แสนสิริ ลุยขยายฐานตลาดต่างชาติใน จ.ภูเก็ตต่อเนื่อง ตั้งเป้าสู่ Global Brand วางแผนสร้างยอดขาย 15,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปี พร้อมปั้น 'TheSociety' โซเชียล สเปซ และ 'Sansiri Phuket' เพื่อการเป็นศูนย์กลางในพื้นที่ย่านเชิงทะเล-บางเทา<h2> </h2>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อุทัย อุทัยแสงสุข กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เผยว่า “ในฐานะผู้บุกเบิกตลาดภูเก็ตมายาวนานกว่า 13 ปี เราเล็งเห็นศักยภาพของปัจจัยหนุนภาพรวมการท่องเที่ยวไทยที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง และทั่วโลกกำลังจับตามองจากการเป็นเมืองอสังหาริมทรัพย์ World Class Destination เพื่อการพักผ่อนที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยเหล่านักลงทุนให้ความสนใจซื้ออสังหาฯ ไทยเป็นบ้านหลังที่สอง รวมถึง ภูเก็ต เป็นเมืองที่มีเอกลักษณ์ท้องถิ่นเฉพาะตัว ทั้งวัตถุดิบอาหาร, ศิลปะและวัฒนธรรม ที่เป็น Soft Power แสนสิริ จึงเดินหน้าปั้น 'Sansiri Phuket และ The Society' ในทำเลบางเทา-เชิงทะเล สุดยอดทำเลของภูเก็ต ซึ่งเป็น Strategic Location ยุทธศาสตร์สำคัญในปีนี้ ให้เป็นคอมมูนิตี้ฮับใหม่ในย่านเชิงทะเล-บางเทา โดยวางเป้าสร้างยอดขายกว่า 15,000 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 5 ปี พร้อมมุ่งสู่การเป็น Global Brand แบรนด์ระดับสากลอย่างเต็มภาคภูมิ ร่วมกับการเป็นผู้นำด้านดีไซน์ของแสนสิริ (Design Leader) กับประสบการณ์ที่สั่งสมมากว่า 40 ปี”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ทางแสนสิริจึงได้เชิญชวนทุกคนมาร่วมสัมผัสกับประสบการณ์ใหม่ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้คนในยุคปัจจุบันเพิ่มมากขึ้น โดยแนวทางการสร้างโปรเจกต์&nbsp;‘Sansiri Phuket + The Society’ ในครั้งนี้ มาจากแนวคิดที่ต้องการนำเสนอสิ่งก่อสร้างซึ่งเป็นมากกว่าแบรนด์อสังหาฯ หากแต่มุ่งสร้างประสบการณ์ไลฟ์สไตล์ (Lifestyle Curator)‘ ให้แก่ทุกคน ทั้งชาวไทยและต่างชาติทั่วโลกได้รู้จัก แสนสิริ และ ภูเก็ต มากขึ้น ภายใต้คอนเซ็ปต์ CONNECT + INSPIRE ในการเปิดพื้นที่สร้างสรรค์ให้ทุกคนได้เชื่อมต่อและสร้างคอมมูนิตี้ร่วมกัน และยังถือเป็นการตอกย้ำถึงความสำคัญของเมืองภูเก็ตซึ่งถือเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลกในการเปิดตัวเดสทิเนชั่นใหม่ที่ทุกคนไม่ควรพลาด “The Society” Social Space แห่งแรกของแสนสิริในภูเก็ตซึ่งตั้งอยู่ ณ ใจกลางย่านเชิงทะเล-บางเทา และเปิดให้บริการแล้วเรียบร้อย&nbsp; <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/B1PJ4YGjmFEHFBtSERYw.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="720px,480px" data-align="center" data-file-name="B1PJ4YGjmFEHFBtSERYw.jpg" data-file-size="0" origin-size="720,480" data-origin="720px,480px" style="width: 720px; height: 480px;" data-index="0"></figure></div> <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/tBbqkcyfNjeRu7wJ2tDd.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="720px,480px" data-align="center" data-file-name="tBbqkcyfNjeRu7wJ2tDd.jpg" data-file-size="0" origin-size="720,480" data-origin="720px,480px" style="width: 720px; height: 480px;" data-index="1"></figure></div>​&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับความโดดเด่นของ 'The Society' ซึ่งถือเป็น&nbsp;Social Space แห่งแรกของแสนสิริในภูเก็ตนั้น จะเป็นสถานที่ที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจและทำให้เราสามารถพบเจอผู้คนที่หลากหลายภายใต้บรรยากาศดีไซน์อันอบอุ่นเสมือนบ้านกับสไตล์การออกแบบของ Edward Tuttle ดีไซเนอร์ชาวอเมริกันชื่อดังซึ่งมีผลงานมากมายในวงการโรงแรมลักซ์ชัวร์รี่ทั่วโลก ในการนำกลิ่นอายของดีไซน์สถาปัตยกรรม Spanish house ยุค mid-century ร่วมกับสถาปัตยกรรมไทย ในสไตล์โมเดิร์นร่วมสมัยแต่เรียบโก้ทุกพื้นที่ให้บรรยากาศอบอุ่นฟีลเหมือนมาเที่ยวบ้านเพื่อน ไม่ว่าจะทำงาน, ทานอาหาร หรือสังสรรค์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การออกแบบและตกแต่งสเปซทั้งภายในและภายนอกเลือกใช้วัสดุไม้ธรรมชาติ ให้ทุกพื้นที่ตอบรับกับฟังก์ชั่นการใช้งานอย่างมีสไตล์ เชื่อมต่อ 2 อาคาร ด้วยสวนขนาดใหญ่ เพื่อสร้าง creativity, inspiring และ connection ร่วมกัน ตั้งแต่ grand living area พื้นที่ต้อนรับกับมาสเตอร์พีซเฟอร์นิเจอร์ชิ้นไอคอนิกอย่าง Cocoon by Louis Vuitton ในคอลเล็กชั่นพิเศษ Objets Nomades ที่ออกแบบโดยสองดีไซเนอร์ชื่อดัง Fernando และ Humberto Campana รวมถึงเก้าอี้&nbsp;Lounge Chair Paire de Fauteuils โดย Mario Bellini เสริมกลิ่นอายของ mid-century อย่างมีระดับในบรรยากาศสบายๆและลงตัว​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/xabzTnyQLCgsewFT2b5w.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="xabzTnyQLCgsewFT2b5w.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2"></figure></div> <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/TuG7a8vT4jLQmaYeViNY.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="TuG7a8vT4jLQmaYeViNY.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="3"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม สถานที่แห่งนี้พร้อมต้อนรับเหล่าทั้งคนไทยและชาวต่างชาติจากทั่วโลกแล้วในทุกๆวัน ให้สามารถสัมผัสกับประสบการณ์ไลฟ์สไตล์สุดพิเศษตั้งแต่เช้าจรดค่ำที่ครีเอทขึ้นโดยเฉพาะสำหรับที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ อาหาร, ดีไซน์, แฟชั่น, Arts &amp; Culture และความยั่งยืน หรือเรียกได้ว่า Day-to-Night Eatery ที่โดดเด่นด้วยการใช้วัตถุดิบจากท้องถิ่นเมืองภูเก็ตกับ BEANS Coffee Roaster ร้านกาแฟ specialty และ Vamos Spanish Tapas Bar ร้านอาหารสเปน เอาใจทั้งนักท่องเที่ยวและสายฟู้ดดี้ตลอดวัน, Co-sharing space พื้นที่ทำงาน ประชุมส่วนตัว และ podcast room นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่จัดแสดงงานศิลปะ และพบกับกิจกรรมไลฟ์สไตล์ตลอดทั้งปี รวมถึงยังเป็นพื้นที่จัดแสดงห้องตัวอย่างและ sales gallery รองรับลูกค้าแบบไพรเวท กับ 2 โครงการใหม่ล่าสุด ได้แก่ CANVAS Cherngtalay (แคนวาส เชิงทะเล) และ THE TALES STORY ONE - BANG JO (เดอะ เทลส์ สตอรี่ วัน - บางโจ) ลักซ์ชัวรี พูลวิลล่า ใน Sansiri Pool Villa Collection in Phuket&nbsp; ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/5sM1xpUi4VGCS9D71cNS.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="720px,360px" data-align="center" data-file-name="5sM1xpUi4VGCS9D71cNS.jpg" data-file-size="0" origin-size="720,360" data-origin="720px,360px" style="width: 720px; height: 360px;" data-index="4"></figure></div> ​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/property/one-bangkok-open-on-25-october-2024" alt="สิ้นสุดการรอคอย! ‘วัน แบงค็อก’ ปักหมุดเปิด 25 ต.ค.นี้ ร้านอาหาร-ร้านไลฟ์สไตล์เพียบ">สิ้นสุดการรอคอย! ‘วัน แบงค็อก’ ปักหมุดเปิด 25 ต.ค.นี้ ร้านอาหาร-ร้านไลฟ์สไตล์เพียบ</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

แสนสิริ ปั้น 'TheSociety' โซเชียล สเปซ ลุยตลาดต่างชาติใน จ.ภูเก็ต ตั้งเป้าสู่ Global Brand ยอดขาย 15,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปี พร้อมเป็นศูนย์กลางย่านเชิงทะเล-บางเทา

แสนสิริโชว์ยอดขายไตรมาสแรก 12,000 ล้านบาท คิดเป็น 23% จากเป้าหมายยอดขายรวม 52,000 ล้านบาท Sold Out รวด 12 โครงการ โกยยอดโอนทะลัก 9,700 ล้านบาท &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อุทัย อุทัยแสงสุข กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) (SIRI) เผยว่า บริษัทสามารถสร้างยอดขายไตรมาสแรกของปี 2567 ได้สูงถึง 12,000 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากโครงการแนวราบ 8,000 ล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียม 4,000 ล้านบาท และคิดเป็น 23% จากเป้าหมายยอดขายทั้งปีที่วางไว้ 52,000 ล้านบาท ตอกย้ำผู้นำแบรนด์อันดับหนึ่งของคนอยากมีบ้านในด้านการพัฒนาโปรดักส์ และการวางกลยุทธ์การตลาดที่แข็งแกร่ง ตอบโจทย์และตรงใจกับความต้องการของผู้บริโภคในทุกเซกเมนต์ทั้งดีไซน์ ฟังก์ชัน คุณภาพ ตลอดจนการบริการที่ตอกย้ำจุดยืนที่แตกต่างด้วย Never Ending Service ดูแลคุณไม่สิ้นสุด ครอบคลุมทุกช่วงของการอยู่อาศัย พร้อมมุ่งนำเสนอไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่มากกว่า ลูกค้าให้การตอบรับเป็นอย่างดีจากการเปิดตัวโครงการใหม่ในไตรมาสแรก 7 โครงการ มูลค่ารวม 9,400 ล้านบาท รวมถึงโครงการที่อยู่ระหว่างการขาย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ไตรมาสแรก แสนสิริสามารถปิดการขาย Sold Out! รวดไปถึง 12 โครงการทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียม มูลค่ารวม 12,000 ล้านบาท ทั้งการ Sold Out! “BuGaan Rama 9-Meng Jai” ทันทีภายใน 1 วันแรกที่เปิดจอง รวมถึงปิดการขายโครงการคอนโดมิเนียม อาทิ เอ็กซ์ที เอกมัย เป็นต้น อีกทั้งยังสร้างยอดขายหลักได้จากแคมเปญ แสนสิริ เทอร์มินัล ดีลดี โปรดทราบ ที่ปิดยอดขายได้กว่า 800 ล้านบาทในงานมหกรรมบ้านและคอนโด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้แสนสิริยังมียอดโอน สูงถึง 9,700 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดโอนจากโครงการแนวราบ 7,500 ล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียม 2,200 ล้านบาท จากโครงการบูก้าน พระราม 9-เหม่งจ๋าย ที่ปิดการขายทันที โครงการนาราสิริ กรุงเทพกรีฑาและเศรษฐสิริ วัชรพล-เทพรักษ์ ที่มียอดโอนเกินเป้า พิสูจน์ความสำเร็จของแบรนด์บ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรีและซูเปอร์ลักซ์ชัวรีจากแสนสิริ รวมถึงโครงการคอนโดมิเนียมที่สร้างยอดโอนได้เกินเป้าหมายจากโครงการเอ็กซ์ที พญาไทและเดอะ เบส ขอนแก่น เป็นต้น​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/04/8ZyscnDzWEf98J9UgAKi.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="8ZyscnDzWEf98J9UgAKi.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ภาพรวมตลาดอสังหาฯ ไตรมาส 2 คาดว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐจะเป็นแรงหนุนที่สำคัญของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะแรงหนุนจากการฟื้นตัวของการใช้จ่ายในประเทศและภาคการท่องเที่ยวที่เติบโตต่อเนื่อง โดยแสนสิริให้ความสำคัญกับกลยุทธ์ Speed to Market พร้อมวิ่งก่อนใคร ผ่านการตลาดที่แข็งแกร่ง รวมถึงการบริหารจัดการพอร์ตสินค้าพร้อมขาย ให้กระจายไปในหลากหลายทำเล เพื่อสร้างโอกาสและความได้เปรียบในการแข่งขัน"&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับไตรมาส 2 แสนสิริวางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ราว 11 โครงการมูลค่ารวม 12,000 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 5 โครงการ มูลค่า 4,200 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 6 โครงการ มูลค่า 7,800 ล้านบาท อาทิ เดอะ สแตนดาร์ด เรสซิเดนซ์ หัวหิน Beachfront Branded Residences แห่งแรกในเอเชีย ภายใต้แบรนด์บูทีคโฮเทลและไลฟ์สไตล์ชั้นนำระดับโลก “เศรษฐสิริ รวมโชค” บ้านดีไซน์ Modern Classic วิวดอยสุเทพ ที่ชูนวัตกรรมบ้านปลอดฝุ่น สู้ PM 2.5 ราคาเริ่มต้น 20-35 ล้านบาท* และ “mekin Haus” (เมคิน เฮาส์) แบรนด์ HAUS โครงการแรกในเชียงใหม่และต่างจังหวัด พร้อมไฮไลท์ “คอนโดเลี้ยงสัตว์ได้แห่งแรกในเชียงใหม่” และ THE MUVE สุขุมวิท 107 คอนโดเลี้ยงสัตว์ได้ แต่งครบ หนึ่งเดียวในย่านแบริ่งจากแสนสิริ รวมถึงไฮไลท์การเปิดตัวแบรนด์ใหม่ ทั้ง ELSE (เอลซ์) หนึ่งในไฮไลท์แบรนด์แนวราบในปีนี้ และ PYNN (พินน์) ปักหมุดชีวิตใจกลางเมือง แบรนด์คอนโดน้องใหม่ ที่จ่อคิวเปิดตัวโครงการแรก PYNN Pridi20 (พินน์ ปรีดี 20) เอ็กซ์คลูซีฟ คอนโดมิเนียมเพียง 36 ยูนิต เลี้ยงสัตว์ได้ ขนาด 1 ห้องนอน 34 ตารางเมตรพร้อมเฟอร์นิเจอร์ พร้อมที่จอดรถถึง 90% เพียง 120 เมตร ถึงโรงเรียนนานาชาติ St. Andrews สุขุมวิท71 ราคาเริ่มต้น 3.59 ล้านบาท จ่อคิวเปิดตัวโครงการพร้อมอยู่พฤษภาคมนี้​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/04/DH2Frftx9AxyBx6qHFbk.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="DH2Frftx9AxyBx6qHFbk.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div> <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/04/5DExA78UxLifpnUjaRen.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="5DExA78UxLifpnUjaRen.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2"></figure></div>​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/motoring/thai-pickups-are-risk-competed-with-china-and-ev-cars?fbclid=IwAR3ajq7uqgNYJLi3JbAsH_dZF1LWjpelj2VkitZePvtyiasxCoQdHiA_nrA_aem_AahtfsCboY3qUEiU8UeOurmv2Cjrui90uWStQ_PyfOimXe_RdicW-35EdllJYw0GOnmkTF5_MMts3f68jKwh5xOg" alt="หวั่นใจ 'ปิกอัพ-ยานยนต์ไทย' เสี่ยงถูกจีนกินรวบตลาด เสียเปรียบทั้งเรื่องราคา-กำลังผลิตรถ EV">หวั่นใจ 'ปิกอัพ-ยานยนต์ไทย' เสี่ยงถูกจีนกินรวบตลาด เสียเปรียบทั้งเรื่องราคา-กำลังผลิตรถ EV</a>​​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

แสนสิริอวด  Q1/67 ยอดขาย 1.2 หมื่นล้าน  Sold Out รวด 12 โครงการ โกยยอดโอนทะลัก 9,700 ล้านบาท

<h2>แสนสิริ เดินหน้ารุกต่อ ปรับทัพอีกครั้ง แต่งตั้ง “นายอุทัย อุทัยแสงสุข” ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ (President) นำทีมผู้บริหารรุ่นใหม่ สร้างการเติบโตสู่ปีที่ 40 มุ่งรักษาอันดับความเป็นผู้นำในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัย ด้วยแผนพัฒนาโครงการใหม่ปี 67 มูลค่าหกหมื่นล้าน</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ที่ประชุมคณะกรรมการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ได้อนุมัติแต่งตั้ง นายอุทัย อุทัยแสงสุข ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ (จากเดิมดำรงตำแหน่งประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ) โดยมีผลวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นต้นไป&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายอุทัย อุทัยแสงสุข เป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญของวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย มองภาพตลาดและคาดการณ์สถานการณ์ต่างๆ อย่างเฉียบคม ด้วยประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในด้านการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และการลงทุนตลอดระยะเวลา 30 ปี ได้ร่วมพัฒนาโครงการต่างๆ อย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งในแนวราบและแนวสูง พร้อมสร้างสถิติใหม่ให้กับวงการอสังหาริมทรัพย์ของไทยนับครั้งไม่ถ้วน อาทิ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-โครงการ Flagship ซูเปอร์ลักชัวรีที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยอย่าง 98 Wireless บนถนนวิทยุ ที่สร้างสถิติใหม่ให้กับวงการอสังหาฯ ด้วยราคารีเซลทุบสถิติที่ 1 ล้านบาทต่อตารางเมตร สูงสุดในประเทศไทยเมื่อต้นปี 2566 ที่ผ่านมา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-สร้างโอกาสการเติบโตผ่านการร่วมทุนกับพันธมิตรระดับประเทศและระดับโลก อย่างบีทีเอส กรุ๊ป ในการร่วมกันพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ตามแนวรถไฟฟ้าโครงการแรกของประเทศไทย รวมถึงการร่วมทุนกับบริษัท โตคิว คอร์ปอเรชั่น จำกัด ประเทศญี่ปุ่น ในการพัฒนาโครงการทั้งแนวราบและแนวสูง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-นำเทคโนโลยีและ PropTech เข้าใช้ในวงการอสังหาริมทรัยพ์เป็นรายแรกๆ และมีส่วนช่วยผลักดันธุรกิจให้มีประสิทธิภาพและมีความคล่องตัวยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่น การพัฒนาแอป SANSIRI Home Service Application แอปพลิเคชั่นที่รวบรวมทุกบริการเพื่อลูกบ้านแสนสิริ และการพัฒนา LIV-24 บริการดูแลความปลอดภัยจากศูนย์ควบคุมแบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง อย่างเต็มรูปแบบแห่งแรกและหนึ่งเดียวของวงการอสังหาฯ ไทย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-ต่อยอดการลงทุนไปสู่ธุรกิจที่มี Potential ในอนาคต อย่างธุรกิจโรงแรม ธุรกิจด้านการเงินและธุรกิจด้านพลังงานสะอาด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-ผลักดันการดำเนินงานด้าน Sustainability ด้วยเจตนารมณ์การเป็นผู้ร่วมสร้างจุดเปลี่ยนด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน และเป็นอสังหาริมทรัพย์รายแรกของไทยที่ตั้งเป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero) ภายในปี 2050 (พ.ศ.2593)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การขึ้นดำรงตำแหน่งครั้งนี้ของนายอุทัย เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมอย่างยิ่ง ในการนำทีมผู้บริหารรุ่นใหม่ขับเคลื่อนแสนสิริสู่ปีที่ 40 สถาบันธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน เป็นเป้าหมายการเข้าทำงานของคนรุ่นใหม่ ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญกับสังคมและการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ด้วยแผนธุรกิจในปี 2567 ที่จะเปิดตัวโครงการใหม่รวม 46 โครงการ มูลค่า 61,000 ล้านบาท รองรับทุกความต้องการ และครอบคลุมในทุกทำเล เจาะกลุ่มที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยจริง พร้อมเป้ายอดขาย 52,000 ล้านบาท และเป้ายอดโอน 43,000 ล้านบาท เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/property/bugaan-rama-9-meng-jai-sold-out" alt="Sold Out ตั้งแต่วันแรกที่เปิดจอง แสนสิริ บูก้าน พระราม 9 – เหม่งจ๋าย ลุยต่อขยายเฟสใหม่ใน 2 โลเคชั่น">Sold Out ตั้งแต่วันแรกที่เปิดจอง แสนสิริ บูก้าน พระราม 9 – เหม่งจ๋าย ลุยต่อขยายเฟสใหม่ใน 2 โลเคชั่น</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

‘แสนสิริ’ ตั้ง ‘อุทัย อุทัยแสงสุข’ นั่งกรรมการผู้จัดการใหญ่

<h2>แสนสิริเดินหน้าสู่ Net-zero จ่อผนึกพันธมิตร-คู่ค้า-ลูกบ้าน ลดก๊าซเรือนกระจกยั่งยืนทุกมิติ เตรียมจับมือกว่า 10 พาร์ตเนอร์ ตั้งทีม R&amp;D ปั้น Net-zero Home ครั้งแรกของอสังหาฯ ไทย พร้อมเดินหน้ารุกพัฒนา Net-zero Home ครั้งแรกของไทย ภายในปี 2050</h2>
อุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่าหลังจากประกาศความมุ่งมั่นในการเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายแรกของไทยที่ตั้งเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-zero) แสนสิริได้เดินหน้าสู่เป้าหมายในทุกรูปแบบเพื่อร่วมแก้ปัญหาเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ซึ่งเป็นเรื่องใกล้ตัวเรามากขึ้นทุกขณะ

จากข้อมูลของ Climate Watch Data พบว่าภาพรวมภาคธุรกิจในประเทศไทยที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุด คือ ภาคพลังงาน ซึ่งมีสัดส่วนมากที่สุดถึง 61.11% รองลงมาคือ ภาคอุตสาหกรรม 16.67% ตามด้วย ภาคการเกษตร 15.96% และ ภาคป่าไม้และการใช้ประโยชน์ที่ดิน 3.31% ทั้งนี้ แม้ภาคอสังหาริมทรัพย์จะไม่ใช่กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีสัดส่วนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยตรงในปริมาณสูง แต่ห่วงโซ่คุณค่าของธุรกิจ (Value Chain) ก็เป็นส่วนหนึ่งในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอันเป็นสาเหตุของโลกร้อนเช่นกัน

โดยแสนสิริมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกรวมทั้งสิ้น 229,486 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี  มาจากการดำเนินธุรกิจโดยตรงของบริษัทเพียง 4,939.74 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปีหรือคิดเป็น 2.2% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดเท่านั้น แยกย่อยได้เป็นการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขอบเขตที่ 1 คือ การใช้น้ำมันในการดำเนินงานของแสนสิริ 0.2% และขอบเขตที่ 2 คือ การใช้น้ำมันและพลังงานในการดำเนินธุรกิจของบริษัทที่ 2% ในขณะที่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมที่มาจากห่วงโซ่คุณค่าตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ (Value Chain) อันเป็นขอบเขตที่ 3 ปล่อยก๊าซเรือนกระจกรวมที่ 224,547.24 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปีหรือ 97.8% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมด

โดยตัวเลขนี้สามารถแยกย่อยได้เป็นการคาดการณ์การใช้ไฟฟ้าของลูกค้าในอีก 60 ปีถึง 55% การซื้อวัสดุก่อสร้างจากคู่ค้า 29% การขนส่งสินค้าของคู่ค้า 2% และอื่นๆ 14%

อุทัย กล่าวต่อว่า แสนสิริมีแผนที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากการดำเนินธุรกิจโดยตรงของบริษัท (ขอบเขตที่ 1 และ 2) ให้ได้ 20% ภายในปี 2025 (พ.ศ.2568) และลดก๊าซเรือนกระจกของทั้งขอบเขตที่ 1, 2 และ 3 ให้อยู่ที่ 50% ในปี 2033 (พ.ศ. 2576) โดยมีเป้าหมายสูงสุดสู่การเป็นองค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์หรือ Net-Zero ให้ได้ภายในปี 2050 (พ.ศ.2593) ผ่าน 3 กลยุทธ์ ได้แก่

กลยุทธ์ที่ 1: ก้าวสู่การเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำ มุ่งประหยัดพลังงานและใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ยกระดับการการใช้นวัตกรรมเพื่อพลังงานสะอาดเป็น 100% ภายในปี 2025 (พ.ศ.2568) ผ่านการขยายแผนการติดตั้ง Solar Roof และ EV Charger ครบ 100% ให้กับบ้านแสนสิริทุกหลังทุกระดับราคา, ติดตั้ง Solar Roof ครบ 100% ในคลับเฮาส์ของทุกโครงการใหม่แสนสิริ, ติดตั้งระบบสูบน้ำและบำบัดน้ำเสียพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Water Treatment Pump) ในพื้นที่ส่วนกลางของทุกโครงการ, เปลี่ยนรถส่วนกลางของบริษัทให้เป็นรถ EV 100% และเปลี่ยนการใช้น้ำมันของเครื่องจักรทุกชนิดมาใช้พลังงานไบโอดีเซล 100%

กลยุทธ์ที่ 2: ออกนโยบายด้านธรรมาภิบาลเพื่อลดคาร์บอนตลอดห่วงโซ่คุณค่า ภายใต้การดำเนินการ 3G ได้แก่

Green Procurement เลือกคู่ค้าที่ใส่ใจกระบวนการผลิตที่ยั่งยืน มีแผนลดการใช้พลังงานและน้ำทั้งในการผลิตและการใช้งานระยะยาว ใช้วัสดุในการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมทั้งลดการใช้ทรัพยากรและนำกลับมาใช้ใหม่ (Circular Economy) พร้อมวางเป้าหมายจัดซื้อวัสดุ Low-carbon ที่ได้รับการรับรองจากสถาบันที่เกี่ยวข้อง ในสัดส่วน 30% ของวัสดุที่ผ่านการจัดซื้อโดยแสนสิริ ภายในปี 2025 (พ.ศ.2568)

Green Architecture &amp; Design ออกแบบที่อยู่อาศัยเพื่อการใช้ชีวิตที่ยั่งยืน เช่น Cooliving Designed Home นวัตกรรมบ้านเย็นช่วยประหยัดพลังงาน, Zero Waste Design การออกแบบที่ลดการสิ้นเปลืองและลดปริมาณขยะให้มากที่สุด, Universal Design การออกแบบที่ครอบคลุมการใช้งานของผู้อยู่อาศัยทุกวัย รวมทั้งการผสมผสานแนวคิด Well-being ให้ความสำคัญสูงสุดด้านคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้อยู่อาศัย ทั้งความสะอาดปราศจากเชี้อโรค และครอบคลุมไปถึงการมีอากาศบริสุทธ์

Green Construction การก่อสร้างและพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีวัสดุเหลือใช้เป็นศูนย์ ตลอดจนใช้นวัตกรรมในการพัฒนาโครงการอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อย่นเวลาในการก่อสร้างให้มากที่สุดและก่อเกิด waste น้อยที่สุด

กลยุทธ์ที่ 3: การลงทุนในนวัตกรรมสีเขียว ลงทุนในบริษัทที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีพลังงานสะอาด และเทคโนโลยีการก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยงบประมาณ 500 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันได้ลงทุนไปแล้ว 3 บริษัท คิดเป็นเงินลงทุนประมาณ 120 ล้านบาท

<img class="alignnone size-full wp-image-68113" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/08/แสนสิริ_0803.jpg" alt="" width="650" height="425" />

แสนสิริเชื่อมั่นว่าจะสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ในขอบเขตที่ 1 และ 2 อันเกิดจากการดำเนินธุรกิจโดยตรงของแสนสิริได้อย่างแน่นอนและในระยะเวลาอันไม่ไกลนัก แต่การจะช่วยเรื่องโลกร้อนอันเป็นสัญญาณเตือนภัยของมนุษยชาติได้อย่างยั่งยืนนั้น องค์กรจำเป็นต้องเร่งลดก๊าซเรือนกระจกจากห่วงโซ่คุณค่าตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ (Value Chain)ด้วย โดยแสนสิริวางแผนที่จะจับมือพันธมิตรกว่า 10 ราย ตั้งทีมวิจัยและพัฒนา (Research &amp; Development Team) เพื่อพัฒนาบ้านที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net-Zero Home) ครั้งแรกของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ไทยให้ได้ภายในปี 2050 (พ.ศ.2593)

โดยมีบริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจเครื่องชาร์จรถพลังงานไฟฟ้าครบวงจร และ บริษัท ไอออน เอนเนอร์ยี่ จำกัด ผู้พัฒนาโซลูชั่นพลังงานโซลาร์ครบวงจรเป็นหนึ่งในพันธมิตร  โดยมีเป้าหมายระยะสั้นและระยะกลางที่จะพัฒนาบ้านประหยัดพลังงาน (Low-energy Home) ภายในปี 2023 (พ.ศ.2566) และบ้านที่ลดการปล่อยคาร์บอน 30% (Low-carbon Home) ภายในปี 2030 (พ.ศ.2573)

ขณะนี้อยู่ในระหว่างการศึกษาวิจัยเทรนด์แห่งอนาคตและนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน อาทิ การใช้ AI ในการคำนวณการประหยัดพลังงานของที่อยู่อาศัย, การใช้ไฟเบอร์แทนเหล็กเส้นในการก่อสร้าง, การพัฒนานวัตกรรมการก่อสร้างแบบพรีคาสต์ให้ปลอ่ยคาร์บอนและของเสียเป็นศูนย์, หลังคาโซลาร์เซลส์ที่ผลิตไฟฟ้าได้มากขึ้นและมีแบตเตอร์รี่กักเก็บพลังงานไว้ใช้ในเวลากลางคืน, กระเบื้องลอนมุงหลังคาที่ผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์, การแลกเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ระหว่างครัวเรือน, สวนที่ใช้พลังงานไฟฟ้า 100% และนวัตกรรมของเครื่องชาร์จรถพลังงานไฟฟ้าแห่งอนาคต เป็นต้น

“แสนสิริมุ่งมั่นที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในทุกมิติและครอบคลุมมากที่สุด โดยเฉพาะในส่วนภาคครัวเรือนและภาคคู่ค้าที่เป็นเรื่องท้าทายและไม่เคยมีใครทำมาก่อน แต่หากแสนสิริทำได้ ก็จะเป็นการจุดประกายให้องค์กรอื่นๆ ร่วมมือกันเข้ามาแก้ไขการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากขึ้นส่วนนี้กันมากขึ้น” อุทัยกล่าวสรุป

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/commentaries/thought-leaders/digital-transformation-%e0%b8%aa%e0%b8%b3%e0%b8%84%e0%b8%b1%e0%b8%8d%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%84%e0%b9%8c%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%a2%e0%b8%b8%e0%b8%84.html">“Digital Transformation” สำคัญกับองค์กรยุคใหม่</a>

<hr />

<article id="post-34018" class="post-34018 post type-post status-publish format-standard has-post-thumbnail hentry category-marketing category-news tag-891 tag-11994 tag-11992 tag-1970 tag-11993">
<div class="body-content post-content-wrap post-detail">
<div>

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

</div>
</div>
</article>&nbsp;

แสนสิริ เดินหน้าสู่ Net-zero ในปี 2050

แสนสิริ เดินหน้าพันธกิจ Net-Zero ในปี 2565

<h2>รุกไวก่อนใคร! แสนสิริ เซอร์ไพรส์ตลาดอสังหาฯ โค้งสุดท้ายก่อนสิ้นปี หลังทิศทางตลาดเริ่มฟื้นกลับสดใส จับมือ “ฮาเก้น-ดาส” (Häagen-Dazs) แบอัดบิ๊กแคมเปญ “Freeze The Moment” ยกขบวน บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และคอนโดกว่า 60 โครงการพร้อมอยู่ ฟรีซไว้ราคาเดียว ตั้งเป้าพิชิตยอดขายแคมเปญ 4,800 ล้านบาท เชื่อมั่นดันยอดขายรวมปีนี้ 31,000 ล้านบาท ตามเป้า</h2>
<img class="alignnone size-full wp-image-53274" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/11/อุทัย-อุทัยแสงสุข_1001.jpg" alt="" width="600" height="400" />

อุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เผยว่า “แสนสิริ เป็นหนึ่งในฟันเฟืองหลักที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและภาพสะท้อนของ GDP ประเทศ ตอนนี้แนวโน้มของประเทศเริ่มฟื้นกลับสู่ทิศทางบวกและกลับมาสดใสขึ้น จากการที่รัฐบาลประกาศเปิดประเทศ รวมถึงมาตรการ LTV ที่ช่วยเอื้อต่อภาคอสังหาฯ และช่วยลูกค้ากลุ่มเรียล ดีมานด์ได้มีที่อยู่อาศัยง่ายขึ้น

แสนสิริในฐานะ First Market Mover จึงเร่งเดินหน้าสร้างโอกาสกระตุ้นตลาดอสังหาฯ ส่งท้ายปี โดยจับมือกับ ฮาเก้น-ดาส (Haagen-Dazs) แบรนด์พรีเมี่ยมไอศกรีมดังระดับโลก ส่งโปรเจ็คใหญ่ “Freeze The Moment เก็บความสุขให้สุดขีด” ด้วยคาแรคเตอร์แบรนด์สนุกสนานสดใส มอบความสุขและโมเมนต์ดีๆ ผ่านรสชาติของไอศกรีมในทุกช่วงเวลาชีวิตซึ่งสอดคล้องกับแนวคิด “Made for Life เพื่อชีวิตดีดีของทุกคน” ของแบรนด์แสนสิริ ที่มุ่งมั่นส่ง มอบไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่มากกว่าที่อยู่อาศัย

เราขอเป็นส่วนหนึ่งขับเคลื่อนส่งประสบการณ์ความสุขให้คนไทยทั้งประเทศส่งท้ายปีใหม่ และให้กำลังใจให้คนไทยหลังผ่านวิกฤตโควิดมาอย่างยาวนาน เพื่อพร้อมเข้าสู่การพลิกฟื้นเศรษฐกิจในปี 2565 ด้วยการสร้าง โมเมนต์แห่งความสุขร่วมกัน กับโปรโมชั่นและสิทธิพิเศษรูปแบบใหม่ๆ ที่แสนสิริ และ ฮาเก้น-ดาส ร่วมกันมอบให้ ทั้งความสุขและรอยยิ้มผ่านรสชาติไอศกรีม และคนไทยมีบ้านได้ง่ายขึ้น แสนสิริ เชื่อมั่นว่าแคมเปญนี้จะประสบความสำเร็จไม่ต่างจากแคมเปญที่ผ่านมา และสามารถดันยอดขายรวมบริษัทฯ ปีนี้ได้ 31,000 ล้านบาทตามเป้า”

แคมเปญ “Freeze The Moment เก็บความสุขให้สุดขีด” ตั้งเป้าพิชิตยอดขายโครงการจากแคมเปญกว่า 4,800 ล้านบาท มอบเซอร์ไพรส์ให้คนอยากมีบ้านด้วยโปรโมชั่นสุดยิ่งใหญ่ที่เคยมี เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ จองก่อนละลาย โปรส่งท้ายปี Freeze the deals ฟรีซดีลที่ดีสุดจากแสนสิริ บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม กว่า 62 โครงการ บ้านและทาวน์โฮม ลดสูงสุด 2 ล้านบาท คอนโดมิเนียมยูนิตพิเศษ ฟรีซไว้ราคาเดียว เริ่ม 1.59 ล้านบาท พร้อมลุ้นทริปบินลัดฟ้าสู่นิวยอร์ก ต้นกำเนิดแบรนด์ไอศกรีมฮาเก้น-ดาส (จำนวน 2 ที่นั่ง พร้อมที่พัก 5 คืน มูลค่ารวม 250,000 บาท) ตั้งแต่วันนี้จนถึงสิ้นปี ข้อมูลเพิ่มเติมคลิก http://siri.ly/eXz3uAA

อานันท์ จาโกต้า ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จาโกต้า บราเดอร์ส เทรดดิ้ง จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายกลุ่มผลิตภัณฑ์ไอศกรีมฮาเก้น-ดาส กล่าวว่า “เป็นคร้ังแรกของแบรนด์ฮาเก้น-ดาส ที่ได้มาร่วมคอแลบส์กับแบรนด์อสังหาฯ ไทยที่คิดนอกกรอบอย่างแสนสิริ ที่แนวคิดของแบรนด์คล้ายๆกันในเรื่องของความพรีเมี่ยม และมีกลุ่มลูกค้าที่ใกล้เคียงกัน เราหวังว่าความร่วมมือในแคมเปญ Freeze The Moment นี้ จะช่วยสร้างสีสันและความสุขเก็บโมเมนต์ช่วงเวลาดีดี ให้กับคนไทยทุกคนในช่วงท้ายปีนี้ที่สถานการณ์ทุกอย่างเริ่มกลับมาสดใส ผ่านจุดเด่นของแบรนด์ฮาเก้น-ดาส ที่จะช่วยสร้างอารมณ์ความสุขในทุกๆ วันจากรสชาติไอศกรีมที่หลากหลายและเฉพาะตัว”

หลังจากสร้างปรากฏการณ์สุดฮือฮาบนโซเชียลมีเดียเนรมิตสะพานแสนที่ T77 Community เป็นสะพานไอซ์เบิร์กจนขึ้นแท่นเป็นโลเคชั่นสุดฟรีซไปก่อนหน้านี้ แคมเปญ “Freeze The Moment เก็บความสุขให้สุดขีด” ยังมาพร้อมกับครั้งแรกของการสร้างสรรค์ แสนสิริ คาแรคเตอร์ เหล่าการ์ตูนตัวแทนความสุขของทุกเจเนอเรชั่น ได้แก่ Kiddo, Teeny, Groovy, Dada, และ Granny ผ่านฝีมือการออกแบบของศิลปินไทยสายเลือดใหม่ Fartboil

มอบความสุขให้ทุกคนผ่านไอศกรีมรสชาติโปรดจากฮาเก้น-ดาส พร้อมสร้างสีสันใหม่ด้วยแพ็คเกจจิ้งถุงแช่เย็น ฝาคัพ ลวดลายการ์ตูน Freeze The Moment แบบลิมิเต็ด อิดิชัน ที่ร้านฮาเก้น-ดาส ทั่วประเทศ และห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ตลอดเดือนธันวาคมนี้ เพิ่มสีสันความสนุกด้วยกิจกรรมบนโซเชียลมีเดีย อาทิ เกมออนไลน์ ค้นหาตัวตนจากกับคาแรคเตอร์ตัวการ์ตูน และพบกับ Line Sticker “แสนต้าครอสสส” คอลเล็กชันพิเศษจากแสนสิริ ที่จะมาทำให้ช่วงเทศกาลส่งท้ายปีของทุกคนสุขและไม่น่าเบื่อโดยทุกการดาวน์โหลด ยังช่วยส่งต่อความสุขไปยังมูลนิธิเสริมกล้าเพื่อเด็กและเยาวชนอีกด้วย รับชมวิดีโอแคมเปญได้ที่ https://youtu.be/IDfWIIkTYUU และติดตามความน่าสนใจของแคมเปญในทุกแพลตฟอร์มของแสนสิริ และ ฮาเก้น-ดาส

นอกจากนี้ แสนสิริ เซอร์ไพรส์ฟรีซมอบความสุขทั่วไทยในกิจกรรม Ice Cream Truck &amp; Bar จาก ฮาเก้น-ดาส ที่จะออกเดินทางไปกระจายความสุขให้แก่ลูกบ้านของแสนสิริตามโครงการต่างๆ กว่า 15 โครงการ อาทิ  T77 Community (ซ.อ่อนนุช 1/1), เศรษฐสิริ ทวีวัฒนา, เศรษฐสิริ กรุงเทพกรีฑา 2, คณาสิริ ราชพฤกษ์-346

“แสนสิริในฐานะผู้นำด้านธุรกิจอสังหาฯ พร้อมเป็นฟันเฟืองหนึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจและขับเคลื่อนธุรกิจในภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อให้ภาพรวมเศรษฐกิจระดับมหภาคกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง กับแคมเปญ“Freeze The Moment” ซึ่งจะสามารถทำให้ภาคอสังหาฯกลับมามีชีวิตชีวา ตลอดจนคนไทยได้มีที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้นในช่วงเวลานี้” อุทัย กล่าวทิ้งท้าย

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/news/other/%e0%b8%a2%e0%b8%a8%e0%b8%81%e0%b8%a3-%e0%b8%99%e0%b8%b4%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%94%e0%b8%a3%e0%b9%8c%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%8a%e0%b8%a2-%e0%b8%9b%e0%b8%b1%e0%b9%89%e0%b8%99.html">‘ยศกร นิรันดร์วิชย’ ปั้น ‘สแทชอเวย์’ จากวิกฤตสู่โอกาสการลงทุน</a>

<hr />

<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

“แสนสิริ” ชิงเกมรุกอสังหาฯ ปลายปี อัดบิ๊กแคมเปญ “Freeze The Moment”

<h2>แสนสิริและพลัสฯ ท็อปฟอร์ม นำ “สิริ แคมปัส” คว้า Fitwel คะแนนสูงสุดในเอเชีย ขึ้นแท่นเป็นอาคารเพื่อคุณภาพชีวิตมาตรฐานระดับโลก</h2>
อุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “จากปัญหามลภาวะสิ่งแวดล้อมและวิกฤตการระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้เทรนด์การออกแบบและบริหารอาคารไม่จำกัดเพียงแต่มาตรฐานด้านความปลอดภัยและอาคารเขียวเพื่อสิ่งแวดล้อม ปัจจุบัน ยังมี Fitwel เทรนด์มาตรฐานอาคารใหม่ในไทย กับเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการพัฒนาและดูแลอาคารที่เป็นมิตรต่อสุขภาพ (Health &amp; Wellness) ซึ่งเป็นเมกะเทรนด์ที่ได้รับการขับเคลื่อนระดับโลก

<figure><img class="wp-image-41896 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/02/สิริ-แคมปัส_007.jpg" alt="" width="600" height="400" /><figcaption> อุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)</figcaption></figure>

โดย “สิริ แคมปัส” เป็นออฟฟิศรูปแบบใหม่ ออกแบบภายใต้แนวคิด ‘New way of Work และ New way of Life’ มุ่งขับเคลื่อนการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับพนักงาน ตอบโจทย์พฤติกรรมการทำงานของคนรุ่นใหม่ จนติด Top 10 ของบริษัทที่คนรุ่นใหม่อยากร่วมงานด้วยมากที่สุดจาก WorkVenture

และล่าสุด “สิริ แคมปัส” ภายใต้การบริหารทรัพยากรอาคารและดูแลระบบวิศวกรรมโดยทีมงานมืออาชีพของพลัสฯ ได้ผ่านการรับรองมาตรฐานสากล Fitwel ระดับ 3 ดาว ด้วยคะแนนสูงสุดในเอเชียประจำปี 2020”

<img class="alignnone size-full wp-image-41895" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/02/สิริ-แคมปัส_005.jpg" alt="" width="600" height="400" />

“สิริ แคมปัส” เป็นออฟฟิศรูปแบบใหม่ของพนักงานแสนสิริและบริษัทในเครือกว่า 1,200 คน ได้รับการออกแบบและบริหารจัดการอาคารที่ใส่ใจต่อสุขภาวะของพนักงานและผู้ใช้อาคารตามมาตรฐาน Fitwel ตั้งแต่ การออกแบบพื้นที่เพื่อส่งเสริมการเคลื่อนไหวร่างกายและช่วยลดความเครียด เช่น Fitness กับเครื่องออกกำลังกายคุณภาพจาก TechnoGym แบรนด์ดังระดับโลก พร้อม Personal Trainer, Active Workstation โต๊ะทำงานที่สามารถออกกำลังกายด้วยการเดินหรือปั่นจักรยานในเวลาเดียวกัน, Relaxing Area ที่มีทั้งโต๊ะสนุ๊กและโต๊ะปิงปอง

รวมทั้งการจัดสรรพื้นที่สีเขียวทั้งภายใน-ภายนอกอาคาร และการจัดแสงแบบ Celling Sky Light ลดการใช้กำแพงทึบเพื่อให้แสงธรรมชาติส่องผ่าน ตลอดจนการดีไซน์พื้นที่เป็นมิตรต่อการใช้งานของคนทุกกลุ่ม ทั้งห้องให้นมบุตรและห้องละหมาดที่มีอุปกรณ์ครบครัน ขณะที่การสร้างสภาพแวดล้อมที่สะอาดและปลอดภัยต่อผู้ใช้อาคารทั้งด้านงานระบบและด้านสุขอนามัยได้รับการดูแลโดยทีมงานมืออาชีพจากพลัสฯ

<figure><img class="wp-image-41894 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/02/สิริ-แคมปัส_004.jpg" alt="" width="600" height="400" /><figcaption> ชาญ ศิริรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายบริหารทรัพยากรอาคารและวิศวกรรม บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด</figcaption></figure>

ด้าน ชาญ ศิริรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายบริหารทรัพยากรอาคารและวิศวกรรม บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมตอบโจทย์ทุกบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่าหลายปีที่ผ่านมา พลัส พร็อพเพอร์ตี้ และบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมมือกันผลักดันนโยบายในการยกระดับคุณภาพชีวิตของพนักงานรวมถึงพันธมิตรทางธุรกิจ โดยได้นำเรื่องนี้เข้ามาเป็นโรดแมพในการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน

รวมถึงนำไปใช้ในการบริหารอาคารของลูกค้าที่พลัสฯ ดูแลในทุกๆ โครงการเพื่อส่งต่อคุณภาพชีวิตที่ดีสู่สังคม จึงได้ยกระดับงานบริหารจัดการอาคารสิริ แคมปัสในทุกมิติ เพื่อให้เป็นอาคารต้นแบบในด้านดูแลทรัพยากรอาคารและระบบวิศวกรรมต่อไปในวงกว้าง และได้ส่งอาคารสิริ แคมปัส เข้าประเมินมาตรฐาน Fitwel จากองค์กร Center for Active Design (CfAD) สหรัฐอเมริกา

จนสามารถผ่านการรับรอง Fitwel Certificate ระดับสูงสุด 3 ดาว ด้วยคะแนนสูงสุดในเอเชียของรอบประเมินปี 2020 ประเภทโครงการส่งเสริมสุขภาวะที่ดีต่อผู้ใช้อาคาร ทั้งด้านส่งเสริมสุขภาพและประสิทธิภาพในการทำงานที่ดี (Improving Occupant Health and Productivity)

<img class="alignnone size-full wp-image-41893" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/02/สิริ-แคมปัส_003.jpg" alt="" width="600" height="400" />

ทั้งนี้ Fitwel เป็นมาตรฐานการประเมินในกลุ่มอาคารที่มีการบริหารจัดการเพื่อมุ่งเน้นและส่งเสริมสุขภาวะที่ดีของผู้ใช้อาคาร มีการพิจารณาทั้งในด้านการออกแบบอาคาร การดูแลพื้นที่และสภาพภายในอาคาร การจัดการคุณภาพอากาศภายในอาคาร การจัดการเหตุฉุกเฉิน การดูแลด้านโภชนาการและสิ่งอำนวยความสะดวกรวมถึงมีการส่งเสริมการดูแลสุขภาพของผู้ใช้อาคาร มีพื้นที่สำหรับการพักผ่อน มีทางเท้าสำหรับการเดินออกกำลังกาย มีเครื่องออกกำลังกาย รวมถึงใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งถือเป็นมาตรฐานสากลที่ได้รับการยอมรับไปทั่วโลก

และสอดคล้องกับกลยุทธ์หลักของพลัสฯ ที่มีการมุ่งเน้นการปฏิบัติงานที่เทียบเท่ามาตรฐานระดับสากล และให้ความสำคัญในการยกระดับมาตรฐานงานบริหารดูแลอาคารให้ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคนยุคใหม่ ทำหน้าที่เป็นพาร์ทเนอร์มืออาชีพที่เคียงข้างเจ้าของอาคาร ดูแล ยกระดับอาคารโดยมุ่งไปสู่เป้าหมายร่วมกันจนได้รับการรับรองมาตรฐานสากลในครั้งนี้ ที่จะกลายมาเป็นมาตรฐานใหม่ของอุตสาหกรรมอาคารสำนักงานในยุคต่อจากนี้

“มาตรฐาน Fitwel ยังถือเป็นเรื่องใหม่ของอาคารสำนักงานในประเทศไทย แต่เป็นมาตรฐานระดับโลกที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ เป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานอาคารในยุคใหม่อย่างตรงจุด ซึ่ง พลัสฯ มองว่า Fitwel Certificate นี้จะมีส่วนช่วยขับเคลื่อนการยกระดับมาตรฐานอาคารสำนักงานให้ดีขึ้นไปอีกขั้นและเป็นปัจจัยสำคัญในการบริหารงานทรัพยากรอาคารในโลกปัจจุบันและยุคต่อจากนี้

โดยปัจจุบันในไทยมีเพียง 2 อาคารที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน Fitwel ได้แก่อาคารสิริ แคมปัส และอาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งพลัสฯ เป็นผู้บริหารทั้งสองอาคาร นอกจากนี้ พลัสฯ ได้เปิดกว้างในการให้คำปรึกษาสำหรับอาคารสำนักงานด้าน Fitwel สำหรับผู้ที่ต้องการสร้างการเปลี่ยนแปลงไปด้วยกัน” ชาญ กล่าวสรุป

ปัจจุบัน พลัสฯ มีธุรกิจบริหารงานทรัพยากรอาคารเพื่อการพาณิชย์รวมทั้งสิ้นมากกว่า 30 โครงการ มีพื้นที่บริหารรวมทั้งสิ้นกว่า 2.2 ล้านตารางฟุต

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B9%82%E0%B8%8A%E0%B8%A7%E0%B9%8C%E0%B8%A8%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A2%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%99.html">เงินติดล้อโชว์ศักยภาพนับถอยหลังเข้าตลาดฯ</a>
<div class="single-content-writer-box">
<div>

<hr />

<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

</div>
</div>

“สิริ แคมปัส” คว้า Fitwel คะแนนสูงสุดในเอเชีย

"แสนสิริ" ขยับเป้ายอดขายปีนี้แตะ 3.5 หมื่นล้าน ครึ่งปีหลังวางหมากทำกำไรจากแนวราบ

<h2 class="p1">เพิ่งจัดอีเวนต์แถลงข่าวเปิดบ้าน “แสนสิริแคมปัส” สำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของกลุ่ม แสนสิริ ที่อ่อนนุช พร้อมประกาศแผนธุรกิจปี 2563 ด้วยเป้ายอดขาย 2.9 หมื่นล้านบาท ปรับพอร์ตสินค้าลดสัดส่วนคอนโดฯ เหลือ 30% ตามสภาพตลาด พร้อมแตกไลน์บริการ LIV-24 เสริมรายได้</h2>
 ช่วงเช้าของวันเริ่มงานแรกของเดือนมีนาคม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) จัดอีเวนต์แถลงข่าวพร้อมเปิดบ้าน “แสนสิริแคมปัส” ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานแห่งใหม่ของแสนสิริ ที่รวมเอาบริษัทในเครืออย่างพลัส พร็อพเพอร์ตี้ เข้ามารวมอยู่ภายในพื้นที่เดียวกัน
โดยเป็นอาคารแนวราบความสูงประมาณ 4 ชั้นต่อเนื่องกัน 4 อาคาร ซึ่งมีการจัดฟังก์ชั่นพื้นที่ใช้สอยที่หลากหลาย ทั้งโต๊ะทำงานและห้องทำงานแบบไม่ประจำ ห้องอบรม สัมมนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ห้องประชุมย่อย และโคเวิร์กกิ้งสเปซที่หลากหลาย


<figure><img class="size-full wp-image-27460" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/03/sansiri-campus.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> ภายในแสนสิริแคมปัส</figcaption></figure>
พร้อมพื้นที่สันทนาการ มุมพักผ่อนและกิจกรรมผ่อนคลายทั้งในร่มและกลางแจ้ง ให้บรรยากาศเหมือนอาคารสำนักงานขนาดย่อมของบริษัทสมัยใหม่ที่เปิดกว้างรูปแบบการทำงานแบบไม่ตายตัว ให้อิสระกับคนทำงานในการเลือกที่จะใช้พื้นที่เพื่อความเป็นส่วนตัวและสร้างสรรค์ไอเดียแปลกใหม่


<figure><img class="size-full wp-image-27459" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/03/sansiri-campus-02.jpg" alt="" width="480" height="600" /><figcaption> ภายในแสนสิริแคมปัส</figcaption></figure>
นอกจากเปิดบ้านให้สื่อได้เยี่ยมชมเป็นครั้งแรกแล้ว ผู้บริหารแสนสิริ วันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารสายงานการเงินและสนับสนุนธุรกิจ และ อุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมกันแถลงแผนธุรกิจในปี 2563 ว่า แสนสิริได้วางเป้าหมายพัฒนาโครงการใหม่ 18 โครงการ รวมมูลค่า 2.4 หมื่นล้านบาท
โดยแบ่งเป็น คอนโดมิเนียม 6 โครงการ มูลค่ารวม 8,800 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 6 โครงการ มูลค่ารวม 8,600 ล้านบาท และทาวน์โฮม และมิกซ์โปรเจกต์ 6 โครงการ มูลค่ารวม 6,600 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในเซกเมนต์ Medium และ Affordable เป็นหลัก เพื่อให้แสนสิริเป็นแบรนด์ที่เข้าถึงง่ายในกลยุทธ์ด้านการวางราคาขาย
“ปีนี้เราวางสัดส่วนการเปิดสินค้าใหม่ทั้ง 3 กลุ่มในสัดส่วนเท่ากันคือ 30/30/30 สำหรับคอนโดมิเนียม แนวราบ และมิกซ์โปรเจกต์” อุทัย ย้ำ และว่า ในปีนี้แสนสิริจะขยายฐานลูกค้าในเซกเมนต์ลักชัวรี และซูเปอร์ลักชัวรี ด้วยคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ภายใต้ Sansiri Luxury Collection อาทิ 98 ไวร์เลส, เดอะ โมนูเมนต์ ทองหล่อ, คุณ บาย ยู และบ้านแสนสิริ
<img class="alignnone size-full wp-image-27458" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/03/sansiri-2020.jpg" alt="" width="720" height="480" />
โดยคาดว่าจะสามารถสร้างยอดขาย 2.9 หมื่นล้านบาทในปี 2563 เติบโตขึ้น 40% จากปีก่อนที่มียอดขาย  2.1 หมื่นล้านบาท รวมทั้งวางเป้าหมายการโอนไว้ 3.3 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ แสนสิริยังมียอดขายรอโอนรองรับการเติบโตระยะยาวในอีก 4 ปี กว่า 4.75 หมื่นล้านบาท ซึ่งช่วยสร้างความมั่นใจให้แสนสิริแข็งแกร่งในทุกสภาวะเศรษฐกิจ
&nbsp;
<h2 class="p1">แบรนด์จับต้องง่ายขึ้น </h2>
 อุทัย กล่าวอีกว่า ในปีนี้ แสนสิริได้เดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งด้วยการวางยุทธศาสตร์ “Made for Life…Made for Everyone” เพื่อสร้างภาพแบรนด์ที่จับต้องง่ายขึ้น และเป็นแบรนด์ที่ทุกคนเข้าถึงได้ รวมทั้งมอบไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยที่มากกว่าภายใต้แนวคิดบ้านที่ได้มากกว่าบ้าน
โดยได้กำหนดกลยุทธ์สำคัญที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกเซกเมนต์ ได้แก่ การเดินหน้ามุ่งพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยคุณภาพ ครอบคลุมความต้องการที่หลากหลาย โฟกัสในตลาดกลุ่มใหญ่ที่มีดีมานด์ (Mass Market) ด้วยการพัฒนาโครงการ ภายใต้แบรนด์  ‘ดีคอนโด’ - ‘เดอะเบส’ - ‘สิริ เพลส’ - ‘อณาสิริ’ - ‘สราญสิริ’
รวมทั้งขยายการพัฒนาโครงการไปในย่านคอมมูนิตี้ใกล้เมืองในราคาเข้าถึงง่าย อาทิ แผนเตรียมเปิดตัว ดีคอนโด รามคำแหง 40 ใกล้รถไฟฟ้าสายสีส้ม ในเดือนพฤษภาคมนี้ ตลอดจนจะรุกพัฒนาโครงการไปในทำเลใหม่ๆ ที่แสนสิริยังไม่เคยพัฒนาโครงการมาก่อน  อาทิ การบุกทำเลย่านสุวรรณภูมิด้วยสราญสิริ ศรีวารี และการเข้าไปยังทำเลป่าคลอก ภูเก็ต ของแบรนด์อณาสิริ


<figure><img class="wp-image-27462 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/03/d-condo.jpg" alt="" width="720" height="481" /><figcaption> โครงการดีคอนโด รามคำแหง 40</figcaption></figure>
ในส่วนคอนโดมิเนียม แสนสิริมีการเตรียมส่งมอบโครงการคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ 8 โครงการ ในปีนี้ ได้แก่ ดีคอนโด ริน เชียงใหม่, ดีคอนโด บลิซ ศรีราชา, เดอะ เบส เซ็นทรัล ภูเก็ต, เดอะ เบส สะพานใหม่, เอ็กซ์ที เอกมัย, เอ็กซ์ที  ห้วยขวาง, คาวะ เฮาส์ และลา ฮาบาน่า หัวหิน โดยคอนโดมีเนียมที่พร้อมโอนในปีนี้มียอดขายแล้ว 60% จากมูลค่าโครงการรวม 2.4 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ แสนสิริยังมีแผนเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจด้วย “แหล่งรายได้ใหม่” ได้แก่ แผนการนำ LIV-24 ดูแลความปลอดภัยส่งตรงจากศูนย์ควบคุมแบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง มาตรฐานแสนสิริ ขยายการให้บริการสู่โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่พลัส พร็อพเพอร์ตี้บริหารทั่วประเทศ
พร้อมทั้งมีแผนต่อยอด และขยายขอบเขตการบริการของ Home Service Application หลังประสบความสำเร็จจากประสบการณ์ให้บริการในลูกบ้านแสนสิริกว่า 4 หมื่นรายใน 300 โครงการสู่โครงการอื่นๆ ที่พลัส พร็อพเพอร์ตี้บริหารทั่วประเทศ โดยวางแผนเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้
&nbsp;
<h2 class="p1">ต่อยอดโรงแรม-โคเวิร์กกิ้งสเปซ</h2>
ขณะเดียวกัน การลงทุนในธุรกิจระดับโลกก็ประสบความสำเร็จและมีมูลค่าการเติบโตเพิ่มขึ้น เช่น มูลค่าที่เพิ่มขึ้นของแบรนด์ The Standard โรงแรมจากสหรัฐอเมริกาที่เปลี่ยนธุรกิจโรงแรมทั่วโลกที่แสนสิริเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ หลังจากประกาศแผนเปิดโรงแรมแห่งใหม่ 25 แห่งทั่วโลกภายใน 5 ปี และเปิดตัว The Standard London และ The Standard Maldives เมื่อปีที่ผ่านมา รวมทั้ง JustCo Co-Working Space ที่มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยถึง 150% ในแต่ละปี และปัจจุบันมี 42 สาขา ใน 8 เมืองใหญ่ทั่วโลก 
ส่วนการพัฒนาอื่นๆ ซึ่งรองรับธุรกิจหลัก แสนสิริมีแผนขยายกำลังการผลิตในโรงงานพรีคาสต์ (Precast) เพื่อรองรับการพัฒนาที่อยู่อาศัย โดยจะเปิดตัวโรงงานพรีคาสต์แห่งที่ 3 และ 4 ซึ่งจะส่งผลให้สามารถเพิ่มกำลังการผลิตจากโรงงานที่ 1 และ 2 จากเดิมที่มีกำลังการผลิต  7 แสนตารางเมตรต่อปี เพิ่มขึ้นเป็น 1.2 ล้านตารางเมตร เมื่อเต็มกำลังการผลิต จะสามารถรองรับการพัฒนาที่อยู่อาศัยจาก 2,000 ยูนิต เพิ่มขึ้นเป็น 3,500 ยูนิต ได้ในอนาคต
&nbsp;
<ul>
 	<li>อ่านเพิ่มเติม <a href="https://forbesthailand.com/news/property/%e0%b9%81%e0%b8%aa%e0%b8%99%e0%b8%aa%e0%b8%b4%e0%b8%a3%e0%b8%b4-%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b8%a1%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%9e%e0%b8%b4%e0%b8%a9-ltv-%e0%b8%a5.html">แสนสิริ ปรับเกมรับพิษ LTV ลดคอนโดหันโฟกัสแนวราบ</a></li>
</ul>
&nbsp;

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

แสนสิริ 2563 ปรับแผนปรับพอร์ต ลดคอนโดฯ เหลือ 30%

<h2>แสนสิริ เผยถึงแม้ล่าสุดธนาคารแห่งประเทศไทยจะออกมาผ่อนปรนมาตรการกำกับสินเชื่อบ้านสัญญาที่สองและสาม โดยเปิดให้กู้ร่วมไม่นับเป็นสัญญาซ้อน แต่ผลกระทบจากมาตรการนี้ ก็ทำให้ตลาดคอนโดชะงักลงและส่งผลให้บริษัทที่เคยพัฒนาคอนโดเป็นสินค้าหลักอย่างแสนสิริ ต้องพับแผนการเปิดตัวไป 4 โครงการในปีนี้</h2>
มาตรการกำกับสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) หรือที่เรียกกันคุ้นหูว่า LTV ซึ่งมาจาก Loan To Value หรือการกำกับสัดส่วนการปล่อยสินเชื่อตามมูลค่าหลักประกัน ที่เริ่มใช้มาตั้งแต่ 1 เมษายน 2562 โดย ธปท.ให้เหตุผลว่าเพื่อป้องกันการเก็งกำไรและการลงทุนในอสังหาฯ ซึ่งทำให้ราคาอสังหาฯพุ่งสูงกว่าปกติ และหวังว่ามาตรการนี้ จะช่วยเบรกราคาอสังหาฯ ที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วลงได้ โดยเฉพาะราคาคอนโดมิเนียม ซึ่งพุ่งขึ้นต่อเนื่องมาหลายปี

“LTV ไม่ได้เบรกราคาอสังหาฯนะ ผมว่ามันเบรค Supply มากกว่า” อุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวหลังงานแถลงข่าวแผนดำเนินงานครึ่งปีหลังของแสนสิริ โดยเขายอมรับว่ามาตรการ LTV ที่ออกมาทำให้ตลาดกลุ่มนักลงทุน (investor) หายไปจากตลาดพอสมควร ประมวลแล้วอาจหายไปถึง 80% ซึ่งตลาดกลุ่มนี้มักลงทุนในการซื้อคอนโดมิเนียม บางคนมีสอง-สามสัญญา เมื่อมีมาตรการว่าสัญญาที่สามขึ้นไปต้องวางดาวน์ 30% ทำให้ลูกค้ากลุ่มนี้หายไป ซึ่งแน่นอนตลาดที่ได้รับผลกระทบคือคอนโดมิเนียม

นอกจากนี้ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ด้วยปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น ภาคเกษตร การค้า การส่งออก การท่องเที่ยว ทุกอย่างชะลอตัวทำให้กำลังซื้อในตลาดชะลอตามไปด้วยยิ่งทำให้ตลาดฝืด แสนสิริจึงมีการปรับแผนการลงทุน โดยจากแผนเดิมปี 2562 แสนสิริจะเปิดคอนโดมิเนียมใหม่ 12 โครงการ ได้ตัดสินใจลดลง 4 โครงการ ยังคงเหลือเปิดเพียง 8 โครงการเท่านั้น โดยเปิดให้ครึ่งปีแรก 2 โครงการและอยู่ในแผนที่จะเปิดครึ่งปีหลังอีก 6 โครงการ

<img class="alignnone wp-image-15181 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/08/แผนเปิดโครงการครึ่งปีหลัง-แสนสิริ.jpg" alt="แสนสิริ โครงการครึ่งปีหลัง 2019" width="800" height="370" />
<h2>นักลงทุนหายหันเน้นเรียลดีมานด์</h2>
“investor หายไปส่วนหนึ่งยังเหลืออยู่บ้างแต่ไม่มากเหมือนกัน และลูกค้าจีนก็ลดลงจากผลกระทบเงินบาทแข็งค่า เลยทำให้ตลาดคอนโดไม่ดี เราจึงหันมาโฟกัสที่สินค้าแนวราบทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์เฮ้าส์แทน” นอกจากปรับลดการเปิดตัวคอนโดแล้ว แสนสิริยังมองหาลูกค้าต่างชาติกลุ่มใหม่ โดยล่าสุดได้ไปเปิด ไลฟ์สไตล์โชว์รูมสิริเฮ้าส์ ที่สิงคโปร์ เพื่อเจาะตลาดลูกค้าสิงคโปร์เพิ่มขึ้น

อุทัย กล่าวและว่าในแผนธุรกิจครึ่งปีหลัง แสนสิริจะเปิดตัว 16 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 2.4 หมื่นล้านบาท โดยชูแนวราบเป็นทัพหน้ารุกตลาดถึง 10 โครงการใหม่ มูลค่ากว่า 1.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นตลาดเรียลดีมานด์ทั้งหมด และยังตั้งเป้าหมายว่าจะก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดบ้านเดี่ยวให้ได้ภายใน 3 ปี และจะพัฒนาทาวน์เฮ้าส์เพิ่มด้วยเป้าหมาย ขึ้นผู้นำอันดับ 3 ในตลาดทาวน์เฮ้าส์ด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้โครงการแนวราบที่จะเปิดเช่น บุราสิริ  “บ้านบรรยากาศรีสอร์ทเพื่อการพักผ่อนที่แท้จริง ราคา 8-20 ล้านบาท, สราญสิริ บ้านเดี่ยวราคา 5-7 ล้านบาท ที่ออกแบบให้มี Double Volume เป็นลักซ์ชัวรี่สเปซในบ้าน, และสิริเพลส ทาวน์เฮาส์สไตล์ Modern Loft เตรียมเปิดตัว 4 โครงการใหม่ เจาะกลุ่ม Young Gen"

<img class="alignnone wp-image-15186 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/08/บ้านเดี่ยวสไตล์รีสอร์ท.jpg" alt="แสนสิริ โครงการแนวราบ" width="638" height="425" />

โดยการปรับเกมรุกครั้งนี้นอกจากจะเปิดโครงการแนวราบมากขึ้น แสนสิริ ยังได้เพิ่มทีมบริหารธุรกิจแนวราบ จากเดิมที่มีอยู่ 2 คนเพิ่มเป็น 4 คนเพื่อรุกตลาดอย่างจริงจัง ซึ่งถือเป็นการปรับทีมบริหารควบคู่แผนตลาดชัดเจน โดยอุทัย ยอมรับว่าแสนสิริได้ปรับพอร์ตตลาด จากเดิมที่ทำคอนโดประมาณ 50% เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไปสัดส่วนตลาดคอนโดอาจลดลงมาเหลือ 40% แต่ก็ยังดูความเป็นไปได้และปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ หากเอื้อต่อตลาดคอนโดก็จะกลับมาทำตลาดอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม อุทัย ย้ำว่า “ปีนี้เราตั้งเป้าหมายยอดขายของโครงการแนวราบไว้ 1.5 หมื่นล้านบาท และเป้าหมายการโอนโครงการแนวราบ 1.65 หมื่นล้านบาท” ส่วนคอนโดมิเนียมครึ่งปีแรกที่ผ่านมาแสนสิริ เปิดตัวเพียง 2 โครงการ มูลค่ารวม 2.59 พันล้านบาท ส่วนครึ่งปีหลังเตรียมเปิด 6 โครงการมูลค่ารวม 1.1 หมื่นล้านบาท
<ul>
 	<li>อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/commentaries/insights/%e0%b8%95%e0%b8%a5%e0%b8%b2%e0%b8%94-%e0%b8%ad%e0%b8%aa%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%b4%e0%b8%a1%e0%b8%97%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%9e%e0%b8%a2%e0%b9%8c.html">ตลาด “อสังหาริมทรัพย์ไทย” ปี 62 กำแพงเมืองจีนที่ต้องข้ามไป</a></li>
</ul>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events