ยุคดอกเบี้ยแพง คนอยากซื้อบ้านน้อยลง สภาพคล่องยังเป็นอุปสรรค หนุนเทรนด์เช่าเพิ่มขึ้น

<h2>HHR ในเครือพรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น เผยทิศตลาดห้องพักปล่อยเช่าระยะยาวเจาะ Expat และ Long Stay ปี 67 โตต่อเนื่อง รับอานิสงส์ต่างชาติขอสนับสนุนการลงทุนทะลุ 5 แสนล้านผ่านหลากเซ็กเตอร์ ด้านทองหล่อ-พร้อมพงษ์-พญาไท-EEC ขึ้นแท่นทำเลทองน่าจับตา</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;พิเชษฐ พินิจพล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PRI ผู้นำธุรกิจบริการด้านอสังหาริมทรัพย์สมัยใหม่แบบครบวงจร เปิดเผยว่า ตลาดห้องพักปล่อยเช่าระยะยาว โดยเฉพาะกลุ่มห้องพักที่มาพร้อมกับบริการ (Service Residences) มีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงปี 2567 เนื่องจากในช่วงปี 2566 บริษัทต่างชาติจากทั่วโลก อาทิ จีน สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ต่างขยายการลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ระบุว่า เฉพาะช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 มีการยื่นขอสนับสนุนการลงทุนแล้วมากกว่า 5.16 แสนล้านบาท โดยเป็นการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment หรือ FDI) มากกว่า 3.98 แสนล้านบาท นำโดยกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มอุตสาหกรรมการเกษตรและแปรรูปอาหาร ตลอดจนกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน โดยเฉพาะกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle หรือ EV)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เมื่อมีการลงทุนจากต่างประเทศมากขึ้น สิ่งที่จะสูงขึ้นตามมา คือความต้องการที่พักอาศัยสำหรับชาวต่างชาติ ที่จะต้องเดินทางเข้ามาในฐานะ Expat ทำงานระยะยาว ดูแลกิจการในไทย โดยจะมีความต้องการที่พักอาศัยทั้งสำหรับกลุ่มวิศวกรและระดับปฏิบัติการในทำเลใกล้ที่ตั้งโรงงานอุตสาหกรรม และสำหรับผู้บริหารระดับกลางถึงสูงในทำเลใกล้สำนักงานในเขตเมืองและคอมมูนิตี้ของคนแต่ละสัญชาติ” พิเชษฐ กล่าว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ที่ผ่านมา บริษัทได้ดำเนินธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ จัดหาผู้เช่าระยะยาว พร้อมทั้งส่งมอบงานบริการเทียบเท่าบริการระดับโรงแรม ให้แก่โครงการ Service Residences ในเขตพื้นที่ใจกลางเมืองและเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ทั้งหมด 7 แห่ง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;และจะขยายการพัฒนาโครงการใหม่อีก 5 โครงการ รวมมากกว่า 3,000 ห้องพัก ผ่านบริษัทในเครืออย่าง บริษัท แฮมป์ตัน โฮเทล แอนด์ เรสซิเดนซ์ แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ (HHR) และมีเครือข่ายที่กว้างขวางในการจัดหาผู้เช่ากลุ่มใหม่ๆ เข้ามาพักอาศัยใน Service Residences หลากทำเล บริษัทจะเดินหน้าพูดคุยกับผู้เช่ากลุ่มใหม่ๆ พร้อมทั้งพัฒนาการส่งมอบบริการคุณภาพอย่างต่อเนื่อง​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/11/tWtEAeUaTJNkdzGPXdCH.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="tWtEAeUaTJNkdzGPXdCH.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0" origin-size="720,900"></figure></div> ​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้าน ปีณิตา ศิลปสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แฮมป์ตัน โฮเทล แอนด์ เรสซิเดนซ์ แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ HHR กล่าวเพิ่มเติมว่า ทำเลที่ยังคงเป็นที่นิยมของกลุ่ม Expat และ Long Stay ในปี 2567 คือ ทองหล่อ พร้อมพงษ์ พญาไท และ EEC&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยในทำเลทองหล่อและพร้อมพงษ์ ถือเป็นย่านทรงเสน่ห์ที่มีแหล่งไลฟ์สไตล์รองรับการใช้ชีวิตของชาวต่างชาติทุกเชื้อสาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวญี่ปุ่นที่มีคอมมูนิตี้อยู่ในช่วงสุขุมวิทตอนกลาง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะที่ พญาไท ถือเป็นทำเลใหม่ที่น่าจับตาและเป็นเป้าหมายใหม่ของบริษัทข้ามชาติที่ต้องการเข้ามาตั้งสำนักงานในไทย เนื่องจากเป็นทำเลติดรถไฟฟ้าสายสีเขียว สามารถเชื่อมต่อไปยังแหล่งใจกลางธุรกิจ (CBD) อื่นๆ ได้ง่าย และยังเป็นสถานีเชื่อมต่อกับ Airport Rail Link ไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ สะดวกต่อการเดินทางไป-กลับระหว่างประเทศ ส่งผลให้ตลาดเช่าที่อยู่อาศัยแบบ Long Stay ในย่านนี้คึกคักไปด้วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปัจจุบัน HHR มีสัดส่วนลูกค้าต่างชาติที่ดูแลทั้งหมด 7 สัญชาติ ได้แก่ ญี่ปุ่น มีสัดส่วนอยู่ที่ 50% รองลงมาคือ ไทย 15% และสิงคโปร์ 10% รองลงมาคือ จีน อังกฤษ อเมริกา และเยอรมนี ตามลำดับ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยในช่วงปี 2566 ที่ผ่านมา มีกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ที่เข้ามาพร้อมกับการลงทุนใหม่ๆ อาทิ กลุ่ม EV เข้ามาพักกับโครงการที่ HHR บริหารด้วย ขณะเดียวกัน กลุ่มลูกค้าสัญชาติญี่ปุ่น ตลอดจนคนไทย ยังเดินหน้าทยอยเซ็นสัญญาเข้าพักระยะยาวช่วงปี 67 อย่างต่อเนื่อง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“วันนี้ลูกค้าที่มองหาที่พักระยะยาว ไม่ได้มองหาแค่ห้องเช่า แต่ให้ความสำคัญกับที่พักที่มีบริการตอบโจทย์การใช้ชีวิต เพิ่มความสะดวกสบายให้กับการพักอาศัย เช่น บริการอาหารเช้า บริการ Concierge ที่เปรียบเสมือนเลขาส่วนตัว ตลอดจนบริการอื่นๆ ที่ช่วยเหลือลูกค้าที่เข้ามาทำงานในไทยเป็นครั้งแรก ส่งผลให้อัตราค่าเช่าห้องกลุ่มนี้จะอยู่ที่ประมาณ 40,000-50,000 บาทขึ้นไปในเขตเมือง สูงกว่าอัตราตลาด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดย HHR มีเครือข่ายเอเจนท์จัดหาที่พักหรือ Relocation Agent หลากสัญชาติรวมกว่า 70 ราย คอยช่วยประสานกับลูกค้า Corporate ขนาดใหญ่จากนานาประเทศ ขณะเดียวกัน ยังมีบริการใน Service Residences อย่างครบถ้วน เราเชื่อมั่นว่าความแข็งแกร่งของเครือข่ายและบริการของเรา จะตอบโจทย์ทั้งกลุ่มผู้ลงทุนใน Service Residences ตลอดจนผู้มองหาที่พักอาศัยระยะยาว” ปีณิตา กล่าว เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/property/news/homa-new-style-rental-apartment" alt="คนรุ่นใหม่ขอเช่าอยู่ก่อน HOMA ลุยทำอพาร์ตเมนต์ให้เช่าแนวใหม่ รวมแล้วถูกกว่าคอนโด สิ่งอำนวยความสะดวกครบกว่า">คนรุ่นใหม่ขอเช่าอยู่ก่อน HOMA ลุยทำอพาร์ตเมนต์ให้เช่าแนวใหม่ รวมแล้วถูกกว่าคอนโด สิ่งอำนวยความสะดวกครบกว่า</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

HHR เผยต่างชาติแห่ลงทุนไทย หนุนดีมานด์ Service Residences ปี 67 โซนสุขุมวิท-พญาไท-EEC พุ่ง

<h2>HOMA ดีเวลอปเปอร์อสังหาฯ จากสิงคโปร์ เผยเทรนด์คนรุ่นใหม่ขอเช่าก่อน หาประสบการณ์ว่าชอบบ้านแบบไหนค่อยตัดสินใจซื้อ ลุยพัฒนาอพาร์ตเมนต์ให้เช่าแนวใหม่รับเทรนด์ ล่าสุดเตรียมเปิดโครงการแห่งที่สองในภูเก็ต</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ลูก้า ดอตติ ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ HOMA กล่าวว่า HOMA คืออสังหาริมทรัพย์ให้เช่าแนวใหม่ที่เกิดขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ของคำว่า “บ้าน” ที่เปลี่ยนไป โดยสังคมยุคใหม่ให้ความสำคัญกับประสบการณ์การอยู่อาศัยมากกว่าการเป็นเจ้าของ ทำให้ปัจจุบันมีคนที่สนใจเช่าที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ผลสำรวจในสหรัฐอเมริกาพบว่า การเป็นเจ้าของบ้านลดลง 50% ในทุกๆ เจเนอเรชั่น แต่เราเชื่อว่าคนเจเนอเรชั่นในอนาคตไม่ได้จะเลิกซื้อบ้าน แต่จะซื้อบ้านช้าลง จากที่ซื้อบ้านตอนอายุ 20 ปี ก็ขยับมาซื้อตอนอายุ 30 ปี นั่นเพราะพวกเขาอยากออกไปหาประสบการณ์ด้วยการเช่าอยู่ก่อน ไปลองเช่าเพื่อให้รู้ว่าตนเองอยากอยู่ห้องแบบไหน และนั่นก็เป็นคอนเซ็ปต์ที่ HOMA เอามาพัฒนาโปรเจ็กต์ของเรา”​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/11/8nXAXrBrKxCq71tjJPSb.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="8nXAXrBrKxCq71tjJPSb.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0" origin-size="602,880"></figure></div> ​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ ปัจจัยอื่นๆ ยังส่งผลให้เทรนด์เช่ามาแรงขึ้นด้วย ไม่ว่าจะเป็น ราคาอสังหาฯ ที่ขยับขึ้นเร็วกว่ารายได้ การเติบโตของกลุ่ม Digital Nomad หรือกลุ่มที่ทำงานที่ไหนก็ได้เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ต โดยช่วงที่ผ่านมาคนกลุ่มนี้เติบโตถึง 112% แม้จะผ่านช่วงโควิดระบาดมาแล้วก็ตาม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ลูก้าอธิบายเพิ่มเติมว่า HOMA ถือเป็นประสบการณ์แบบใหม่ในการเช่า กล่าวคือ คอนโดมิเนียมทั่วไปที่พัฒนาโดยดีเวลอปเปอร์นั้นสร้างมาเพื่อขาย แล้วเจ้าของห้องก็นำมาปล่อยเช่าอีกที ทำให้การตกแต่งดีไซน์ของแต่ละห้องแตกต่างกันไป เวลาเกิดปัญหาก็ต้องติดต่อเจ้าของห้อง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แต่สำหรับ HOMA ได้มีการนำ pain point เหล่านั้นออกไป เราเป็นเจ้าของยูนิตและปล่อยเช่า โดยมีทีมแมเนจเม้นต์คอยให้บริการเหมือนโรงแรม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“HOMA มีทั้งปล่อยเช่าระยะยาว และปล่อยเช่ารายวันเหมือนโรงแรม เราอยากให้ลูกค้าที่มาพักได้รับประสบการณ์เหมือนโรงแรม ทำให้เรามีพร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ต้อนรับ มีสระว่ายน้ำ ฟิตเนส พื้นที่ส่วนกลางที่ทุกคนมาจอยกิจกรรมด้วยกันได้ มี wi-fi ให้บริการทุกห้อง มีแม่บ้านมาคอยทำความสะอาดและเปลี่ยนเครื่องนอนให้ทุกสัปดาห์”​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/11/ccba1FY1n64sLV6eKjDG.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="ccba1FY1n64sLV6eKjDG.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1" origin-size="884,510"></figure></div> ​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ 4 เสาหลักที่ HOMA ให้ความสำคัญในการพัฒนาโครงการ ได้แก่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1.ราคาจับต้องได้ - โดยโครงการ HOMA ที่ภูเก็ตทาวน์ ราคาเช่ารายเดือน (สัญญา 1 ปี) เริ่มต้นที่ 17,000 บาทต่อเดือน สำหรับห้องสตูดิโอ 33 ตารางเมตร แพงสุดอยู่ที่ 65,000 บาทต่อเดือน สำหรับห้องขนาด 3 ห้องนอน 120 ตารางเมตร เรียกได้ว่าราคาอยู่ในระดับเดียวกันคอนโดฯ ระดับกลางในภูเก็ต แต่มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้มากกว่าคอนโดฯ ทั่วไปค่อนข้างมาก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2.ใส่ใจสิ่งแวดล้อม - โครงการของ HOMA มีการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์, ใช้เครื่องใชไฟฟ้าประหยัดพลังงาน, ไฟ LED และระบบตรวจสอบคุณภาพอากาศขั้นสูง ตัวโครงการออกแบบให้มีอากาศหมุนเวียน ลดการใช้พลังงานไฟฟ้าและการใช้แอร์ด้วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3.ชุมชน - โดยมีพื้นที่ส่วนกลางที่หลากหลาย เช่น ห้องออกกำลังกาย, ห้องเล่นเกม, สระว่ายน้ำ และห้องประชุม ซึ่ง HOMA มีการจัดกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างความเชื่อมโยงในชุมชน เช่น คลาสโยคะรายสัปดาห์, กิจกรรมสำหรับสัตว์เลี้ยง, เวิร์กช็อปพิเศษ และการพบปะทางสังคม นอกจากนี้ ผู้พักอาศัยยังสามารถใช้พื้นที่ส่วนกลางเพื่อจัดกิจกรรมส่วนตัวได้ด้วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;4.เทคโนโลยี - HOMA พัฒนา HOMA Mobile Guest App ที่ผู้พักสามารถใช้แอปนี้ในการจองพื้นที่ co-working หรือคลาสออกกำลังกายตามความต้องการ นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชันสำหรับการสั่งอาหารในห้องพัก, ติดตามข่าวสารกิจกรรม เป็นต้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ในราคาเข้าถึงได้ของ HOMA ผู้พักจ่ายเพิ่มแค่ค่าไฟเท่านั้น ส่วนค่าน้ำไม่ต้องจ่ายเนื่องจากเรามีบ่อบาดาลของเราเอง โดยรวมค่าเช่าคอนโดฯ อาจจะถูกกว่า 1,000 บาท แต่ผู้พักต้องจ่ายทุกอย่างเพิ่ม ทั้งค่าน้ำ ค่าส่วนกลาง ค่าจ้างแม่บ้านทำความสะอาด แต่เรามี maid service ให้วีคละ 1 ครั้ง จะเก็บผ้าปูออกมาให้ทุกสัปดาห์ มีน้ำดื่มให้ทุกชั้น โดยมีขวดแก้วให้ลูกบ้านไปกดน้ำมาใช้ในห้องได้ มี wi-fi ความเร็วมาตรฐานให้ฟรี รวมแล้วของ HOMA ลูกค้าจ่ายขั้นต่ำ 18,800 บาท ส่วนคอนโดฯ ทั่วไปรวมแล้วอาจจะอยู่ที่ 25,500 บาทต่อเดือน”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ปัจจุบัน HOMA สร้างเสร็จแล้ว 3 โครงการ คือ ภูเก็ตทาวน์ ซึ่งเปิดมาตั้งแต่ปี 2021 ปัจจุบันมีอัตราการเข้าพักที่ 90%, ศรีราชา เปิดเมื่อปี 2022 และสาขาเชิงทะเล จ.ภูเก็ต ซึ่งจะเปิดให้บริการในเดือนมกราคม 2024 นี้ นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างก่อสร้างอีก 1 โครงการคือที่ฉลอง เบย์ จ.ภูเก็ต ซึ่งหากรวมทั้ง 4 โครงการ HOMA จะมีห้องพักให้บริการรวมถึง 1,132 ยูนิต​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/11/GvcXhKHo4MSMCfULiNSi.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="GvcXhKHo4MSMCfULiNSi.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2" origin-size="900,506"><figcaption><div>HOMA เชิงทะเล</div></figcaption></figure></div> ​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับสาขาเชิงทะเลที่พร้อมจะเปิดตัวในช่วงต้นปี 2023 นำเสนอห้องพักทั้งหมด 423 ห้อง ซึ่งประกอบด้วยห้องสตูดิโอ, อพาร์ตเมนต์ 1 ห้องนอน, อพาร์ตเมนต์ 2 ห้องนอน และอพาร์ตเมนต์ 3 ห้องนอน ที่ถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองทุกความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าพักคนเดียว, เข้าพักเป็นคู่ หรือมาเป็นครอบครัว โดยมีห้องพักเพิ่มเติมจากสาขาภูเก็ตทาวน์ที่มี 505 ยูนิต และสาขาศรีราชาที่มี 100 ยูนิต โดย HOMA มีแผนเปิดตัวโครงการที่สามในภูเก็ตในย่านฉลอง เบย์ซึ่งจะเริ่มให้บริการปี 2025&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ไม่เพียงเท่านั้น HOMA ยังมีโครงการในไปป์ไลน์อีกหลายโครงการด้วยกัน คือ กรุงเทพฯ ที่กำลังดีลในการซื้อโครงการเก่าเพื่อรีโนเวตอยู่ 2 โครงการ และในอนาคตอาจจะมีอีก 3 โครงการ รวมเป็นในกรุงเทพฯ 5 โครงการ ซึ่งจะตั้งอยู่ในทำเลใกล้รถไฟฟ้าเป็นหลัก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้เตรียมขยายไป จ.ระยอง อีก 1 โครงการ นอกจากนั้นคือในเอเชียแปซิฟิก ได้แก่ อินโดนีเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เราตั้งเป้าไว้ว่าจะมีจำนวนยูนิตทั้งหมด 2,000 ยูนิตภายในปี 2028 และวางเป้าหมายก้าวสู่ 5,000 ยูนิตในอนาคต” ลูก้ากล่าวทิ้งท้าย เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/property/news/cp-land-luxriva-residences" alt="CP LAND บุกตลาดบ้านเดี่ยวลักชัวรี ส่งแบรนด์ใหม่ราคา 12-20 ล้าน ปักธงนครศรีธรรมราช">CP LAND บุกตลาดบ้านเดี่ยวลักชัวรี ส่งแบรนด์ใหม่ราคา 12-20 ล้าน ปักธงนครศรีธรรมราช</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

คนรุ่นใหม่ขอเช่าอยู่ก่อน HOMA ลุยทำอพาร์ตเมนต์ให้เช่าแนวใหม่ รวมแล้วถูกกว่าคอนโด สิ่งอำนวยความสะดวกครบกว่า

<h2 class="p1">กาสิโนออนไลน์และการเปลี่ยนแปลงในวงการค้าปลีก ทำให้ Edgar Sia II กลายเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ให้เช่ารายใหญ่คนล่าสุดของฟิลิปปินส์</h2>
Edgar Sia II เริ่มสร้างฐานะตั้งแต่ทศวรรษก่อน โดยทำธุรกิจกับชาวฟิลิปปินส์ที่ชอบรับประทานไก่ และเขาก็ยิ่งทำเงินได้มากขึ้นกับชาวจีนที่ชอบเล่นการพนัน DoubleDragon Properties
บริษัทของ Sia ใช้เวลาหลายปีที่ผ่านมาสร้างอาคารสำนักงาน รวมถึงอาคารอื่นๆ ตามแนวชายฝั่งที่เคยเงียบเหงาของ Manila ซึ่ง Sia คิดว่าเขาจะให้คอลเซ็นเตอร์ และบริษัทเอาต์ซอร์ซด้านกระบวนการธุรกิจมาเช่าพื้นที่ เพราะกิจการกลุ่มนี้เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจสำคัญในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขาประเมินว่า น่าจะเก็บค่าเช่าได้ 14 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตารางเมตร
เขาไม่ได้คิดว่าอุปสงค์จะมาจากอีกฝั่งทะเลจีนใต้ เมื่อ DoubleDragon สร้างตึกเสร็จพร้อมใช้งาน ก็เป็นจังหวะพอดีกับที่ความสัมพันธ์อันอบอุ่นระหว่าง Beijing กับ Manila ช่วยจุดกระแสบูมให้บริษัทจีนเข้ามาตั้งกาสิโนข้ามชาติ เพื่อให้บริการการพนันออนไลน์แก่ชาวจีนในบ้านเกิดซึ่งกาสิโนยังผิดกฎหมาย
และ Meridian Park คอมเพล็กซ์ของ DoubleDragon ก็อยู่ไม่ห่างจาก Entertainment City กาสิโนคอมเพล็กซ์ใน Manila นอกจากเขาจะเป็นหนึ่งในเจ้าของอาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่สุดในย่านนั้น เขาก็ยังเป็นรายเดียวที่มีตึกใหม่ให้เช่า
ห่างออกมาจากอ่าว Manila DoubleDragon สร้างห้างสรรพสินค้า โรงแรม และคลังสินค้าอุตสาหกรรมในเมืองเล็กทั่วฟิลิปปินส์ ปี 2018 บริษัททำกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นสามเท่าเป็นประมาณ 7.4 พันล้านเปโซ (141 ล้านเหรียญ) ส่วนรายได้เพิ่มมากกว่าสองเท่าเป็น 1.43 หมื่นล้านเปโซ
<img class="alignnone size-full wp-image-26932" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/02/doubledragon.jpg" alt="" width="720" height="371" />
หุ้นของ DoubleDragon ราคาขึ้นมากกว่า 50% ในปี 2019 และตอนนี้บริษัทกำลังหาผลประโยชน์จากอาคารสำนักงานและศูนย์การค้าแบบคอมมูนิตี้มอลล์ โดยจัดแพ็กเกจกอง REIT และระดมทุนได้มากถึง 1.5 หมื่นล้านเปโซผ่านการขายหุ้นไอพีโอ
&nbsp;
<h2>จากฟาสต์ฟู้ดสู่อสังหาริมทรัพย์</h2>
เส้นทางสู่ธุรกิจของ Sia เริ่มต้นเมื่ออายุ 19 ปี เขาตัดสินใจยุติการเรียนที่คณะสถาปัตยกรรมในมหาวิทยาลัย เพื่อมาเป็นแกนนำกลุ่มเพื่อนร่วมรุ่นกลุ่มหนึ่งสร้างโรงแรมสูง 5 ชั้น สำหรับผู้ที่เดินทางเพื่อทำงานและต้องการที่พักราคาถูก ในปี 2003 Robinson’s เครือห้างสรรพสินค้าใหญ่ที่สุดเครือหนึ่ง เปิดปีกใหม่ในห้างที่เมือง Iloilo และให้ส่วนลดค่าเช่าแก่ร้านอาหาร Sia จึงใช้โอกาสนี้เปิดร้าน Mang Inasal ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดที่เน้นไก่
เมื่อถึงปี 2010 เขาขยายเครือร้านไก่ย่างจนกลายเป็นกลุ่มฟาสต์ฟู้ดใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ และใหญ่กว่า McDonald’s ด้วยจำนวนร้าน 312 สาขา เขาขายหุ้น 70% ให้คู่แข่งคือ Jollibee Foods ด้วยราคา 3 พันล้านเปโซ และเข้ามาเป็นสมาชิกอายุน้อยที่สุดในทำเนียบเศรษฐี 50 อันดับแรกของฟิลิปปินส์ซึ่งจัดอันดับโดย Forbes Asia ในปี 2011 ด้วยทรัพย์สิน 85 ล้านเหรียญเมื่อเขาอายุเพียง 34 ปี ในปี 2018 เขาอยู่อันดับที่ 24 ในทำเนียบด้วยทรัพย์สินสุทธิ 475 ล้านเหรียญ

<ul>
 	<li>อ่านเพิ่มเติม <a href="https://forbesthailand.com/world/asia/10-%e0%b8%ad%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%94%e0%b8%b1%e0%b8%9a-%e0%b8%a1%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b9%80%e0%b8%a8%e0%b8%a3%e0%b8%a9%e0%b8%90%e0%b8%b5%e0%b8%9f%e0%b8%b4%e0%b8%a5%e0%b8%b4%e0%b8%9b%e0%b8%9b.html">10 อันดับ “มหาเศรษฐีฟิลิปปินส์” ประจำปี 2019</a></li>
</ul>
ในปี 2013 เขาร่วมหุ้นกับ Tony Tan Caktiong ผู้ก่อตั้ง Jollibee (อันดับ 6 ในทำเนียบเศรษฐี) ก่อตั้ง DoubleDragon ซึ่งกลายเป็นบริษัทมหาชนในปีต่อมา Sia กับ Tan ยังคงถือหุ้นคนละ 35% และ Tan ยังคงเป็นประธานกรรมการร่วมในคณะกรรมการบริษัทปัจจุบันหุ้นที่แต่ละคนถือมีมูลค่าประมาณ 2.1 หมื่นล้านเปโซ (402 ล้านเหรียญ)
แม้การลงทุนในอ่าว Manila จะสร้างกำไรอย่างไม่คาดคิด แต่โครงการส่วนใหญ่อยู่ในเมืองเล็กทั่วประเทศ ซึ่งคิดเป็น 60% ของพื้นที่เพื่อการพาณิชย์ที่บริษัทวางแผนจะให้เช่าภายในปี 2020
Sia เดิมพันว่า รายได้ครัวเรือนที่สูงขึ้น และการคมนาคมที่ดีขึ้น กำลังจะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ต่อวิธีการจับจ่ายของผู้บริโภคในเมืองชั้นสองและชั้นสาม Sia จึงสร้างศูนย์การค้า 100 แห่งภายใต้แบรนด์ CityMall ในเมืองที่มีประชากรเฉลี่ยเพียง 160,000 คน โดยแต่ละแห่งมีขนาดประมาณ 1 ใน 10 ของห้างในเมืองใหญ่
<img class="alignnone size-full wp-image-26931" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/02/Edgar-Sia-II-02.jpg" alt="" width="480" height="600" />
นอกจากนี้ Sia ยังเร่งลงทุนในธุรกิจโรงแรมราคาประหยัด Hotel 101 และ Jinjiang Inn ในฟิลิปปินส์ โดยจับกลุ่มเป้าหมายคือ ผู้ที่เดินทางเพื่อทำงาน และนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะจากจีน เมื่อถึงสิ้นปี 2018 ทำรายได้รวมกันให้ได้ 534 ล้านเปโซ โรงแรมอีก 2 แห่งกำลังก่อสร้าง และ DoubleDragon มีแผนจะสร้างอีก 4 แห่งในปี 2019 และ 2020 นอกจากนี้ Sia ยังมองหาหุ้นส่วนต่างชาติเพื่อช่วยขยาย Hotel 101 ไปต่างประเทศด้วย
ในเดือนเมษายนปี 2019 เขาเปิดร้าน MerryMart สาขาแรกที่ชั้นล่างของ Meridian Park คอมเพล็กซ์ของ DoubleDragon และเขามีเป้าหมายจะเปิด MerryMart ให้ได้ 1,200 สาขาภายในปี 2030 
แต่การลงทุนในอ่าว Manila ก็น่าจะทำเงินให้ DoubleDragon ได้มากที่สุด David Leechiu จาก Leechiu Property Consultants ซึ่งช่วยหาผู้เช่าให้คอมเพล็กซ์แห่งนี้ กล่าวว่า บริษัทเริ่มสร้าง Meridian Park ในปี 2015 และเมื่อ 4 ในอาคาร 6 หลัง ได้สร้างเสร็จในปี 2018 บริษัทก็กลายเป็นเจ้าของอาคารสำนักงานสร้างใหม่รายใหญ่ที่สุดในย่านนี้
Sia ปล่อยเช่าพื้นที่ 1 แสนตารางเมตร ในอาคารสำนักงาน 4 แห่งแรกได้ตั้งแต่ก่อนจะสร้างเสร็จด้วยซ้ำ โดยบริษัทการพนันออนไลน์จากจีนครองพื้นที่ 60% และ Leechiu กล่าวว่า อย่างน้อยตอนนี้ Sia ก็เรียกราคาได้ตามใจชอบ ข้อตกลงที่เราทำ (1,250 เปโซต่อตร.ม.) เป็นพื้นที่ว่างที่สุดท้ายในเขตอ่าวทั้งหมดในช่วง 12 เดือนข้างหน้า ผู้เช่ารู้เรื่องนี้ก็เลยรีบตะครุบ 
Sia กล่าวว่า ห้างของเขาอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สามารถรองรับผลกระทบจากอี-คอมเมิร์ซในฟิลิปปินส์ได้ ขณะที่อี-คอมเมิร์ซกำลังแพร่ไปสู่เมืองเล็กที่ CityMall ครองตลาด ห้างนี้จะทำหน้าที่เป็นจุดรับสินค้ากับศูนย์จัดส่งสินค้าให้ร้านค้าออนไลน์ได้ด้วย
&nbsp;

เรื่อง: Roel Landingin เรียบเรียง: ธรรดร โสตถิอำรุง

<hr />

<a href="https://bit.ly/39j1ZrV">คลิกอ่านฉบับเต็ม "มังกรคู่ลงสนาม" ได้ที่ นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับมกราคม 2563 ได้รูปแบบ e-magazine</a>

<img class="alignnone wp-image-25422" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/12/FB080-EBOOK-RES150_Page_001.jpg" alt="" width="300" height="394" />

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events