แสนสิริ 2563 ปรับแผนปรับพอร์ต ลดคอนโดฯ เหลือ 30% - Forbes Thailand

แสนสิริ 2563 ปรับแผนปรับพอร์ต ลดคอนโดฯ เหลือ 30%

เพิ่งจัดอีเวนต์แถลงข่าวเปิดบ้าน “แสนสิริแคมปัส” สำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของกลุ่ม แสนสิริ ที่อ่อนนุช พร้อมประกาศแผนธุรกิจปี 2563 ด้วยเป้ายอดขาย 2.9 หมื่นล้านบาท ปรับพอร์ตสินค้าลดสัดส่วนคอนโดฯ เหลือ 30% ตามสภาพตลาด พร้อมแตกไลน์บริการ LIV-24 เสริมรายได้

ช่วงเช้าของวันเริ่มงานแรกของเดือนมีนาคม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) จัดอีเวนต์แถลงข่าวพร้อมเปิดบ้าน “แสนสิริแคมปัส” ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานแห่งใหม่ของแสนสิริ ที่รวมเอาบริษัทในเครืออย่างพลัส พร็อพเพอร์ตี้ เข้ามารวมอยู่ภายในพื้นที่เดียวกัน

โดยเป็นอาคารแนวราบความสูงประมาณ 4 ชั้นต่อเนื่องกัน 4 อาคาร ซึ่งมีการจัดฟังก์ชั่นพื้นที่ใช้สอยที่หลากหลาย ทั้งโต๊ะทำงานและห้องทำงานแบบไม่ประจำ ห้องอบรม สัมมนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ห้องประชุมย่อย และโคเวิร์กกิ้งสเปซที่หลากหลาย

ภายในแสนสิริแคมปัส

พร้อมพื้นที่สันทนาการ มุมพักผ่อนและกิจกรรมผ่อนคลายทั้งในร่มและกลางแจ้ง ให้บรรยากาศเหมือนอาคารสำนักงานขนาดย่อมของบริษัทสมัยใหม่ที่เปิดกว้างรูปแบบการทำงานแบบไม่ตายตัว ให้อิสระกับคนทำงานในการเลือกที่จะใช้พื้นที่เพื่อความเป็นส่วนตัวและสร้างสรรค์ไอเดียแปลกใหม่

ภายในแสนสิริแคมปัส

นอกจากเปิดบ้านให้สื่อได้เยี่ยมชมเป็นครั้งแรกแล้ว ผู้บริหารแสนสิริ วันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารสายงานการเงินและสนับสนุนธุรกิจ และ อุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมกันแถลงแผนธุรกิจในปี 2563 ว่า แสนสิริได้วางเป้าหมายพัฒนาโครงการใหม่ 18 โครงการ รวมมูลค่า 2.4 หมื่นล้านบาท

โดยแบ่งเป็น คอนโดมิเนียม 6 โครงการ มูลค่ารวม 8,800 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 6 โครงการ มูลค่ารวม 8,600 ล้านบาท และทาวน์โฮม และมิกซ์โปรเจกต์ 6 โครงการ มูลค่ารวม 6,600 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในเซกเมนต์ Medium และ Affordable เป็นหลัก เพื่อให้แสนสิริเป็นแบรนด์ที่เข้าถึงง่ายในกลยุทธ์ด้านการวางราคาขาย

“ปีนี้เราวางสัดส่วนการเปิดสินค้าใหม่ทั้ง 3 กลุ่มในสัดส่วนเท่ากันคือ 30/30/30 สำหรับคอนโดมิเนียม แนวราบ และมิกซ์โปรเจกต์” อุทัย ย้ำ และว่า ในปีนี้แสนสิริจะขยายฐานลูกค้าในเซกเมนต์ลักชัวรี และซูเปอร์ลักชัวรี ด้วยคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ภายใต้ Sansiri Luxury Collection อาทิ 98 ไวร์เลส, เดอะ โมนูเมนต์ ทองหล่อ, คุณ บาย ยู และบ้านแสนสิริ

โดยคาดว่าจะสามารถสร้างยอดขาย 2.9 หมื่นล้านบาทในปี 2563 เติบโตขึ้น 40% จากปีก่อนที่มียอดขาย  2.1 หมื่นล้านบาท รวมทั้งวางเป้าหมายการโอนไว้ 3.3 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ แสนสิริยังมียอดขายรอโอนรองรับการเติบโตระยะยาวในอีก 4 ปี กว่า 4.75 หมื่นล้านบาท ซึ่งช่วยสร้างความมั่นใจให้แสนสิริแข็งแกร่งในทุกสภาวะเศรษฐกิจ

 

แบรนด์จับต้องง่ายขึ้น

อุทัย กล่าวอีกว่า ในปีนี้ แสนสิริได้เดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งด้วยการวางยุทธศาสตร์ “Made for Life…Made for Everyone” เพื่อสร้างภาพแบรนด์ที่จับต้องง่ายขึ้น และเป็นแบรนด์ที่ทุกคนเข้าถึงได้ รวมทั้งมอบไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยที่มากกว่าภายใต้แนวคิดบ้านที่ได้มากกว่าบ้าน

โดยได้กำหนดกลยุทธ์สำคัญที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกเซกเมนต์ ได้แก่ การเดินหน้ามุ่งพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยคุณภาพ ครอบคลุมความต้องการที่หลากหลาย โฟกัสในตลาดกลุ่มใหญ่ที่มีดีมานด์ (Mass Market) ด้วยการพัฒนาโครงการ ภายใต้แบรนด์  ‘ดีคอนโด’ - ‘เดอะเบส’ - ‘สิริ เพลส’ - ‘อณาสิริ’ - ‘สราญสิริ’

รวมทั้งขยายการพัฒนาโครงการไปในย่านคอมมูนิตี้ใกล้เมืองในราคาเข้าถึงง่าย อาทิ แผนเตรียมเปิดตัว ดีคอนโด รามคำแหง 40 ใกล้รถไฟฟ้าสายสีส้ม ในเดือนพฤษภาคมนี้ ตลอดจนจะรุกพัฒนาโครงการไปในทำเลใหม่ๆ ที่แสนสิริยังไม่เคยพัฒนาโครงการมาก่อน  อาทิ การบุกทำเลย่านสุวรรณภูมิด้วยสราญสิริ ศรีวารี และการเข้าไปยังทำเลป่าคลอก ภูเก็ต ของแบรนด์อณาสิริ

โครงการดีคอนโด รามคำแหง 40

ในส่วนคอนโดมิเนียม แสนสิริมีการเตรียมส่งมอบโครงการคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ 8 โครงการ ในปีนี้ ได้แก่ ดีคอนโด ริน เชียงใหม่, ดีคอนโด บลิซ ศรีราชา, เดอะ เบส เซ็นทรัล ภูเก็ต, เดอะ เบส สะพานใหม่, เอ็กซ์ที เอกมัย, เอ็กซ์ที  ห้วยขวาง, คาวะ เฮาส์ และลา ฮาบาน่า หัวหิน โดยคอนโดมีเนียมที่พร้อมโอนในปีนี้มียอดขายแล้ว 60% จากมูลค่าโครงการรวม 2.4 หมื่นล้านบาท

นอกจากนี้ แสนสิริยังมีแผนเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจด้วย “แหล่งรายได้ใหม่” ได้แก่ แผนการนำ LIV-24 ดูแลความปลอดภัยส่งตรงจากศูนย์ควบคุมแบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง มาตรฐานแสนสิริ ขยายการให้บริการสู่โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่พลัส พร็อพเพอร์ตี้บริหารทั่วประเทศ

พร้อมทั้งมีแผนต่อยอด และขยายขอบเขตการบริการของ Home Service Application หลังประสบความสำเร็จจากประสบการณ์ให้บริการในลูกบ้านแสนสิริกว่า 4 หมื่นรายใน 300 โครงการสู่โครงการอื่นๆ ที่พลัส พร็อพเพอร์ตี้บริหารทั่วประเทศ โดยวางแผนเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้

 

ต่อยอดโรงแรม-โคเวิร์กกิ้งสเปซ

ขณะเดียวกัน การลงทุนในธุรกิจระดับโลกก็ประสบความสำเร็จและมีมูลค่าการเติบโตเพิ่มขึ้น เช่น มูลค่าที่เพิ่มขึ้นของแบรนด์ The Standard โรงแรมจากสหรัฐอเมริกาที่เปลี่ยนธุรกิจโรงแรมทั่วโลกที่แสนสิริเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ หลังจากประกาศแผนเปิดโรงแรมแห่งใหม่ 25 แห่งทั่วโลกภายใน 5 ปี และเปิดตัว The Standard London และ The Standard Maldives เมื่อปีที่ผ่านมา รวมทั้ง JustCo Co-Working Space ที่มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยถึง 150% ในแต่ละปี และปัจจุบันมี 42 สาขา ใน 8 เมืองใหญ่ทั่วโลก

ส่วนการพัฒนาอื่นๆ ซึ่งรองรับธุรกิจหลัก แสนสิริมีแผนขยายกำลังการผลิตในโรงงานพรีคาสต์ (Precast) เพื่อรองรับการพัฒนาที่อยู่อาศัย โดยจะเปิดตัวโรงงานพรีคาสต์แห่งที่ 3 และ 4 ซึ่งจะส่งผลให้สามารถเพิ่มกำลังการผลิตจากโรงงานที่ 1 และ 2 จากเดิมที่มีกำลังการผลิต  7 แสนตารางเมตรต่อปี เพิ่มขึ้นเป็น 1.2 ล้านตารางเมตร เมื่อเต็มกำลังการผลิต จะสามารถรองรับการพัฒนาที่อยู่อาศัยจาก 2,000 ยูนิต เพิ่มขึ้นเป็น 3,500 ยูนิต ได้ในอนาคต

   
ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine