จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา นำ Bitkub รับเทรนด์โลก Crypto Sigma - Forbes Thailand

จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา นำ Bitkub รับเทรนด์โลก Crypto Sigma

คริปโตเคอร์เรนซีและ Bitcoin สร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหม่บนโลกการเงิน ในวันที่ทั่วโลกต่างตื่นตะลึงกับสถิติใหม่ของ Bitcoin ที่พุ่งทะยานสู่ 100,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 3.5 ล้านบาท แต่ Bitkub ก้าวไปไกลกว่านั้น ลงทุนรอสร้าง Financial Platform รับคลื่นลงทุนรอบใหม่


    จากสตาร์ทอัพเมื่อ 11 ปีก่อน วันนี้ไม่มีใครไม่รู้จัก จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา หรือ “ท๊อป” ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด หรือ “Bitkub” ผู้สร้างปรากฏการณ์ Bitcoin ฟีเวอร์ คริปโตเคอร์เรนซี และสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset: DA) บนโลกออนไลน์ โดยมีนักลงทุนร่วมเปิดบัญชีกับ Bitkub กว่า 5 ล้านบัญชีที่เป็นทั้งกลุ่มรายย่อย องค์กร และภาครัฐ มีวงเงินในสินทรัพย์ดิจิทัลกว่า 1 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นการขยายตัวต่อเนื่องตลอด 5 ปี

    “บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์” วางเป้าหมายสู่การพัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชน และสินทรัพย์ดิจิทัล ให้บริการและการส่งเสริมความรู้ความเข้าใจเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจดิจิทัลบนเทคโนโลยีบล็อกเชนภายใต้โรดแมป “Financial Platform of the Future” ขับเคลื่อนพร้อมกับธุรกิจในเครือ 7 บริษัท ครอบคลุมบริการสินทรัพย์ดิจิทัล การพัฒนาออกแบบเทคโนโลยีบล็อกเชน การพัฒนาระบบนิเวศเทคโนโลยี การบริการโซลูชันด้วยเทคโนโลยี AI การลงทุน ร่วมทุน ศูนย์การเรียนรู้ ดังภาพด้านล่าง



    จิรายุสกล่าวกับทีมงาน Forbes Thailand ว่าสินทรัพย์ดิจิทัลมีแต่ขยายใหญ่ขึ้น โดยเฉพาะในปีนี้ 2568 จะเป็นปีทองของคริปโตเคอร์เรนซีและ Bitcoin เงินกระดาษจะถูกเปลี่ยนเป็นเงินดิจิทัลและ Bitcoin ไม่เกิน 10 ปีนับจากนี้ไป

    “เราเตรียมขันไว้ตักน้ำเพราะน้ำกำลังจะขึ้น เราลงทุนรอการกลับมาของสินทรัพย์ดิจิทัล เรา front-load ค่าใช้จ่ายเพื่อให้พร้อมตักน้ำได้จริงๆ ในปี 2568 ทุ่มงบประมาณจำนวนมาก เตรียมพร้อม facility ทุกด้าน โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยี ทีม engineer ทีม developper เพื่อเสริมทัพด้านพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ Bitkub และลงทุนด้าน infarstucture ขยายพื้นที่ออฟฟิศเพื่อต้อนรับการกลับมาของ Bitcoin”


ภารกิจพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล

    “กลุ่มของเราต้องการสร้างโครงสร้างสำคัญๆ ของโลกให้กับประเทศไทย สิ่งที่ Bitkub กำลังเดินหน้าคือ สร้าง Financial Platform of the Future เป็น Facebook ของวงการการเงินที่ centralize ครอบคลุมบริการทั้งหมด ทั้งโอนเงินข้ามประเทศและการระดมทุนตลาดผ่าน digital asset exchange โดยใช้แพลตฟอร์มของเราที่ใช้ data และ AI มาใช้ เป็น more type channels purposes ไม่ใช่ single channel อีกต่อไป ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่ทุกประเทศต้องมี เช่นเดียวกับหลายประเทศ เช่น Coinbase ของสหรัฐอเมริกา ที่ฟิลิปปินส์มี Coins.ph ที่ญี่ปุ่นมี BIZFLY และในไทยมี Bitkub ซึ่งขณะนี้เราใหญ่ที่สุดในอาเซียน

    “นานๆ ทีจะมีบริษัทคนไทยที่เป็นของคนไทยจริงๆ ตั้งแต่ระดับผู้ถือหุ้น ไม่มีกองทุนต่างชาติเข้ามาถือ คนไทย 100% ที่เป็นผู้ถือหุ้น พนักงานทั้งหมดเป็นคนไทย จ่ายภาษีเต็มที่ และใหญ่ที่สุดในอาเซียนในสิ่งที่เราทำ เพราะประเทศเรามีแค่ 70 ล้านคน เทียบกับอินโดนีเซียซึ่งมีประชากร 200-300 ล้านคน หรือในฟิลิปปินส์ เวียดนาม 100 กว่าล้านคน โอกาสน้อยมากที่ประเทศไทยจะทำในสิ่งใดสิ่งหนึ่งแล้วใหญ่สุดในอาเซียนได้”


    “Bitkub คือตัวแทนของคนรุ่นผมที่มุ่งสร้างโครงสร้างพื้นฐานของสกุลเงินดิจิทัล เพื่อชี้ให้เห็นว่ามีความจำเป็นอย่างไรที่จะต้องมี Financial Platform of the Future ที่เป็นแพลตฟอร์มใหม่ของวงการการเงิน ซึ่งในอนาคตอันใกล้การโอนเงินข้ามประเทศจะอยู่ภายใต้แพลตฟอร์มนี้ การแลกเปลี่ยนเงินตรา การระดมทุน การปล่อยกู้จะอยู่ในแพลตฟอร์มนี้ ซึ่งจะกลายเป็น Financial Platform of the Future โดยมีบริษัทในเครือ 7 บริษัทร่วมกันพัฒนาสร้างโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทย digital access exchange ที่สำคัญกับโลกในอนาคต มี Bitkub Acadamy ที่เป็น open education platform เพื่อช่วยให้ประเทศมีความสามารถในการแข่งขันต่อไปในอนาคต ขณะที่ Bitkub Exchange จะเหมือนกับตลาดหลักทรัพย์และธนาคารในรุ่นถัดไป”


2568 ปีทองคริปโต

    จิรายุสมั่นใจว่าในปี 2568 คลื่นลูกที่ 4 ของคริปโตเคอร์เรนซีจะกลับมาและจะเป็นวัฏจักรใหม่ เข้าสู่รอบปีทองซึ่งจะเกิดขึ้นในทุก 4 ปี และครั้งนี้จะสร้างปรากฏการณ์ให้นักลงทุนได้พูดถึง Bitcoin กันมากขึ้น การซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลจะกลับมาคึกคักทั่วโลกไม่ใช่เฉพาะเมืองไทย และจะเป็นการเข้ามาของกลุ่มสถาบันการเงินและองค์กรขนาดใหญ่

    ปรากฏการณ์ที่น่าจับตาและเห็นว่าถึงเวลาที่ไทยต้องเร่งพิจารณา คือการออม Bitcoin เพื่อเป็นทุนสำรองของประเทศอีกทางหนึ่งก่อนที่ราคา Bitcoin พุ่งทะลุเกินกว่า 100,000 เหรียญหรือ 3.5 ล้านบาทต่อ 1 Bitcoin

    แม้ขณะนี้ Bitcoin ยังมีสัดส่วนไม่มากแค่ 1 ใน 10 ของทองคำ และของมูลค่าตลาด (market cap) แต่ในอนาคตเชื่อว่าจะขยับขึ้นเป็นครึ่งหนึ่งของราคามูลค่าตลาดของทองคำ ซึ่งจะทำให้มูลค่า Bitcoin เพิ่มขึ้นมหาศาล วิเคราะห์กันว่าจะไปถึงจุดนั้น


    “MicroStrategy, Tesla และบริษัทญี่ปุ่นเริ่มวางกลยุทธ์ Bitcoin เพิ่มการออมด้วย Bitcoin เช่นเดียวกับอาร์เจนตินาที่พลิกวิกฤตเงินเฟ้อของประเทศที่พุ่งกว่า 143% ด้วยการนำเงินเหรียญสหรัฐฯ มาแทนที่สกุลเงินเปโซ และนำ Bitcoin เข้ามาเป็นทุนสำรองในประเทศ ขณะที่เอลซัลวาดอร์ประกาศให้ Bitcoin เป็นสกุลเงินที่ถูกต้องตามกฎหมายตั้งแต่ปี 2564 และเวเนซุเอลาเสนอให้นำ Bitcoin เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทุนสำรองของประเทศเพื่อช่วยสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในช่วงเวลาที่ยากลำบาก


เสนอจัดตั้ง ก.ล.ต. ดิจิทัล

    กลไกรัฐมีบทบาทสำคัญ หากหน่วยงานที่ทำหน้าที่กำกับดูแลไม่มีกฎหมายที่ชัดเจน ทั้งกฎระเบียบและข้อบังคับจะไม่สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลได้

    “นอกจากกฎหมายมีความชัดเจนแล้วยัง advance มาก เช่น การกำกับดูแลเรื่องโทเคนดิจิทัลซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. กำหนดชัดเจนทั้งโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (investment token) และโทเคนดิจิทัลเพื่อการใช้ประโยชน์ (utility token) และยังได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์ในการกำกับดูแลให้ทันสมัยเหมาะสมกับความเสี่ยงของโทเคนดิจิทัลต่อเนื่อง ทำให้การดำเนินธุรกิจราบรื่น เทียบกับหลายประเทศที่ยังไม่สามารถพัฒนาตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลได้เพราะกฎหมายไม่เอื้ออำนวย เช่น มาเลเซียเพิ่งจะออกกฎหมายได้ไม่นาน ขณะที่ ก.ล.ต. เวียดนามและแบงก์ชาติลาวได้เดินทางมาดูงานที่ Bitkub เพื่อศึกษาโมเดลเพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลที่ลาว” จิรายุสกล่าว

    นอกจากการออกกฎระเบียบที่เอื้ออำนวยต่อการพัฒนาธุรกิจแล้ว ประเทศไทยยังเป็นประเทศแรกของโลกที่มี Digital Asset Exchange License Thailand มี Payment License เป็น Indirect license ซึ่ง Bitkub ก็เป็นบริษัทแรกในโลกที่ได้รับใบอนุญาตนี้ตั้งแต่ปี 2561 อีกทั้งหน่วยงานการกำกับดูแลยังได้พัฒนาปรับปรุงหลักเกณฑ์ต่อเนื่องให้ทันต่อการขยายตัวของสินทรัพย์ดิจิทัลทำให้การพัฒนาโครงสร้างใหม่ทางการเงินในอนาคตและสินทรัพย์ดิจิทัลภายใต้โรดแมป Financial Platform of the Future ที่ Bitkub วางไว้เป็นไปตามแผน สามารถพัฒนาธุรกิจใหม่ๆ รองรับการเติบโตของสินทรัพย์ดิจิทัลได้


    “ข่าวดีก็คือ ไทยยังเตรียมออก Thai Bath Stablecoin ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ศึกษาการพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลางรายย่อย (CBDC) เช่นกัน

    “แต่ถ้าจะให้ดีและก้าวหน้าไปอีกขั้น ควรแยกตั้งหน่วยงานเพื่อพัฒนาสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นหน่วยงานเฉพาะ เป็นการแยกการทำงานระหว่างหลักทรัพย์กับสินทรัพย์ดิจิทัล เหมือนดูไบที่มีการตั้งหน่วยงาน ก.ล.ต. ดิจิทัล หวังว่าในอนาคตประเทศไทยจะมี ก.ล.ต. ดิจิทัล ที่ขับเคลื่อนกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลเฉพาะ เพื่อให้การทำงานมีความคล่องตัว ยืดหยุ่น และปรับเปลี่ยนได้ตามการเปลี่ยนแปลง” จิรายุสเสนอแนะ


ออม Bitcoin เป็นทุนสำรอง

    “ปัจจุบันมูลค่าการเทรดของ Bitkub อยู่ที่ 8 พันล้านบาทถึง 1 หมื่นล้านบาทต่อวัน และมีเงินเก็บของลูกค้าประมาณ 1 แสนล้านบาท และเคยมีการเทรดสูงถึง 4 หมื่นล้านบาทต่อวัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า เราเป็นสตาร์ทอัพที่ไม่ได้เผาเงินนักลงทุนมาลงทุนและขาดทุน ธุรกิจของเราไม่มี VC (Venture Capital) เราไม่มีกองทุนเข้ามาถือหุ้นที่เป็นต่างชาติ มีแต่ angle invester ที่เป็นคนไทย และเราเดินธุรกิจบนกำไรมาตลอด สร้างบริษัทแบบยั่งยืนจริงๆ ไม่ใช่เผาเงินนักลงทุน ธุรกิจของเรากำไรมา 4 ปีติด และหวังว่าปี 2568 จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ตาม roadmap ที่วางไว้”



    การกลับมาของ Donald Trump ที่ประกาศว่าจะเป็นผู้นำสกุลเงินดิจิทัลของโลก จากที่มีอยู่ 210,000 Bitcoin เป็น 1 ล้าน Bitcoin เพื่อเก็บเป็นทุนสำรองของประเทศจะยิ่งทำให้ราคาพุ่งขึ้น จำนวน 210,000 Bitcoin ที่สหรัฐฯ มีเก็บไว้เท่ากับ 1% ของ Bitcoin จากทั้งหมด 21 ล้าน Bitcoin หากอเมริกาจะซื้อเพิ่มเป็น 1 ล้าน Bitcoin จะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น 4-5% ของซัพพลาย Bitcoin ทั้งหมด

    “ผมหวังว่าแบงก์ชาติต้องเร่งศึกษาใช้ Bitcoin เป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่ใช้เป็นทุนสำรองของประเทศก่อนที่จะแพงเกินไปเพื่อประหยัดเงินประเทศ ในขณะที่ประเทศอื่นๆ เตรียมความพร้อมแล้ว รัฐบาลและแบงก์ชาติควรเร่งพิจารณาในเรื่องเหล่านี้ด่วน เก็บ Bitcoin เป็นหนึ่งในทุนสำรองของประเทศนอกเหนือจากเงินทุนสำรองและทองคำ ถึงวันนั้น Bitcoin จะไม่ใช่ 3.5 ล้านบาท”



ภาพ: วรัชญ์ แพทยานันท์



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ภวัฒก์ องค์วาสิฏฐ์ VRANDA แต่งแบรนด์รับฟ้าหลังฝน

อ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนมกราคม 2568 ในรูปแบบ e-magazine

https://www.mebmarket.com/ebook-341111-Forbes-Thailand-January-2025