน รวมไปถึงธุรกิจก๊าซเก่าแก่ที่เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายก๊าซรายใหญ่ที่สุดของ ฮ่องกง Lee Shau-Kee ถือเป็นนักเล่นหุ้นตัวยง จากการลงทุนในหุ้นของธุรกิจจีนแผ่นดินใหญ่ที่เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลัก ทรัพย์ฮ่องกงจนโกยกำไรมหาศาล เขาลงทุนหุ้นตั้งแต่ปี 2006 จนได้รับฉายาว่า Hong Kong’s Warren Buffet และ Asia’s Master of Stocks รวมไปถึง “Uncle Four” หรือ “เจ็กสี่” อีกฉายาที่เขาได้รับจากการที่เป็นลูกคนที่ 4 ที่กลายมาเป็นเศรษฐีพันล้าน ซึ่งมีจำนวนไม่กี่คนในโลกไม่ได้แต่งงานหรือมีภรรยาใหม่หลังหย่าขาดอดีตมิส ฮ่องกงเมื่อปี 1981 ในปี 1982 เขาก่อตั้ง Hong Kong Pei Hua Education Foundation ซึ่งให้โอกาสทางการศึกษาและจัดฝึกอบรมให้กับคนในประเทศจีนพอปลายปี 2005 เขาบริจาคเงิน 330 ล้านหยวนผ่าน Lee Shau Kee Foundation เพื่อริเริ่ม The Warmth Project โครงการฝึกอบรมเกษตรกร ซึ่งถือเป็นโครงการการกุศลที่ใหญ่ที่สุดในจีน โดยโครงการนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน ทำให้เกษตรกรจำนวน 1 ล้านคน และหมอชนบท 10,000 คนในเขตเทศมณฑล 1,000 เขตทั่วประเทศได้รับการฝึกฝนและพัฒนาอาชีพไม่เพียงเท่านั้น เป็นต้นคลิ๊กอ่าน "Lee Shau-Kee 1 ใน 5 มหาเศรษฐีระดับโลก ผู้จับอะไรเป็นทอง" ฉบับเต็มได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ NOVEMBER 2015