นพ อนุรุทธิ์เนตรศิริ ทายาทครอบครัวนักธุรกิจที่ตระหนักถึงการรุกคืบของทุนใหญ่ เพื่อให้กิจการคงอยู่ได้อย่างทัดเทียม จึงเร่งปรับโฉมโชว์รูม นำซอฟต์แวร์สมัยใหม่มาใช้ตั้งแต่ 20 ปีก่อน จากยอดขายหลักร้อยกลายเป็นพันล้านบาทในปัจจุบัน และเป็นผู้จัดจำหน่ายกระเบื้องรายใหญ่ของจังหวัดเชียงใหม่
ครอบครัวอนุรุทธิ์เนตรศิริ โดย นรินทร์-อุไรวรรณ อนุรุทธิ์เนตรศิริ เริ่มต้นธุรกิจจากการจำหน่ายและติดตั้งพื้นไม้ปาเก้ โดยปี 2524 เปิด หจก. เชียงใหม่ลำปางปาเก้สุขภัณฑ์ เป็นตึกแถว 3 คูหาบนถนนช้างเผือกในรูปแบบร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิม
เมื่อรัฐบาลออกนโยบายการป่าไม้แห่งชาติ พ.ศ. 2528 ทำให้กิจการได้รับผลกระทบจากนโยบายดังกล่าว ต่อมาจึงยกเลิกการจำหน่ายพื้นไม้ปาเก้และจัดซื้อสินค้าประเภทกระเบื้องและสุขภัณฑ์มาจำหน่ายแทน ภายหลังได้เพิ่มการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับครัวและวัสดุตกแต่งบ้าน ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี
ปี 2548 จัดตั้ง ห้างหุ้นส่วนจำกัด โฮม สุขภัณฑ์ ในรูปแบบใหม่ที่มีความทันสมัยและเป็นระบบมากขึ้น (semi-modern trade) สินค้าหลักที่จำหน่าย ได้แก่ กระเบื้อง สุขภัณฑ์ อุปกรณ์ที่ใช้ในครัวรวมทั้งเฟอร์นิเจอร์ครัว อุปกรณ์เครื่องใช้ภายในบ้าน และมีการจัดหาสินค้ากลุ่มครัว อุปกรณ์เครื่องใช้ภายในบ้าน และสินค้ากลุ่มอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่อง และแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนในปี 2567 ในชื่อ บริษัท โฮม สุขภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน

นพ อนุรุทธิ์เนตรศิริ ทายาทคนโตของ “นรินทร์-อุไรวรรณ” ใช้ชีวิตอยู่เชียงใหม่มาโดยตลอด หลังเรียนจบปริญญาจากคณะบัญชีและบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เข้ามารับผิดชอบงานที่บริษัทตั้งแต่ปี 2534 และรับตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการในอีก 2 ปีต่อมา
เขามีบทบาทสำคัญในการปรับโฉมโชว์รูมให้มีความทันสมัยเหมือนโมเดิร์นเทรดสมัยใหม่ โดยจัดให้มีห้องโชว์สินค้ากระเบื้องเซรามิก ห้องโชว์สินค้าของซัพพลายเออร์ ปรับดิสเพลย์ใหม่จากเดิมวางสินค้ากระเบื้องไว้เป็นกองๆ ก็จัดเรียงหรือวางไว้บนโต๊ะเพื่อให้เห็นพื้นผิวและลวดลาย ซึ่งได้ไอเดียมาจากคราวที่ไปเดินห้างสรรพสินค้าในกรุงเทพฯ แล้วเห็นว่ามีการนำจานชามวางไว้บนโต๊ะอาหาร
“เมื่อก่อนเป็น manual ผมนำระบบซอฟต์แวร์เข้ามาจัดการ และแบ่งเป็นแผนกต่างๆ เช่น คลังสินค้า บัญชี ฝ่ายขาย เมื่อก่อนคุณแม่ทำด้านจัดซื้อ ฝ่ายขาย แคชเชียร์ ผมก็แบ่งงานให้มีคนเก็บเงิน ลงบัญชี 7 วันแรกคุณพ่อบอกว่ามายุ่งอะไร เห็นไหมตัวเลขไม่ตรง ก็บอกป๊าใจเย็น...เมื่อก่อนมีแฟ้มก็เอาซอฟต์แวร์และคอมพิวเตอร์เข้ามาใช้ ออกบิลปุ๊บตัดสต็อกทันที นำระบบบัญชีเข้ามาก่อนเปิดโฮมสุขภัณฑ์ ช่วงปี 2546-2547 รายได้ 290 ล้าน และแตะพันล้านตั้งแต่ก่อนโควิด” นพ อนุรุทธิ์เนตรศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮม สุขภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) หรือ HOMESK ให้สัมภาษณ์ทีมงาน Forbes Thailand ที่สำนักงานใหญ่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีโชว์รูมขนาดใหญ่บนพื้นที่กว่า 10,000 ตร.ม. จัดแสดงสินค้าตามประเภทต่างๆ มีโซนตกแต่งจำลองการใช้งานจริง ดูเป็นระเบียบง่ายต่อการเลือกซื้อ
ปรับลุครับแบรนด์ใหญ่
แม้จะเป็นลูกเถ้าแก่ แต่นพถูกฝึกให้ทำงานตั้งแต่เด็ก เหมือนคนงานทั่วไป เมื่อเติบโตขึ้นและเดินทางมากรุงเทพฯ เขามักจะแวะไปห้างโฮมโปรหรือบุญถาวร ได้เห็นพัฒนาการ ศึกษาว่าธุรกิจลักษณะนี้มีแนวทางบริหารจัดการ ตกแต่งร้านอย่างไร และนำมาปรับใช้กับกิจการของทางบ้านเพื่อให้มีความสวยงาม ทันสมัย เหมือนโมเดิรน์เทรดวัสดุและของตกแต่งบ้าน
ด้วยทราบดีว่าวันหนึ่งโมเดิรน์เทรดเหล่านี้จะขยายสาขามาเชียงใหม่ เขาไม่อยากให้กิจการของครอบครัวล้มหายไปเหมือนห้างสรรพสินค้าท้องถิ่นที่ปิดตัวเพราะไม่สามารถแข่งขันกับทุนใหญ่ที่เข้ามาเปิดสาขา

ปี 2548 ทายาทหนุ่มจึงรีแบรนด์ครั้งใหญ่ ปรับร้านให้ทันสมัย จัดวางดิสเพลย์ให้ใกล้เคียงกับโมเดิร์นเทรด และตั้งชื่อบริษัทว่า “โฮม สุขภัณฑ์” เพื่อให้ลูกค้าจดจำว่าขายสินค้าเกี่ยวกับบ้านและวัสดุอุปกรณ์เกี่ยวกับห้องน้ำ
“ใช้งบลงทุนเกือบ 5 ล้าน แรกๆ ดึงมืออาชีพมาช่วย เปลี่ยนร้าน ปรับโลโก้ให้ทันสมัย รื้อ (ของเดิม) เกือบทั้งหมด ผ่านไป 5-6 เดือน พ่อเข้ามาดูบอกรื้อร้านหมดเลยหรือ สมัยก่อนตอนทำห้องโชว์ จ้างช่างทำเอง พอเราเปลี่ยนได้มืออาชีพก็หาทีมรับเหมา งานเนี้ยบ สวยกว่า ปรับโลโก้จนเป็นที่มาของแบรนด์ปัจจุบัน” นพเล่าด้วยน้ำเสียงเนิบๆ ด้วยท่าทีเป็นกันเอง

บริษัท โฮม สุขภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) หรือ HOMESK ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าประเภทวัสดุตกแต่งบ้านในรูปแบบศูนย์จัดจำหน่ายสินค้าแบบกึ่งสมัยใหม่ (semi-modern trade) ภายใต้ชื่อ Home Sukkapan ซึ่งมีสินค้าจากผู้ผลิตทั้งในประเทศและต่างประเทศ
สินค้าที่สร้างรายหลักให้บริษัทคือกระเบื้องด้วยสัดส่วนประมาณ 54% ของรายได้จากการขายและบริการด้วยจำนวนที่มากกว่า 6,200 SKUs ระหว่างปี 2564-2566 บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นทุกปี และลดลงเหลือ 1,100 ล้านบาทในปี 2567 เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจโดยรวมที่ชะลอตัว
ราคาแข่งขันได้
จุดเด่นของ HOMESK มาจากการเติบโตของสินค้ากลุ่มกระเบื้องเซรามิกและผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับห้องน้ำ ทำให้มีความเชี่ยวชาญ มีสินค้าที่หลากหลาย โดยเฉพาะกระเบื้องเซรามิกทั้งที่ผลิตในประเทศและต่างประเทศ โดยบริษัทเริ่มนำเข้ากระเบื้องจากจีนตั้งแต่ปี 2560-2561 เพื่อสร้างทางเลือกใหม่ให้กับลูกค้า
ปัจจุบันบริษัทมีแหล่งนำเข้ากระเบื้องจากต่างประเทศกว่า 100 โรงงาน จากหลายแหล่งทั้งจากประเทศจีน อินเดีย เวียดนาม อินโดนีเซีย อิตาลี และสเปน โดยคัดเลือกกระเบื้องเซรามิกลายใหม่ๆ เข้ามาจัดจำหน่ายในสโตร์ทุกเดือน ทำให้มีกระเบื้องในโชว์รูมมากกว่า 1,000 ดีไซน์ มีการอัปเดตลายใหม่ๆ ตลอดเวลา ตอนที่บุญถาวรยังไม่เปิดสาขาในเชียงใหม่ โฮมสุขภัณฑ์นับว่าเป็นร้านที่ทันสมัยที่สุดด้านกระเบื้อง

“เรามั่นใจว่าบริษัทเป็นผู้นำด้านกระเบื้องเซรามิกในตลาดภาคเหนือตอนบน” ส่วนวัสดุตกแต่งบริษัทติดอันดับ 1 ใน 3 อีก 2 แห่งคือ โฮมโปรและบุญถาวร
บริษัทยังมีบริการให้คำปรึกษาและออกแบบ 3 มิติให้ลูกค้าเห็นภาพเสมือนจริงก่อนสร้าง เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่เป็นเจ้าของบ้านไม่มีคนออกแบบให้ บริการส่วนนี้จึงอำนวยความสะดวกให้เป็นอย่างดีโดยเก็บค่ามัดจำ 500 บาท ถ้าซื้อวัสดุจากร้านก็ให้เป็นส่วนลด จัดส่งฟรีระยะไม่เกิน 40 กม. เมื่อมียอดซื้อ 5,000 บาทขึ้นไป “เรามีของในสต็อกพร้อมส่ง ลูกค้าต่างจังหวัดไม่รอ เวลาจะใช้ของบอกพรุ่งนี้ขอของด้วย”
สำหรับยอดขายปี 2568 นพคาดว่า จะเติบโต 5% จากสินค้านำเข้าและเฮาส์แบรนด์ ซึ่งบริษัทจะทำการตลาดส่วนนี้เพิ่ม เขาอธิบายว่า โมเดิร์นเทรดต่างๆ ต้องมีเฮาส์แบรนด์ หากบริษัทไม่มีของตนเองจะแข่งขันกับรายอื่นได้ยาก

นอกจากที่เชียงใหม่แล้ว ยังมีสาขาอีก 3 แห่งในภาคเหนือ ตั้งอยู่ที่เชียงราย แม่สาย และพะเยา และมีโครงการจะเปิดสาขาที่นครราชสีมาด้วยงบลงทุน 250 ล้านบาท โดยจะดำเนินการหลังจากนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ในปี 2568
“นครราชสีมามีบ้านแพงๆ ทั้งนั้น โครงการส่วนใหญ่ซื้อของกรุงเทพฯ คาดว่าเราไปอยู่จะสร้าง market share ได้...เราเป็น top dealer ของแบรนด์สุขภัณฑ์ เวลาเราเปิดโชว์รูมเขาจะเปิดช็อปเราให้พื้นที่เขาลงทุนสร้าง การดิสเพลย์เป็นลักษณะของเขาอย่าง COTTO, TOTO ดีไซน์แตกต่างกัน”
สำหรับเป้าหมายต่อจากนี้คือ ขยายสาขาเพิ่มภายใน 5 ปี และเป็นผู้นำด้านแฟชั่นกระเบื้องเซรามิก สุขภัณฑ์ วัสดุปิดพื้นผิวในตลาดภูมิภาคของประเทศไทย โดยปี 2568 จะเพิ่มยอดขายด้วยการเพิ่มสินค้านำเข้าในกลุ่มสินค้าตกแต่ง สุขภัณฑ์ อุปกรณ์ห้องน้ำ วัสดุปิดพื้นผิว รวมทั้งสินค้าซึ่งเป็นแบรนด์ของบริษัท โดยจะเพิ่มสัดส่วนรายได้ให้เป็น 10% จากเดิมที่มีสัดส่วน 1-2% ของรายได้

“เราจะเป็นผู้นำด้านแฟชั่นกระเบื้องเซรามิกและผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับห้องน้ำในตลาดภูมิภาคภายใน 5 ปี เราเป็นผู้นำในภาคเหนือตอนบนอยู่แล้ว”
ภาพ: HOMESK
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา นำ Bitkub รับเทรนด์โลก Crypto Sigma
