วศินบุรี สุพานิชวรภาชน์ ศิลปินศิลปาธรผู้สร้าง “อาร์ตชบุรี”

<h2 class="p1"><span class="s1">ตลาดรวมเซรามิกกว่า 3 หมื่นล้านบาทหดตัวจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ปัญหาหนี้ครัวเรือน และภัยแล้งฉุดกำลังซื้อผู้บริโภค ส่งผลกระทบรายได้ เอสซีจี เซรามิกส์ ปรับโครงสร้างเลย์ออฟพนักงาน พร้อมเดินหน้ารุกขยายสาขา ภายใต้โมเดล “คลัง เซรามิค แฟมิลี่”</span></h2>
<p class="p1"><span class="s1"><strong> นำพล มลิชัย</strong> กรรมการผู้จัดการ <strong>บริษัท เอสซีจี เซรามิกส์ จำกัด (มหาชน)</strong> ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์กระเบื้อง ภายใต้แบรนด์ “คอตโต้” (COTTO) โสสุโก้ (SOSUCO) และคัมพานา (CAMPANA) เปิดเผยว่า สถานการณ์ตลาดเซรามิกในประเทศ มูลค่า 3-3.5 หมื่นล้านบาทในปี 2562 ที่ผ่านมา ไม่มีการเติบโตและติดลบเล็กน้อย โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลังที่เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะชะลอตัว ปัญหาภัยแล้งและหนี้ครัวเรือน ซึ่งกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค ประกอบกับมาตรการคุมเข้มการปล่อยสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ (Loan to Value - LTV) ของธนาคารแห่งประเทศไทย ทำให้โครงการก่อสร้างที่อยู่อาศัยชะลอตัว</span></p>
<p class="p1"><span class="s1"> สำหรับผลประกอบการของบริษัทฯ ในไตรมาส 4 ปี 2562 <span style="color: #008000;">มีรายได้จากการขาย 2.55 พันล้านบาท ลดลง 6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 7% จากไตรมาสก่อน โดยมีผลขาดทุน 70 ล้านบาท เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายสำหรับพนักงานที่ออกจากงานตามแผนปรับโครงสร้างองค์กร</span> จำนวน 150 คน เป็นจำนวนเงิน 85 ล้านบาท และหากหักค่าใช้จ่ายในส่วนนี้จะส่งผลให้บริษัทมีกำไรในไตรมาส 4<span class="Apple-converted-space">  </span>ซึ่งจากการควบรวม 5 บริษัทย่อยในปีที่ผ่านมา ทำให้มีพนักงานออกตามแผนการปรับโครงสร้างองค์กรรวม 450 คน หรือคิดเป็นสัดส่วน 10-15% ของพนักงานทั้งหมด 3,700 คน</span></p>
<p class="p2"><span class="s1"> ส่วนผลประกอบการโดยรวมของปี 2562 <span style="color: #ff0000;">บริษัทมีรายได้จากการขายรวม 1.11 หมื่นล้านบาท ลดลง 4% ขณะที่มีกำไรสุทธิ 168 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไร 158 ล้านบาท</span> โดยมีปัจจัยสำคัญจากต้นทุนการผลิตที่ลดลงตามราคาก๊าซธรรมชาติ รวมถึงความสามารถในการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ประกอบกับสามารถลดค่าใช้จ่ายด้านการบริหาร การขายและการตลาดได้ตามเป้าหมาย และมีกำไรจากการขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมหนองแคเพิ่มขึ้นมากกว่าปีก่อน</span></p>
<p class="p1"><span class="s1"> ขณะที่บริษัทมีรายได้จากการส่งออก 1,946 ล้านบาท ลดลง 23% ซึ่งเป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวจากผลกระทบของสงครามการค้า รวมถึงการแข็งค่าของเงินบาท ส่งผลกระทบต่อยอดขายกระเบื้องเซรามิกในต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม บริษัทยังสามารถสร้างการเติบโตได้ในประเทศเมียนมา กัมพูชา และ สปป.ลาว ดังนั้น <span style="color: #008000;">ในปีนี้บริษัทจะมุ่งเน้นการขยายตลาดไปยังประเทศดังกล่าวมากขึ้น</span></span></p>

<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/news/property/%e0%b9%80%e0%b8%ad%e0%b8%aa%e0%b8%8b%e0%b8%b5%e0%b8%88%e0%b8%b5-%e0%b9%80%e0%b8%8b%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%b4%e0%b8%81%e0%b8%aa%e0%b9%8c.html">เอสซีจี เซรามิกส์ เผยรายได้ครึ่งปี 62 หด หันขยายตลาดประเทศเพื่อนบ้าน</a></li>
</ul>
&nbsp;
<h2>ตลาดเซรามิกปีนี้ยังชะลอตัว</h2>
<p class="p1"><span class="s1">นำพลยังคาดการณ์แนวโน้มการเติบโตของตลาดเซรามิกว่า ในปีนี้ธุรกิจยังชะลอตัวต่อเนื่องในช่วงไตรมาสแรกและไตรมาสที่ 2 เนื่องจากยังไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่อาจจะมีโอกาสฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลังจากมาตรการของภาครัฐที่มุ่งช่วยผู้ประกอบการในภาคอสังหาริมทรัพย์ และการสนับสนุนผู้มีรายได้น้อยให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง เช่น การลดค่าธรรมเนียมการโอนและการจดจำนองเหลือ 0.01% มาตรการสินเชื่อ 5 หมื่นล้านบาทของธนาคารอาคารสงเคราะห์สำหรับบ้านราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท การคิดอัตราดอกเบี้ยพิเศษคงที่ 2.5% ใน 3 ปีแรก และการผ่อนปรนมาตรการ LTV ซึ่งถือเป็นปัจจัยบวกที่สำคัญต่ออุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง</span></p>
<p class="p1"><span class="s1"><span style="color: #ff0000;"> “หากตลาดเซรามิกโดยรวมยังทรงตัว เราคาดว่าจะสามารถขยายตัวได้ 3-5%</span> แต่หากติดลบ เราก็ต้องพยายามรักษาผลกำไร ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน” นำพลกล่าวถึงกลยุทธ์ที่วางไว้ในปีนี้ ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาสินค้าที่ตอบโจทย์ความปลอดภัยของผู้บริโภค โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ เพื่อรองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุและตลาดการปรับปรุงที่อยู่อาศัยเพื่อความปลอดภัยของผู้สูงอายุที่มีแนวโน้มขยายตัวมากขึ้นในปีนี้</span></p>
<img class="alignnone size-full wp-image-26140" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/01/scg-ceramics.jpg" alt="" width="720" height="480" />
<p class="p1"><span class="s1"> ขณะเดียวกัน บริษัทยังวางแผนเร่งขยายสาขา “คลังเซรามิค” ร้านค้าปลีกจำหน่ายกระเบื้องเซรามิกสำหรับตลาดระดับกลางลงมา ให้ครอบคลุมพื้นที่และความต้องการของลูกค้า โดยใช้โมเดลใหม่ <strong>“คลังเซรามิค แฟมิลี่”</strong> ที่ร่วมมือกับผู้แทนจำหน่ายเปิดสาขาร่วมกัน ซึ่งโมเดลธุรกิจใหม่นี้จะทำให้บริษัทขยายสาขาได้เร็วขึ้น และมีต้นทุนที่ลดลง จากเดิมใช้เงินลงทุน 6-10 ล้านบาทต่อสาขา เหลือประมาณ 3-5 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าขยายสาขาให้ครบ 100 สาขา จากจำนวน 28 สาขาภายใน 3-5 ปีข้างหน้า ด้วยงบลงทุนรวมของบริษัทราว 400-500 ล้านบาทในการขยายสาขา ด้านการตลาด และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่</span></p>
<p class="p3"><span class="s1">ทั้งนี้ บมจ.เอสซีจี เซรามิกส์ ก่อตั้งเมื่อเดือน สิงหาคม 2562 จากการควบ 5 บริษัทย่อยภายในเครือ SCG (The Siam Cement Group) ได้แก่ (1) บริษัทเซรามิคอุตสาหกรรมไทย จำกัด (“TCC”) (2) บริษัทเดอะ สยาม เซรามิค กรุ๊ป อินดัสทรี่ส์ จำกัด (“SGI”) (3) บริษัทโสสุโก้ แอนด์ กรุ๊ป (2008) จำกัด (“SSG”) (4) บริษัทไทย-เยอรมัน เซรามิค อินดัสทรี่ จำกัด (มหาชน) และ (5) บริษัทเจมาโก จำกัด (“GMG”) ส่งผลให้เอสซีจี เซรามิกส์ กลายเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมกระเบื้องปูพื้นและบุผนังของประเทศ ซึ่งมียอดขายกว่า 50% จากแบรนด์คอตโต้ และกำลังการผลิตกระเบื้องสูงสุดรวมกันปีละ 94 ล้านตารางเมตรจากฐานการผลิตทั้งหมด 4 แห่งในจังหวัดสระบุรี</span></p>
&nbsp;

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

เอสซีจี เซรามิกส์ เจอพิษเศรษฐกิจ ฉุดรายได้วูบ

<h2><strong>กว่า 2 ทศวรรษในฐานะผู้ผลิตสินค้าเซรามิกให้แบรนด์ระดับโลก ผ่านมรสุมการเงินหลายลูก วันนี้เพชรเม็ดเอกแห่ง Crown Ceramics รวบรวมพลังอีกครั้ง พาธุรกิจครอบครัวเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นไทยใน 2 ปี</strong></h2>
<div>เส้นทางธุรกิจของ Crown Ceramics ซึ่งก่อตั้งในปี 2534 เริ่มต้นในยุคของบิดา โดยอรรณพ เชิดเกียรติศักดิ์ ปัจจุบันในวัย 58 ปี ได้เข้ามารับไม้ต่อในอีก 8 ปีถัดมา ต้องผ่านปัญหามากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนในช่วงปี 2540 การลดค่าเงินบาทและอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัว ทำให้อัตราแลกเปลี่ยนเหรียญสหรัฐฯ ต่อเงินบาทไทยจากเดิม 25 บาท ไปเกือบ 60 บาท จนทำให้บริษัทมีกำไรสูงมาก แต่เมื่อเศรษฐกิจของประเทศกลับดี ค่าเงินบาทดีดกลับ ทำให้ตัวเขาต้องเจองานหนักระหว่างปี 2548 ถึง 2552 เพราะทำให้บริษัทขาดทุนถึง 200 ล้านบาท จากอัตราแลกเปลี่ยน จนต้องเจรจากับธนาคารเพื่อขอผ่อนปรนสถานะทางการเงิน</div>
<div></div>
<div>เมื่อค้นพบปัญหาว่าเกิดจากการพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ มากเกินไป อรรณพตัดสินใจหาตลาดใหม่มาถ่วงดุล โดยเข้าร่วมเปิดบูธในงาน Ambiente ซึ่งเป็นงานแฟร์สินค้าที่ใช้ในบ้านที่ใหญ่ที่สุดในโลก จัดปีละครั้งที่ Frankfurt ประเทศเยอรมนี ซึ่งได้รับการตอบรับจนได้ลูกค้า super brands ระดับโลกเพิ่มอีก โดยเฉพาะจากกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย จนทำให้ฐานะทางการเงินดีขึ้น เขาคาดว่าปี 2557 จะมียอดขายรวมกว่า 800 ล้านบาท</div>
<div></div>
<div>จนเกิดผลงานชิ้นโบแดง นั่นคือลดการพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ ให้เหลือเพียง 30% เพิ่มสัดส่วนตลาดใหม่ในยุโรปเป็น 60% และที่เหลือ 10% กระจายไปที่อื่นๆ โดยมีฮ่องกงและญี่ปุ่นเป็นตลาดสำคัญ</div>
<div></div>
<div>จุดเปลี่ยนสำคัญอีกอย่างก็คือการสร้างแบรนด์ของตนเองภายใต้ชื่อ “Crown” เพื่อลดการพึ่งพารายได้จากการรับจ้างผลิต ซึ่งทำให้ไร้อำนาจต่อรอง โดยมองหาลูกค้ากลุ่มโรงแรมห้าดาวและร้านอาหารหรูในประเทศ นอกจากนี้ยังมองหาลิขสิทธิ์ตัวการ์ตูนดังๆ มาผูกติดกับสินค้า เช่นตัวการ์ตูน Hello Kitty เป็นต้น เพราะเป็นตลาดที่มีศักยภาพ และราคาขายปลีกค่อนข้างสูง สามารถสร้างรายได้ให้บริษัทได้มาก</div>
<div></div>
<div>โดยในปี 2559 จะเป็นหมุดหมายสำคัญของ Crown Ceramics เพราะอรรณพตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากแบรนด์ตัวเอง จาก 5% ให้เป็น 10% จากเป้ายอดขาย 1.2 พันล้านบาท เพิ่มจากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้าราว 960 ล้านบาท พร้อมกับการทำ IPO ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย</div>
<div></div>
<div>

“สิ่งที่เรามาเป็น professional เราค่อนข้าง success ในระดับหนึ่ง การที่ให้เกิดความมั่นคงขององค์กรต่อไปในอนาคตคือ ทำอย่างไรให้สัดส่วนการขาย brand ของเราสัก 20-30% ขึ้นมาเพื่อมาเป็น balance ความเสี่ยง นี่คือสิ่งที่เราวางแผนต่อไปในอนาคต... เราอยากสร้าง Crown เป็นแบรนด์จากเมืองไทย”

<img class="img-responsive" src="http://forbesthailand.com/uploads/userfiles/images/Enterpreneurs/income.jpg" alt="" />

</div>
<div>

<hr />

อ่าน <strong>“Crown Ceramics ล้มแล้วลุก มุ่งปั้นแบรนด์ ทำ IPO ปี 2559”</strong> ฉบับเต็มได้ใน <em>Forbes Thailand</em> ฉบับ JANUARY 2015

</div>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events