<h2>‘สารัชถ์ รัตนาวะดี’ ขึ้นเวที ‘Chula Thailand President Summit 2025’ ย้ำไทยต้องปรับตัวหากไม่อยากถูกทิ้งไว้ข้างหลัง เผยการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดเป็นสิ่งจำเป็น ส่วนการลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์และคริปโตจะเป็นอนาคตเศรษฐกิจไทย แนะทำ ‘Crypto Sandbox’ ที่ภูเก็ต&nbsp;ปิดท้ายถึงนิสิตจุฬาฯ รุ่นน้อง เรียนไม่ต้องเอาเกียรตินิยมก็ได้ แต่ต้องใช้เวลาให้คุ้มค่า ทำกิจกรรม สร้างความสัมพันธ์</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เวที ‘Chula Thailand President Summit 2025’&nbsp;เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 2568 ที่ผ่านมา เป็นเวทีสำคัญที่รวบรวมผู้นำองค์กรชั้นนำของประเทศมาแสดงวิสัยทัศน์ หนึ่งในนั้นคือ ‘สารัชถ์ รัตนาวะดี’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ และประธานกรรมการบริหาร แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส ที่มาแบ่งปันมุมมองเรื่องพลังงานและอนาคตของประเทศไทย ภายใต้หัวข้อ Future Thailand: Energizing Society&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สารัชถ์เริ่มต้นด้วยการย้อนอดีตถึงอุตสาหกรรมพลังงานไทย ที่ในอดีตเคยพึ่งพาถ่านหินเป็นหลักเพราะมีราคาถูก แต่การต่อต้านจากประชาชนและกฎระเบียบที่เข้มงวดทำให้เกิดการเปลี่ยนผ่านไปสู่ ‘ก๊าซธรรมชาติ’ ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานสำคัญของไทยมานาน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“พลังงานในอดีต เราใช้ถ่านหินเยอะเพราะมันถูก แต่แรงต่อต้านจากสังคมทำให้ต้องเปลี่ยนไปพึ่งพาก๊าซธรรมชาติแทน ซึ่งช่วงแรกก๊าซก็มีราคาถูก มาจากอ่าวไทยและเมียนมาเป็นหลัก แต่เมื่อเทคโนโลยีพัฒนา เราเริ่มนำเข้าก๊าซธรรมชาติจากทั่วโลกผ่านเรือขนส่งที่ทำให้ก๊าซเหลวกลายเป็นก๊าซใหม่ใช้ได้”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม ไทยยังมีข้อจำกัดเรื่องทรัพยากรพลังงาน ทำให้ต้องมองหาทางเลือกใหม่ที่ตอบโจทย์ทั้งต้นทุน ความมั่นคง และสิ่งแวดล้อม นั่นคือการเปลี่ยนไปสู่พลังงานสะอาด [ พลังงานสะอาด: อนาคตของไทย ]&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สารัชถ์เน้นย้ำว่าพลังงานสะอาดอย่างโซลาร์และลมกำลังเป็นที่ต้องการมากขึ้นทั่วโลก จากเดิมที่ต้นทุนสูงถึง 10-20 บาทต่อหน่วย วันนี้ลดลงเหลือเพียง 2-3 บาท ทำให้ไทยต้องเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับพลังงานทางเลือก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“วันนี้โลกต้องการพลังงานสะอาดมากขึ้น นอกจากต้องราคาถูกแล้ว ยังต้องเป็นพลังงานที่มั่นคงด้วย ประเทศไทยต้องก้าวตามให้ทัน”​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/02/XQBuZED9GTSwj5fiFNnu.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="XQBuZED9GTSwj5fiFNnu.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div> [ ดาต้าเซ็นเตอร์: หัวใจเศรษฐกิจยุคใหม่ ]&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สารัชถ์เริ่มต้นในช่วงถัดมา หลังจากมีคำถามว่าทำไมเขาถึงขยับขยายจากธุรกิจพลังงานมาสู่ธุรกิจคมนาคม และธุรกิจเงินดิจิทัล ซึ่งเขาบอกว่าเป็นการ “พยายามตามเทรนด์ของโลก พยายามหาธุรกิจใหม่ที่ก้าวไปสู่อนาคต เพราะอดีตเป็นแค่ประสบการณ์ที่สอนเรา”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ธุรกิจที่เกี่ยวกับดาต้าจะเติบโตอย่างมหาศาล เพราะโลกจะขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ผมมองว่าไทยควรเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดาต้าเซ็นเตอร์ให้มากขึ้น”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สารัชถ์เล่าว่าในช่วงโควิด บริษัทของเขาใช้โอกาสนี้ลงทุนซื้อโรงไฟฟ้าพลังงานลมในเยอรมนีและอเมริกา เพื่อเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ และนำมาปรับใช้กับประเทศไทย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ในอดีตเราคงไม่สามารถแข่งขันในเวทีโลกได้ แต่วันนี้เรามีโอกาส และเราต้องคว้ามันไว้” [ คริปโตเคอร์เรนซี: โอกาสใหม่ของไทย ]&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อีกหนึ่งเทรนด์สำคัญที่ซีอีโอแห่งกัลฟ์กล่าวถึงคือ คริปโตเคอร์เรนซี โดยเขามองว่าหากประเทศไทยเปิดรับเทคโนโลยีนี้อย่างเหมาะสม จะสามารถดึงดูดเงินลงทุนและสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ๆ ได้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ผมไม่ได้มาชวนให้ซื้อบิตคอยน์นะครับ แต่เราต้องเข้าใจมัน ถ้าประเทศไทยไม่เข้าไปเกี่ยวข้องเลย เราอาจจะพลาดโอกาสครั้งใหญ่”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สารัชถ์เล่าว่าเขาเองก็เคยลังเลเรื่องคริปโต แต่เมื่อเห็นประเทศต่างๆ เริ่มศึกษาและพัฒนา ‘Stablecoin’ ทำให้เขาเริ่มลงทุนและจับมือกับพันธมิตรต่างชาติ เปิดแพลตฟอร์ม Exchange ในไทย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“คริปโตไม่ใช่แค่เรื่องการซื้อขาย แต่เกี่ยวข้องกับอนาคตของฟินเทคและบล็อกเชน หากเราทำให้ภูเก็ตเป็น ‘Crypto Sandbox’ ได้จริง ไทยจะกลายเป็นศูนย์กลางฟินเทคของเอเชีย”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ เขายังกล่าวถึงความเป็นไปได้ในการใช้บล็อกเชนช่วยลดต้นทุนธุรกรรมทางการเงิน และการใช้คริปโตในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ภูเก็ตเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติ คนเหล่านี้ใช้คริปโตอยู่แล้ว หากไทยสามารถพัฒนาโครงสร้างรองรับได้ จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวมหาศาล”​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/02/BkMZXa6pyrUV41WdX4BJ.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="BkMZXa6pyrUV41WdX4BJ.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div> [ สร้างอนาคตไทยให้แข็งแกร่ง ]&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ช่วงท้าย สารัชถ์กล่าวถึงความสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจไทย โดยเน้นว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือการวางแผนระยะยาว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เราจะเป็นประเทศที่ถูกลืมในเอเชีย ถ้าไม่ปรับตัว ทุกวันนี้จีดีพีเราโตแค่ 2-3% ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนามโต 6-7% เราต้องถามตัวเองว่า เราจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป หรือจะสร้างอนาคตใหม่ให้ประเทศ ทุกอย่างมีทั้งคนสนับสนุนและคัดค้าน สุดท้ายต้องดูว่าอะไรมีประโยชน์กับประเทศมากกว่า”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เขายังฝากข้อคิด ถึงนิสิตจุฬาฯ ในฐานะที่เขาเองก็จบการศึกษาจากรั้วจามจุรีเช่นกัน ว่า การเรียนมหาวิทยาลัยไม่ใช่แค่เรื่องตำรา แต่คือการสร้างเครือข่ายและเรียนรู้จากประสบการณ์จริง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เรียนหนักหน่อย เรียนให้จบก็พอ ไม่ต้องมีเกียรตินิยมก็ได้ ใช้ชีวิตมหาวิทยาลัยให้คุ้ม เพราะเป็นการเรียนรู้ชีวิตอย่างหนึ่ง มหาวิทยาลัยเป็นช่วงเวลาสำคัญ ใช้เวลาให้คุ้มค่า เรียนรู้ ทำกิจกรรม และสร้างความสัมพันธ์ เพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ในอนาคต”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปิดท้ายด้วยมุมมองที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง “อย่ามองปัญหาเป็นเรื่องใหญ่เกินไป ทุกอย่างแก้ได้ ขอแค่มีความคิดเชิงบวกและมองไปข้างหน้า”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;‘สารัชถ์ รัตนาวะดี’ ทิ้งท้ายบนเวทีด้วยเสียงปรบมือกึกก้อง การเปลี่ยนผ่านของพลังงานไทยกำลังเริ่มต้นขึ้น คำถามคือ เราพร้อมที่จะเดินหน้าต่อไปหรือยัง? เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/other/dhanin-chearavanont-show-vision-in-chula-thailand-president-summit-2025" alt="สรุปวิชั่น ‘เจ้าสัวธนินท์’ จากเวทีจุฬาฯ เศรษฐกิจไทยยังมีอนาคต แนะรัฐอัดงบหนุนท่องเที่ยว-เกษตร-ชลประทาน ส่วนนักธุรกิจต้องคิดถึงประชาชน">สรุปวิชั่น ‘เจ้าสัวธนินท์’ จากเวทีจุฬาฯ เศรษฐกิจไทยยังมีอนาคต แนะรัฐอัดงบหนุนท่องเที่ยว-เกษตร-ชลประทาน ส่วนนักธุรกิจต้องคิดถึงประชาชน</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

“ไทยจะเป็นประเทศที่ถูกลืมในเอเชีย ถ้าไม่ปรับตัว” สารัชถ์ รัตนาวะดี มองอนาคต ศก.ไทย พลังงานสะอาด-คริปโต-ดาต้าเซ็นเตอร์

<h2>GULF - INTUCH ประกาศควบรวมกิจการ เพื่อเป็นการปรับโครงสร้างบริษัท จะตั้งบริษัทใหม่ NewCo ในไตรมาส 2 ปี 2568 พร้อมทำคำเสนอซื้อหุ้น ADVANC และ THCOM ช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2567 - ไตรมาสที่ 1 ปี 2568</h2><h2>​</h2>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF กล่าวว่า จะมีการควบรวม GULF และ บมจ. อินทัช โฮลดิ้งส์ (INTUCH) และจะมีการจัดตั้งบริษัทใหม่ (NewCo) ในไตรมาสที่ 2 ปี 2568&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ช่วงที่ผ่านมา GULF ได้เข้าไปลงทุนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ INTUCH และ THCOM ได้ศึกษาแนวทางเลือกหลายแนวทางในการจัดโครงสร้างการถือหุ้นในกลุ่ม GULF และ ในกลุ่ม INTUCH รวมไปถึง ADVANC (บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด) และ THCOM (บมจ. ไทยคม) ให้เหมาะสม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ภายหลังจการหารือ เห็นว่าการควบรวมบริษัทระหว่าง GULF ผู้นำด้านธุรกิจพลังงาน และ INTUCH ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใน ADVANC ผู้นำด้านโทรคมนาคมของประเทศไทย (อย่าง AIS) น่าจะเหมาะสมที่สุด ทั้งกับบริษัท ผู้ถือหุ้น และเพิ่มศักยภาพของทั้ง 2 ธุรกิจ โดยด้านธุรกิจพลังงานบริษัทจะขยายไปสู่ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ส่วนธุรกิจโทรคมนาคมก็จะเน้นต่อยอดธุรกิจไปในธุรกิจดิจิทัลมากขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“การควบรวมดังกล่าวจะทำให้การบริหารจัดการของบริษัทภายในกลุ่มทั้งหมดมีความเข้มแข็งและชัดเจนมากขึ้น โดยการควบรวมกิจการในครั้งนี้เป็นธุรกรรมควบรวมขนาดใหญ่ และมีบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั้งในประเทศไทยและในสิงคโปร์เกี่ยวข้องด้วยถึง 5 บริษัท ได้แก่ GULF, INTUCH, ADVANC THCOM และ Singtel เป็นธุรกรรมที่มีความซับซ้อนและละเอียดอ่อน ต้องคำนึงถึงผลกระทบในทุกๆ ด้าน และผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นทุกๆ ฝ่าย ทั้งผู้ถือหุ้นรายย่อย ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ สถาบันการเงิน และกองทุนต่าง ๆ” นายสารัชถ์กล่าว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บริษัทหวังว่าการควบรวมครั้งนี้น่าจะเป็นข่าวในเชิงบวกสำหรับตลาดทุนไทย และจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยธุรกรรมปรับโครงสร้างฯ คาดว่าจะเสร็จสิ้นในไตรมาสที่ 2 ปี 2568 โดยมี บล.บัวหลวง และ UBS AG Singapore Branch เป็นที่ปรึกษาในธุรกรรมนี้<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/07/PpKQAPUbvzucm4ZjgL4U.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-index="1" data-file-name="PpKQAPUbvzucm4ZjgL4U.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยทั้งสองบริษัทตกลงเข้าทำรายการ ดังนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1) การควบบริษัทระหว่าง GULF และ INTUCH และจัดตั้งเป็นบริษัทใหม่ (NewCo) ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2) การทําคําเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดโดยสมัครใจแบบมีเงื่อนไข (Conditional Voluntary Tender Offer หรือ VTO) ในหุ้นสามัญของบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (ADVANC)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3) การทำ VTO ในหุ้นสามัญของบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM (รวมเรียกว่า “ธุรกรรมปรับโครงสร้างฯ”)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในการควบรวมบริษัท จะมีอัตราการจัดสรรหุ้นใน NewCo ให้แก่ผู้ถือหุ้นของ GULF และ INTUCH ดังนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- 1 หุ้น GULF ต่อ 1.02974 หุ้นใน NewCo&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- 1 หุ้น INTUCH ต่อ 1.69335 หุ้นใน NewCo (ไม่รวมหุ้น 47.37% ใน INTUCH ที่ถือโดย GULF เนื่องจากได้รับการจัดสรรโดยตรงให้แก่ผู้ถือหุ้น GULF)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ภายหลังจากได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น และก่อนการควบรวมบริษัท จะมีการทำคำเสนอซื้อในช่วงเวลาประมาณ ไตรมาสที่ 4 ปี 2567 - ไตรมาสที่ 1 ปี 2568 ซึ่งประกอบด้วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- การทำคำเสนอซื้อหุ้น 36.25% ในหุ้นสามัญของบริษัท ADVANC โดย GULF, INTUCH และ Singtel Strategic Investments Pte. Ltd. (SSI) และนายสารัชถ์ รัตนาวะดี ที่ราคา 216.3 บาท/หุ้น เป็นมูลค่ารวมประมาณ 116,601 ล้านบาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- การทำคำเสนอซื้อหุ้น 58.86% ในหุ้นสามัญของบริษัท THCOM โดย GULF, บริษัท กัลฟ์ เอดจ์ จำกัด (บริษัทย่อยของ GULF), INTUCH และนายสารัชถ์ รัตนาวะดี ที่ราคา 11.0 บาท/หุ้น เป็นมูลค่ารวมประมาณ 6,976 ล้านบาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ การทำคำเสนอซื้อดังกล่าวเป็นการทำหน้าที่แทน NewCo ภายหลังจัดตั้งบริษัทใหม่ด้วย technical obligation ทั้งนี้ ผลของการทำคำเสนอซื้อดังกล่าว จะไม่ทำให้อัตราการจัดสรรหุ้นใน NewCo ข้างต้นเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการบริษัท INTUCH พิจารณาในหลักการที่จะจ่ายเงินปันผลพิเศษจากกำไรสะสมของบริษัท จำนวน 4.5 บาทต่อหุ้น โดยคาดว่า วันกำหนดสิทธิและการจ่ายเงินปันผลพิเศษ จะเกิดขึ้นภายหลังสิ้นสุดการรับซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นที่คัดค้าน และก่อนธุรกรรมการควบบริษัทจะเสร็จสิ้น เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/it/global/ai-development-increase-carbon-emission-in-tech-sector" alt="หรือ Net Zero เป็นเพียงฝัน? เมื่อการพัฒนา AI พาบริษัทเทคฯ ปล่อยคาร์บอนพุ่งมหาศาล"></a><a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/oic-smk-mof-july-2024" alt="คลังสั่งเพิกถอนใบอนุญาตฯ ‘สินมั่นคง’ คปภ.ตั้งกองทุนประกันวินาศภัยเป็นผู้ชำระบัญชี"></a><a href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/gulf-business-model-in-2024" alt="Gulf หุ้นพลังงานใหญ่ของไทย นอกจากเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 14 ของ KBank ยังมีธุรกิจอะไรอีก">Gulf หุ้นพลังงานใหญ่ของไทย นอกจากเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 14 ของ KBank ยังมีธุรกิจอะไรอีก</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

GULF ปรับโครงสร้าง! ประกาศควบรวม INTUCH เตรียมตั้งบริษัทใหม่ไตรมาส 2/68

<h2>แม้จะจัดตั้งบริษัท “กัลฟ์ ไบแนนซ์” และให้บริการแพลตฟอร์มซื้อขายและนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในไทยตั้งแต่เมื่อต้นปี 2567 ที่ผ่านมา และประกาศตั้งเป้าเป็นเบอร์ 1 ในไทย แต่มหาเศรษฐีอย่าง “สารัชถ์ รัตนาวะดี” ให้สัมภาษณ์ว่าเขาไม่ได้ซื้อคริปโตฯ (ยกเว้น BNB)</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นับตั้งแต่ต้นปี 2567 ที่ผ่านมา ประเทศไทยก็มีแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ตัวใหม่อย่าง Binance TH by Gulf Binance (“Binance TH”) ให้บริการอย่างเต็มรูปแบบแก่ผู้ใช้งานทุกคน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แพลตฟอร์มดังกล่าวเป็นโปรดักต์ของ บริษัท กัลฟ์ ไบแนนซ์ จำกัด (“Gulf Binance”) ที่เกิดขึ้นจากการร่วมทุนระหว่าง บริษัท ไบแนนซ์ แคปปิตอล แมเนจเมนท์ จำกัด (Binance Capital Management Co.,Ltd.) บริษัทภายในเครือของ Binance ของ CZ หรือ Changpeng Zhao และบริษัท กัลฟ์ อินโนวา จำกัด (Gulf Innova Co., Ltd.) ของมหาเศรษฐีพลังงาน-สื่อสารของไทยอย่าง “สารัชถ์ รัตนาวะดี”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดย Binance TH นั้นได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล และนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลจากกระทรวงการคลังของประเทศไทย เมื่อเดือนพฤษภาคม 2566 ก่อนที่จะได้รับการอนุมัติให้เริ่มประกอบธุรกิจในฐานะศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลและนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทยได้ในเวลาต่อมา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เป้าหมายของ Binance TH ที่ประกาศชัดเจนในงานแถลงข่าววันที่ 19 มีนาคม 2567 คือการตั้งเป้าเป็นผู้นำเบอร์ 1 แพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในไทย ไม่ใช่แค่ในแง่ของปริมาณการซื้อขาย แต่ยังรวมถึงการสร้างระบบนิเวศ การให้ความรู้ โดยจะมีการร่วมมือกับพันธมิตรในภาคส่วนต่างๆ เพื่อผลักดันให้ระบบนิเวศนั้นเดินไปสู่เส้นทางที่ถูกต้อง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สารัชถ์ รัตนาวะดี ให้ความเห็นถึงการร่วมมือกับ Binance ในครั้งนี้ว่า “เรารู้จักกับไบแนนซ์อยู่แล้ว กับตัว CZ เจ้าของที่ไม่ได้มา ก็ค่อนข้างคุ้นเคยกัน ตอนที่เริ่มสนใจการลงทุนเกี่ยวกับดิจิทัลแอสเสท ก็พยายามมองหาคนที่มีความรู้จริงๆ ที่สามารถมาให้ความรู้เราได้ มาเป็นพาร์ทเนอร์กับเราได้ มีหลายบริษัทที่มีโอกาสได้คุยกัน แต่ก็ล้มหายตายจากไปเยอะตามข่าว แต่จริงๆ แล้วที่เลือก Binance เพราะดูแล้วเขามี stability มีความมั่นคง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“โลกดิจิทัลแอสเสท สำคัญคือมันต้องมีความโปร่งใส ชัดเจน เพราะเงินอยู่ในวอลเล็ตเกือบหมด เทคโนโลยีก็ต้องเสถียรมาก จะซื้อจะขายเมื่อไหร่ก็พร้อมทำได้ ซึ่งระบบบล็อกเชนของ Binance มีเทคโนโลยีค่อนข้างดี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ในเรื่องคริปโตที่ทำกับ Binance เขาก็เป็นแพลตฟอร์มอันดับ 1 ของโลก เขามีความรู้เยอะ”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แต่ถึงอย่างนั้น ดูเหมือนว่ามหาเศรษฐีอันดับ 5 ของไทย จากการจัดอันดับโดย Forbes จะไม่ได้ลงทุนในคริปโตฯ เท่าไหร่นัก โดยเมื่อผู้สื่อข่าวถามเขาว่ามีมุมมองต่อตลาดคริปโตฯ อย่างไรบ้าง เขาตอบว่า “ตลาดคริปโตฯ ผมไม่ได้ซื้อเหมือนกัน แต่เขาว่ามันน่าจะไปต่อได้ แต่ก็ตอบไม่ได้ ตลาดนี้ก็คือการลงทุน มันก็คือความเสี่ยง ต้องแล้วแต่การตัดสินใจ แต่เท่าที่ฟังดู มันก็เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเองของตลาดคริปโตฯ น่าจะมีโอกาสอีกเยอะ”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เขายังให้เหตุผลเพิ่มเติมว่า “ที่ไม่ได้ลงทุนเพราะไม่มีเวลา ดูไป ว่าจะซื้อแล้วก็ยุ่ง วุ่นวาย ไม่ได้ทำสักที แต่มีซื้อ BNB Coin ไว้เยอะเหมือนกัน ที่ลงทุนเพราะไปเชื่อมโยงกับ Binance เราเป็นพาร์ทเนอร์กับเขา ก็เชื่อว่ามันต้องไปได้ดี เรามีการลงทุนกับ Binance หลายเรื่องเหมือนกัน ทั้งสตาร์ทอัพเกี่ยวกับคริปโตฯ ด้วย”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับการแนวทางการจับมือร่วมกันระหว่าง Binance และ AIS นั้น สารัชถ์ระบุว่า “จริงๆ Binance กับ AIS คุยกันอยู่ ซึ่ง Binance เพิ่งเปิด ถือว่าเปิดช้าด้วยซ้ำ เพราะเงื่อนไขและรายละเอียดของ ก.ล.ต. เข้มงวดมากขึ้น แต่ผมว่าดี เพราะว่า Binance เกิดขึ้นมาบนกฎระเบียบที่ค่อนข้างเคร่งครัดมากของ ก.ล.ต. และ ปปง. ผมว่าค่อนข้างปลอดภัยที่มาใช้เทคโนโลยีของไบแนนซ์ที่มีอยู่”​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/03/mgDsR5RwAANT6WM9pbu5.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="0" data-file-name="mgDsR5RwAANT6WM9pbu5.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""><figcaption><div>นายสารัชถ์ รัตนาวะดี (ซ้าย) กรรมการ รองประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) และนายริชาร์ด เทง (ขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Binance</div></figcaption></figure></div> จับมือพันธมิตรลุย Virtual Bank&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากจะก้าวเข้าไปอยู่ในโลกการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลแล้ว กัลฟ์ยังกระโดดเข้ามาโลกการเงินด้วย โดยข่าวล่าสุดคือการร่วมมือกับพันธมิตรอย่าง AIS และธนาคารกรุงไทย เตรียมยื่นขอใบอนุญาตดำเนินธุรกิจธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (Virtual Bank) ด้วยเงินทุนเริ่มต้น 5,000 ล้านบาท ถือหุ้นคนละ 33%&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ข่าวที่ว่าเราจะทำ Virtual Bank กับกรุงไทยและ AIS ก็เชื่อว่าทั้งสองบริษัทจะมีความพร้อมในเรื่องบริษัทและความเข้าใจในเรื่องของธุรกิจ ธนาคารกรุงไทยก็ทำบริการเกี่ยวกับเรื่องการโอนเงินมาเยอะ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังไม่พร้อมยื่นใบสมัคร เขา (ธปท.) ให้เวลายื่น 6 เดือน ยื่นไปตอนนี้ก็ยังไม่พร้อมอยู่ดี”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“Virtual Bank เท่าที่ฟังดูจะทำให้การเข้าถึงของคนมากขึ้น สำหรับคนที่ไม่มีโอกาสที่จะกู้เงิน เพราะไม่มีหลักประกันอะไรมาวาง คงใช้จากระบบ ดูเรื่องเครดิต ดูเรื่องการเก็บเงิน และจะเป็นการใช้ข้อมูลของมือถือและของแบงก์ว่าลูกค้ามีความสามารถในการยื่นกู้ขนาดไหน ผมคิดว่าเป็นการทำให้คนมีโอกาสเข้าถึงมากขึ้น ดอกเบี้ยคงจะไม่สูงอย่างที่เราได้ยินตามข่าวต่างๆ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“แผนธุรกิจเวอร์ชวลแบงก์ เกณฑ์ของแบงก์ชาติที่ค่อนข้างเข้มงวดแล้วนั้นดีแล้ว เพราะค่อนข้างปลอดภัยกับคนที่เข้าไปทำ และปลอดภัยกับคนที่ไปฝากเงิน มากู้เงิน เพราะมันเป็นดิจิทัลแอสเสท อะไรที่มันมา มันก็อาจจะหายไปได้”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สารัชถ์ยังระบุอีกว่า ปัจจุบันแผนการทำธุรกิจ Virtual Bank ยังไม่ได้คุยกันอย่างชัดเจน แต่การที่สามารถเข้าถึงฐานลูกค้าของธนาคารกรุงไทยและ AIS ได้ ก็น่าจะทำให้มีโอกาสในธุรกิจมากขึ้น ทั้งยังมองเห็นกลุ่มเป้าหมายลูกค้าสินเชื่อชัดมากขึ้นด้วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ผมคิดว่าเวอร์ชวลแบงก์คงไม่ได้ปล่อยรายใหญ่เป็นล้านบาทหรอก ปล่อยสินเชื่อ 30,000 บาท 50,000 บาท เต็มที่ 100,000-200,000 บาท เหมือนกับเป็นการให้คนส่วนมากทั้งประเทศเข้าถึงได้ โดยไม่ต้องเอาหลักประกันเช่นที่ดินหรือรถไปวาง เราก็ปล่อยโดยดูจากบิลมือถือบ้าง เพื่อดูว่ามีความสามารถในการชำระคืนเป็นอย่างไร”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ส่วนในเรื่องการแข่งขัน ผมคิดว่ามันอยู่ที่เทคโนโลยีว่าใครเสถียร ไม่ใช่ว่าเราจะเก่งหรือเสถียร แต่วันนั้นใครที่เอาเทคโนโลยีมาใช้แล้วค่อนข้างมีเสถียรภาพ ที่คนสามารถ access ได้ตลอดเวลา คล้ายๆ กับคริปโตฯ ที่สามารถเข้าถึงได้ 7 วัน 24 ชั่วโมง Virtual Bank ก็คงต้องเป็นลักษณะคล้ายๆ อย่างนั้น ที่มันสามารถเข้าถึงได้ตลอดเวลา และมีเสถียรภาพ” เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/bitcoin-gold-a-chance-rising-after-price-made-new-high" alt="'บิตคอยน์-ทองคำ' มีโอกาสพุ่งต่อ หลังราคาสร้างจุดสูงสุดใหม่">'บิตคอยน์-ทองคำ' มีโอกาสพุ่งต่อ หลังราคาสร้างจุดสูงสุดใหม่</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

“ผมไม่ได้ซื้อคริปโต” คำต่อคำ ‘สารัชถ์ รัตนาวะดี’ ตั้งแต่สินทรัพย์ดิจิทัลจนถึง Virtual Bank

<h2>สารัชถ์ รัตนาวะดี บอสใหญ่แห่งอาณาจักรโรงไฟฟ้า GULF ยังคงครองตำแหน่งแชมป์เศรษฐีหุ้นไทยปี 2566 อย่างต่อเนื่องนับเป็นปีที่ 5 โดยถือครองหุ้น GULF-ITC คิดเป็นมูลค่ามากสุดอยู่ที่ 1.9 แสนล้านบาท ขณะที่ นิติ โอสถานุเคราะห์ ทายาทโอสถสภา อยู่อันดับ 2 มีหุ้นในพอร์ตรวมมูลค่า 6.2 หมื่นล้านบาท ด้าน นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ อยู่ในอันดับ 3 ถือหุ้น BDMS-BA รวมมูลค่า 5.7 หมื่นล้านบาท</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;วารสารการเงินธนาคาร ร่วมกับ อาจารย์ประจำคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำการจัดอันดับเศรษฐีหุ้นไทยต่อเนื่องเป็นปีที่ 30 แล้วในปีนี้ โดยใช้หลักเกณฑ์การวัดจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ประเภทบุคคลธรรมดาในประเทศที่ถือหุ้นสูงสุด 10 อันดับแรก ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาดหลักทรัพย์ mai ตามการปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นล่าสุดภายในวันที่ 30 กันยายน 2566&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับผลการจัดอันดับเศรษฐีหุ้นไทยประจำปี 2566 ในวารสารการเงินธนาคาร ฉบับเดือนธันวาคม 2566 ปรากฏว่า แชมป์เศรษฐีหุ้นไทยปี 2566 ยังคงเป็นของ สารัชถ์ รัตนาวะดี กรรมการ รองประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ หรือ GULF ซึ่งถือเป็นการครองแชมป์ติดต่อกันเป็นปีที่ 5 โดยมีมูลค่าการถือหุ้นสูงสุดเป็นอันดับ 1 รวม 190,828,06 ล้านบาท นับเป็นตัวเลขที่ลดลงจากปีก่อน 28,153.53 ล้านบาท หรือราวๆ 12.86%&nbsp; &nbsp; ทั้งนี้ นอกจากสารัชถ์จะถือหุ้น GULF สูงเป็นอันดับ 1 ในสัดส่วน 35.67% คิดเป็นมูลค่า 190,421.51 ล้านบาทแล้ว ในปีนี้ยังถือหุ้น บมจ.ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น (ITC) บริษัทในกลุ่มไทยยูเนี่ยนที่ทำธุรกิจผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงส่งออกทั่วโลกอีก 0.67% มูลค่า 406.55 ล้านบาทและถึงแม้ว่าปีนี้มูลค่าความมั่งคั่งในตลาดหุ้นของบอสใหญ่แห่งอาณาจักร GULF จะลดลงไป แต่ตลอด 5 ปีของการครองแชมป์เศรษฐีหุ้นไทย มูลค่าหุ้นที่สารัชถ์ถือครองก็อยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท ทุกปี ซึ่งนับเป็นมูลค่าสูงสุดในทำเนียบเศรษฐีหุ้นไทยตั้งแต่ปี 2537 จนถึงปัจจุบัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยในปี 2562 ซึ่งเป็นปีแรกที่ก้าวขึ้นครองแชมป์ สารัชถ์มีความมั่งคั่งรวม 120,959.99 ล้านบาท ต่อมาในปีที่ 2563 ความมั่งคั่งลดลงไปเล็กน้อยที่ 115,289.99 ล้านบาท ก่อนทะยานสู่ 173,099.73 ล้านบาท ในปี 2564 และพุ่งทะลุไปถึง 218,981.58 ล้านบาท ในปี 2565 จนล่าสุดลดลงมาที่ 190,828.06 ล้านบาท ในปี 2566&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับเศรษฐีหุ้นอันดับ 2 ได้แก่ นิติ โอสถานุเคราะห์ นักลงทุนรายใหญ่ ทายาทอาณาจักรโอสถสภา โดยถือครองหุ้นมูลค่ารวม 61,790.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,666.61 ล้านบาท หรือ 6.31%&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อันดับ 3 ได้แก่ นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ หรือ หมอเสริฐ เจ้าของกลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพ และสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส โดยถือครองหุ้น บมจ.การบินกรุงเทพ (BA) และ บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) มูลค่ารวม 57,001.68 ล้านบาท ลดลง 5,734 ล้านบาท หรือ 9.14%&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อันดับ 4 ได้แก่ ปณิชา ดาว โดยยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับ 1 ของ บมจ.พีเอสจี คอร์ปอเรชั่น (PSG) ในสัดส่วน 80% รวมมูลค่าหุ้นที่ถือครอง 41,595.20 ล้านบาท ลดลง 40,035.38 ล้านบาท หรือ 49.04% สำหรับ PSG ได้มีกลุ่มทุนจาก สปป.ลาว นำโดย เดวิด แวน ดาว สามีของปณิชา ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท หลวงพระบาง พาวเวอร์ ในนาม บริษัท พีที จำกัดผู้เดียว (PTS) เจ้าของโรงไฟฟ้าพลังน้ำหลวงพระบาง ที่ สปป.ลาว เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่กลุ่มใหม่ในปี 2564&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อันดับ 5 ได้แก่ ปรมาภรณ์ ปราสาททองโอสถ ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ ทายาทหมอเสริฐ โดยยังคงถือหุ้น BDMS ในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกับปีที่แล้วคือ 5.18% และถือหุ้น BA ในสัดส่วนเดิมที่ 6.49% ส่วน บมจ.เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ (ONEE) ปีนี้ได้ลดการถือหุ้นจาก 40.04% เหลือ 25.05% ส่งผลให้มีมูลค่าหุ้นที่ถือครองรวมทั้งสิ้น 26,634.59 ล้านบาท ลดลง 8,367.28 ล้านบาท หรือ 23.91%&nbsp; &nbsp; ขณะที่ อันดับ 6 และ อันดับ 7 ได้แก่ สองเจ้าของ บมจ.เมืองไทยแคปปิตอล (MTC) หรือชื่อเดิมคือ เมืองไทยลิสซิ่ง โดย ชูชาติ เพ็ชรอำไพ อยู่ในอันดับ 6 รวมมูลค่าหุ้นที่ถือครอง 25,933.90 ล้านบาท ลดลง 584.17 ล้านบาท หรือ 2.20% โดยถือหุ้น MTC 33.49% และ บมจ.เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล (XPG) 3.12% ส่วน ดาวนภา เพ็ชรอำไพ อยู่ในอันดับ 7 ถือหุ้น MTC 33.96% มูลค่า 25,920 ล้านบาท ลดลง 180 ล้านบาท หรือ 0.69%&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อันดับ 8 ได้แก่ นพ.พงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี นักลงทุนรายใหญ่ที่ปีนี้มีพอร์ตการลงทุนมูลค่ารวม 22,462.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11,181.71 ล้านบาท หรือคิดเป็น 99.12% ความมั่งคั่งในพอร์ตหุ้นของหมอพงศ์ศักดิ์ที่เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว โดยเมื่อคลี่พอร์ตหุ้นออกมาดูพบว่า หุ้นที่หมอพงศ์ศักดิ์เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 10 อันดับแรก เพิ่มขึ้นเป็น 14 บริษัท จาก 7 บริษัทเมื่อปีที่แล้ว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อันดับ 9 ได้แก่ อนันต์ อัศวโภคิน บิ๊กอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่แห่งอาณาจักร “แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์” โดยถือหุ้น บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) สูงเป็นอันดับ 1 ในสัดส่วน 23.93% มูลค่า 22,308 ล้านบาท ลดลง 3,146 ล้านบาท หรือ 12.36%&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อันดับ 10 ได้แก่ สุระ คณิตทวีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.คอมเซเว่น (COM7) เจ้าของธุรกิจค้าปลีกสินค้าด้านไอที โดยถือหุ้นรวมมูลค่า 21,387.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10,381.50 ล้านบาท หรือ 94.33% ซึ่งปีนี้พอร์ตหุ้นที่สุระเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 10 อันดับแรกเพิ่มขึ้นเป็น 17 บริษัทจาก 11 บริษัทเมื่อปีที่แล้ว&nbsp;โดยสุระเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 1 ของ บมจ.คอมเซเว่น (COM7) ในสัดส่วน 25.05% และ บมจ.เวฟ เอกซ์โพเนนเชียล (WAVE) ในสัดส่วน 7.56% ส่วน บมจ.เอ็ม วิชั่น (MVP) สุระถือหุ้น 9.30% สูงเป็นอับดับ 2 รองจากผู้ถือหุ้นอันดับ 1 คือ Capital Asia Investment ที่ถือหุ้น 14.62%&nbsp; &nbsp;&nbsp; บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/forbes-lists/thailand-richest/%E0%B9%84%E0%B8%AE%E0%B9%84%E0%B8%A5%E0%B8%95%E0%B9%8C-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%B5%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2-%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%88%E0%B8%B3%E0%B8%9B%E0%B8%B5-2023" alt="ไฮไลต์ การจัดอันดับมหาเศรษฐีไทย ประจำปี 2023">ไฮไลต์ การจัดอันดับมหาเศรษฐีไทย ประจำปี 2023</a><a href="https://buffet.ookbee.com/magazine/forbes" alt="คลิกอ่านฉบับเต็มและบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนสิงหาคม 2566 ในรูปแบบ e-magazine">คลิกอ่านฉบับเต็มและบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนสิงหาคม 2566 ในรูปแบบ e-magazine</a>&nbsp;

สารัชถ์ รัตนาวะดี แห่งอาณาจักร GULF แชมป์เศรษฐีหุ้นไทย 5 ปีซ้อน ครองมูลค่าหุ้น 1.9 แสนล้าน

10 อันดับ มหาเศรษฐีไทย ประจำปี 2023

<h2>บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ถูกปลุกขึ้นมาอยู่ในกระแสอีกครั้ง หลังจากเป็นชนวนเหตุสำคัญที่อาจทำให้อนาคตของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทยต้องพลิกผัน ปัจจุบันไอทีวีเป็นบริษัทในเครือของอินทัช ที่มีบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ของ สารัชถ์ รัตนาวะดี เศรษฐีหุ้นอันดับ 1 ของไทย</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือชื่อเดิมบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ธุรกิจดั้งเดิมของตระกูลชินวัตร ที่มีธุรกิจในเครือ อาทิเช่น บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (มือถือ AIS) บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) บริษัท อินทัช มีเดีย จำกัด บริษัท เอสซี แมทช์บอกซ์ จำกัด เป็นต้น เครือข่ายธุรกิจอินทัชโฮลดิ้งส์-ไอทีวี ปี 2547 ตระกูลชินวัตรขายหุ้นทั้งหมดให้แก่เทมาเส็ก โฮลดิงส์ของสิงคโปร์ และในปี 2549 บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ของ สารัชถ์ รัตนาวะดี ได้เข้าซื้อกิจการต่อจากเทมาเส็ก และกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของอินทัชถึงปัจจุบัน โดยมี คิมห์ สิริทวีชัย บุคคลที่เป็นข่าวในเอกสารประชุมผู้ถือหุ้น ไอทีวี เป็นกรรมการผู้อำนวยการ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปี 2565 อินทัช โฮลดิ้งส์ มีกำไรสุทธิ 10,533 ล้านบาท รายได้หลักมาจากการดำเนินธุรกิจเอไอเอส ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่มีเครือข่ายครอบคลุมกว่า 85% ของประชากรในประเทศไทย รวมทั้งได้เข้าซื้อกิจการ ทริปเปิลทรี บรอดแบนด์ อินเทอร์เน็ต (3BB) และ เข้าซื้อหน่วยลงทุนกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน (JASIF) ในสัดส่วน 19% โดย AWN ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของเอไอเอสที่ดำเนินธุรกิจให้บริการอินเทอร์เน็ตบ้าน คาดว่าจะปิดดีลภายในไตรมาส 2 ของปีนี้ และก้าวขึ้นเป็นผู้นำในตลาดอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ ที่มีฐานลูกค้าเกือบ 6 ล้านราย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อินทัช โฮลดิ้งส์ ถือหุ้นในบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ร้อยละ 52.92 ซึ่งไอทีวีได้แจ้งในหมายเหตุประกอบงบการเงินปี 2565 ระบุว่า “กลุ่มบริษัท” เคยดำเนินธุรกิจหลักเกี่ยวกับการดำเนินการสถานีโทรทัศน์ภายใต้สัญญาเข้าร่วมงานและดำเนินการสถานีวิทยุโทรทัศน์ระบบ ยู เอช เอฟ (“สัญญาอนุญาตให้ดำเนินการ”) ที่ได้รับจากสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (“สำนักงานปลัดฯ”) สื่อโฆษณา และการผลิตรายการ โดย ณ วันที่ 7 มีนาคม 2550 สำนักงานปลัดฯ ได้เพิกถอนสัญญาอนุญาตให้ดำเนินการดังกล่าวส่งผลให้บริษัทต้องหยุดดำเนินกิจการ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ไอทีวี ยังมีบริษัทย่อยชื่อบริษัท อาร์ตแวร์ มีเดีย จำกัด ดำเนินธุรกิจให้เช่าป้ายโฆษณาอิเล็กทรอนิกส์และให้บริการจัดกิจกรรมทางการตลาดที่เกี่ยวกับและการผลิตรายการ (ปัจจุบันหยุดดำเนินธุรกิจ) โดยสถานะการเงิน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 กลุ่มบริษัทยังคงมีหนี้สินหมุนเวียนสูงกว่าสินทรัพย์หมุนเวียนจำนวน 1,627 ล้านบาท และขาดทุนสะสมเกินทุนจำนวน 1,626 ล้านบาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ข้อพิพาทระหว่างไอทีวี กับสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีนั้น มีการตั้งคณะอนุญาโตตุลาการฟ้องร้องกันไปมา นับตั้งแต่บอกเลิกสัญญาในเดือนมีนาคม 2550 มียอดเรียกค่าเสียหายระหว่างกันหลักแสนล้านบาท อย่างไรก็ตาม การพิจารณาข้อพิพาทล่าสุดคือยอดหนี้สินและดอกเบี้ยที่บริษัทจะต้องจ่ายให้กับสำนักปลัดอยู่ที่ 2,890 ล้านบาท ซึ่งสำนักปลัดได้ยื่นคัดค้านต่อศาลปกครองกลาง แต่ศาลยกคำร้องเมื่อเดือนธันวาคม 2563 สำนักปลัดจึงยื่นคัดค้านต่อศาลปกครองสูงสุด ซึ่งปัจจุบันอยู่ในกระบวนการของศาลปกครองสูงสุด ไอทีวีดำเนินกิจการหรือไม่ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ระหว่างการดำเนินคดีตามข้อพิพาทกับสำนักปลัด ไอทีวี ยังคงดำเนินกิจกรรมกับบุคคลภายนอกโดยมีการว่าจ้างบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม 2 ราย และว่าจ้างธนาคารแห่งหนึ่งเพื่อดำเนินการบริหารเงินลงทุนในตราสารหนี้ ตามนโยบายการลงทุนของบริษัท และเพื่อดำเนินการรับฝากทรัพย์สินที่ได้จากการลงทุนในตราสารหนี้ ตามลำดับ โดยมีอายุสัญญา 1 ปี รวมทั้งจ้างที่ปรึกษาด้านกฎหมาย และบัญชี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ล่าสุด บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อยรายงานการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 แจ้งผลประกอบการในไตรมาส 1/2566 มีรายได้รวม 6,114,891 บาท กําไร 3,070,980 บาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2565 มีรายได้รวม 5,190,002 บาท และกำไร 2,430,733 บาท ซึ่งมาจากรายได้จากผลตอบแทนจากเงินลงทุนและดอกเบี้ยรับ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;และสำหรับงวดไตรมาสแรกของปี 2566 (ยังไม่ได้ตรวจสอบ) ไอทีวีมีกำไรจากการกิจกรรมดำเนินงาน 3,842,496 บาท และในหมายเหตุประกอบงบการเงิน ระบุว่าวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566 บริษัทมีการนำเสนอการลงสื่อให้กับกิจการที่เกี่ยวข้องกัน และเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2566 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 2/2566 มีมติรับทราบรูปแบบการดำเนินธุรกิจของบริษัท โดยเป็นผู้ให้บริการลงสื่อโฆษณา และจะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 2 ของปี 2566&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม จากข้อสงสัยเกี่ยวกับการดำเนินงานของบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯว่า จะดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อให้เกิดความโปร่งใสเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลและกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จากประเด็นร้อนที่เกิดขึ้นในตอนนี้ว่าไอทีวียังเป็นสื่อหรือไม่ และมีการปลุกชีพไอทีวี เพื่อเป็นเครื่องมือทางการเมือง หากดูจากเอกสารทางกฎหมายและงบการเงินของบริษัทระบุว่าไอทีวียังดำเนินกิจการอยู่ แต่การดำเนินกิจการนั้นถือว่าเป็นสื่อหรือไม่เป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์ ในอนาคตหากข้อพิพาทระหว่างสำนักปลัดกับไอทีวีสิ้นสุดลงมีโอกาสที่ไอทีวีจะกลับมาดำเนินกิจการหรือไม่ ก็ต้องบอกว่ามีด้วยธุรกิจในกลุ่มอินทัช โฮลดิ้งส์ มีทั้งโครงข่ายระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ และอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ที่ต้องการธุรกิจสื่อและคอนเทนต์มาต่อยอดการทำธุรกิจให้แข็งแกร่ง ซึ่งเป็นโมเดลธุรกิจที่กลุ่มชิน คอร์ปเคยทำมาก่อน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ไอทีวีจึงกลายเป็นอีกหนึ่งเผือกร้อนของ สารัชถ์ รัตนาวะดี ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ของอินทัช โฮลดิ้งส์ และไอทีวี ที่ก่อนหน้านี้ได้รับผลกระทบจากนโยบายของพรรคก้าวไกลในการรื้อระบบสัมปทานโรงไฟฟ้าทำให้มูลค่าหุ้นหายไปกว่า 3% จากมาร์เก็ตแคปมูลค่าเกือบ 500,000 ล้านบาท อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/%E0%B8%95%E0%B8%A5%E0%B8%97-%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99-%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%99-%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87-%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87-%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99-oto-%E0%B8%8B%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A2-%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%9B%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B8%B4" alt="ตลท. เตือนนักลงทุนให้ระวังหลังหุ้น OTO ซื้อขายผิดปกติ">ตลท. เตือนนักลงทุนให้ระวังหลังหุ้น OTO ซื้อขายผิดปกติ</a>​ <hr class="__se__solid">​<a href="https://www.ookbee.com/shop/magazine/FORBES/225c14a9-ead0-4c01-98a2-b9c52ea4d990/may-2023" alt="คลิกอ่านฉบับเต็มและบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤษภาคม 2566 ในรูปแบบ e-magazine">คลิกอ่านฉบับเต็มและบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤษภาคม 2566 ในรูปแบบ e-magazine</a><div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/05/MnBrWjajVTjT23g8tb33.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="MnBrWjajVTjT23g8tb33.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-percentage="auto,auto" origin-size="200,263" data-rotatex="" data-rotatey="" style="" data-index="0"></figure></div>​

“ไอทีวี” เผือกร้อนในมือ “สารัชถ์ รัตนาวะดี” เศรษฐีหุ้นแห่งกัลฟ์ เอ็นเนอร์จี

<h2>​Forbes จัดอันดับมหาเศรษฐีโลกประจำปี 2023 โดยปีนี้มีมหาเศรษฐีของไทยติดในทำเนียบรายชื่อของมหาเศรษฐีโลก 28 ราย ซึ่ง&nbsp;“ธนิน เจียรวนนท์” หรือเจ้าสัวซีพี ติดอยู่ในอันดับที่ 116 และยังคงเป็นมหาเศรษฐีผู้มั่งคั่งร่ำรวยที่สุดในประเทศไทย​ </h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การจัดอันดับมหาเศรษฐีโลกของ forbes เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยในปี 2023 นี้ 3 อันดับแรกของมหาเศรษฐีไทยที่มีรายชื่อติดอยู่ในทำเนียบมหาเศรษฐีโลกที่มีทรัพย์สินความมั่งคั่งเกิน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ขึ้นไป ได้แก่ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อันดับ 1 “ธนิน เจียรวนนท์” หรือ เจ้าสัวแห่งอาณาจักรซีพี อายุ 83 ปี ที่ถือครองทรัพย์สินมูลค่าราว 1.49 หมื่นล้านเหรียญ จากการดำเนินธุรกิจที่หลากหลาย โดยความมั่งคั่งของเขาในปีนี้เพิ่มขึ้นจากปีก่อนและยังคงเป็นบุคคลที่มั่งคั่งร่ำรวยที่สุดในประเทศไทย จึงติดโผอยู่ในอับดับที่ 116 ของรายชื่อมหาเศรษฐีทั่วโลกของปี 2023<div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/04/mCnG3ggtCRSNg2whdmkM.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="mCnG3ggtCRSNg2whdmkM.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อันดับ 2 “เจริญ สิริวัฒนภักดี” อายุ 78 ปี ผู้กุมบังเหียนอาณาจักรไทยเบฟฯ ซึ่งดำเนินธุรกิจแอลกอฮอล์ อสังหาริมทรัพย์ อาหาร และเครื่องดื่ม มีมูลค่าทรัพย์สินราว 1.48 หมื่นล้านเหรียญ ไล่ตามเจ้าสัวซีพีมาติดๆ โดยมีรายชื่ออยู่ในทำเนียบอันดับที่ 118<div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false" style="width: 50%; min-width: 100%;"><figure style="margin: auto; width: 50%;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/04/BaL89EQATBAXMgQWKdNp.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="BaL89EQATBAXMgQWKdNp.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="50%," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="50," style="width: 100%;" data-index="1"></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อันดับ 3 “สารัชถ์ รัตนาวะดี” อายุ 57 ปี เจ้าของธุรกิจพลังงาน Gulf Energy มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นจากปีก่อนโดยถือครองทรัพย์สินอยู่ที่ 1.23 หมื่นล้านเหรียญ และมีรายชื่อติดอยู่ในอันดับที่ 141<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/04/AWUihLeah3enodCSHxJ7.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="AWUihLeah3enodCSHxJ7.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ การจัดทำอันดับรายชื่อของมหาเศรษฐีทั่วโลกของ Forbes ประจำปี 2023 นี้ มีมหาเศรษฐีของไทยที่ถือครองทรัพย์สินมูลค่าระดับ 1 พันล้านเหรียญขึ้นไปติดอยู่ในทำเนียบรายชื่อนี้ด้วยจำนวนทั้งสิ้น 28 ราย อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://www.forbesthailand.com/news/it/whoscall-%E0%B9%80%E0%B8%9C%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%88%E0%B8%B3%E0%B8%9B%E0%B8%B5-2565-%E0%B9%80%E0%B8%9C%E0%B8%A2%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%89%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%9E%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%87-%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%96%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2-13-%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C" alt="Whoscall รายงานประจำปี 2565 เผยยอดสายมิจฉาชีพพุ่ง 165% เบอร์มือถือคนไทยรั่วไหลกว่า 13 ล้านเบอร์"></a><a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/%E0%B8%88%E0%B8%94%E0%B8%97%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99-%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88-%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B9%8C-2566-%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B4-%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94-%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A-10-%E0%B8%9B%E0%B8%B5" alt="“จดทะเบียนตั้งธุรกิจใหม่” เดือนกุมภาพันธ์ 2566 ทุบสถิติสูงสุดในรอบ 10 ปี">“จดทะเบียนตั้งธุรกิจใหม่” เดือนกุมภาพันธ์ 2566 ทุบสถิติสูงสุดในรอบ 10 ปี</a>​<hr class="__se__solid">​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

3 อันดับมหาเศรษฐีไทยติดอับดับ "มหาเศรษฐีโลก ปี 2023"

<h2>การขยายธุรกิจ ก้าวเข้าสู่โลกโทรคมนาคมส่งผลให้ สารัชถ์ รัตนาวะดี แห่ง GULF มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลจนสามารถคว้าอันดับ 4 ในทำเนียบ 50 มหาเศรษฐีไทยประจำปี 2565 ได้สำเร็จ</h2>
มหาเศรษฐีธุรกิจพลังงาน สารัชถ์ รัตนาวะดี ขุดเจอทองเข้าแล้ว โดยการขยายธุรกิจเข้าสู่วงการโทรคมนาคม ส่งผลให้หุ้นของสารัชถ์ในบริษัทเรือธงของเขาอย่าง บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF มีมูลค่าเพิ่มขึ้นมากกว่า 3 เท่าในช่วงปีที่ผ่านมา
อีกทั้ง ยังส่งผลให้ GULF ทะยานขึ้นเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดเป็นอันดับที่ 6 ในประเทศไทยด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดถึง 1.55 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยสารัชถ์ไต่อันดับในทำเนียบมหาเศรษฐีไทยขึ้นมา 1 อันดับ ขึ้นมาครองอันดับ 4 ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 1.11 หมื่นล้านเหรียญ หรือ 3.87 แสนล้านบาท


<figure><img class="size-full wp-image-65579" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/07/สารัชถ์_รัตนาวะดี.jpg" alt="" width="641" height="480" /><figcaption> สารัชถ์ รัตนาวะดี</figcaption></figure>
ทั้งนี้ หุ้นของ GULF ใน InTouch Holdings ที่มี Singtel หนุนหลัง และหุ้นในบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS ผู้ให้บริการเคลื่อนที่โทรศัพท์รายใหญ่ที่สุดในไทยในแง่รายรับ เป็นตัวผลักให้กำไรสุทธิในไตรมาสแรกของบริษัทพุ่งขึ้นจากปีก่อนถึงร้อยละ 36 เป็น 3.3 พันล้านบาท (92 ล้านเหรียญ) ขณะที่กำไรของปี 2021 ทั้งปีก็พุ่งกระฉูดขึ้นมาถึงร้อยละ 79 แตะ 7.7 พันล้านบาท
ณ ปัจจุบัน สารัชถ์ ได้มีเป้าใหม่ โดยเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา บริษัท GULF ได้จับมือกับ Binance ผู้ประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขายสกุลเงินคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในโลกในแง่ปริมาณการซื้อขาย ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารของมหาเศรษฐีพันล้าน Changpeng Zhao เพื่อสร้างแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลในไทย อีกทั้ง ในขณะเดียวกัน สารัชถ์ก็ได้ทุ่มเงินอีก 20 ล้านเหรียญลงทุนใน BAM Trading Services ผู้ประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในสหรัฐอเมริกาอีกด้วย
<img class="alignnone size-full wp-image-65580" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/07/1-474.jpg" alt="" width="720" height="480" />
สารัชถ์ ยังคงเดินหน้าทำตามแผนการใหม่อย่างไม่หยุดนิ่ง โดยแผนต่อไปคือ การสร้างศูนย์ข้อมูลทั่วไทยผ่านการร่วมมือกับ Singtel
ด้าน สุวัฒน์ สินสาฎก กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ที่ปรึกษาการลงทุนเอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เผยในบทวิจัยเมื่อเดือนมกราคมว่า กลยุทธ์ที่ประกาศเมื่อปีที่แล้วนั่น ช่วยผลักให้ทิศทางรายได้ของบริษัทพุ่งขึ้นอย่างมาก โดยสุวัฒน์คาดว่า ผลกำไรสุทธิปีนี้ของ GULF อาจเพิ่มขึ้นถึงเท่าตัวแตะ 1.35 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ ด้าน GULF ไม่ได้ตอบกลับพร้อมความคิดเห็นเพิ่มเติมใดๆ
หลังจากเข้าตลาดหุ้นเมื่อ 5 ปีที่แล้ว สารัชถ์ได้ปั้น GULF ให้ขึ้นแท่นบริษัทเอกชนผู้ผลิตพลังงานรายใหญ่ที่สุดในไทยได้สำเร็จ (จากมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด) ก้าวต่อไปของนักธุรกิจด้านพลังงานรายนี้ นอกจากจะมีโปรเจ็กต์ในมือมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติบริเวณตะวันออกของไทยแล้ว สารัชถ์ยังเดินหน้าก้าวเข้าสู่วงการพลังงานทดแทนอีกด้วย
เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทางบริษัทได้ประกาศจับมือกับ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) ตั้งบริษัทร่วมทุนด้านพลังงานแสงอาทิตย์ อีกทั้ง ได้จับมือสร้างพันธมิตรทางธุรกิจกับ เครือเซ็นทรัล ธุรกิจของ<a href="https://forbesthailand.com/forbes_lists/%e0%b8%95%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%81%e0%b8%b9%e0%b8%a5%e0%b8%88%e0%b8%b4%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%98%e0%b8%b4%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%92%e0%b8%99%e0%b9%8c">ตระกูลจิราธิวัฒน์</a>ในการเดินหน้าผลิตพลังงานสีเขียว
แปลและเรียบเรียงโดย ทัตชญา บุษยากิตติกร จากบทความ Energy Billionaire Sarath Ratanavadi’s Wealth Rockets As His Telecoms Bet Pays Off เผยแพร่บน Forbes.com
อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/world/asia/กัลกุล-ดํารงปิยวุฒิ์-gunkul.html">กัลกุล ดํารงปิยวุฒิ์ กลับสู่ทำเนียบมหาเศรษฐีไทยอีกครั้ง</a>
<div class="single-content-writer-box">
<div>

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a style="color: #003300;" href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

</div>
</div>

สารัชถ์ รัตนาวะดี ขยายปีก สร้างทรัพย์สินจากโทรคมนาคม

<h2>มหาเศรษฐีไทย ประจำทำเนียบ Forbes เต็มไปด้วยบุคคลที่หลายคนคุ้นหน้าคุ้นตา โดยถึงแม้จะต้องเชิญกับสถานการณ์ความวุ่นวายจากโรคระบาด และเงินเฟ้อมากขนาดไหน มหาเศรษฐีไทยเหล่านี้ก็ยังคงทรัพย์สินมากกว่าพันล้านเหรียญสหรัฐฯ ของพวกเขาไว้ได้</h2>
ใน<a href="https://forbesthailand.com/world/10-%e0%b8%a1%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b9%80%e0%b8%a8%e0%b8%a3%e0%b8%a9%e0%b8%90%e0%b8%b5%e0%b9%82%e0%b8%a5%e0%b8%81-%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%88%e0%b8%b3%e0%b8%9b%e0%b8%b5-2022.html">การจัดอันดับมหาเศรษฐีโลกของ Forbes ครั้งที่ 36</a> ประจำปี 2022 นี้ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีรายชื่อ มหาเศรษฐีไทย ติดอยู่ใน 100 อันดับแรก แต่ประเทศไทยกลับเป็น<a href="https://forbesthailand.com/world/10-%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%97%e0%b8%a8%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%a1%e0%b8%b5%e0%b8%a1%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b9%80%e0%b8%a8%e0%b8%a3%e0%b8%a9%e0%b8%90%e0%b8%b5%e0%b8%a1.html">ประเทศที่มีจำนวนมหาเศรษฐีมากเป็นอันดับที่ 20 ของโลก</a> โดยไทยและอินโดนีเซียเป็นประเทศอาเซียนเพียง 2 ประเทศที่ติดอันดับนี้ โดยในทำเนียบมหาเศรษฐีโลกของ Forbes ในปีนี้มีจำนวนมหาเศรษฐีไทยทั้งหมด 28 คน น้อยกว่าปีที่แล้วที่มีถึง 31 คนด้วยกัน

10 อันดับมหาเศรษฐีไทยมากจากหลากหลายอุตสาหกรรม และหลายคนตกอันดับลงเนื่องจากวิกฤตทางเศรษฐกิจหลากหลายที่ถาโถมเข้ามาเมื่อช่วงปีที่ผ่านมา เช่น ธนินท์ เจียรวนนท์ ผู้นั่งเก้าอี้ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) และผู้มั่งคั่งที่สุดในไทย ร่วงจากอันดับที่ 103 มาอยู่ที่อันดับ 137 อีกทั้งยังเป็นมหาเศรษฐีไทยผู้ที่มีทรัพย์สินลดลงมากที่สุดอีกด้วย โดยจากทรัพย์สินเมื่อปี 2021 ที่มีอยู่ที่ 1.81 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ (6.01 แสนล้านบาท) ลดลงเหลือ 1.35 หมื่นล้านเหรียญ (ราวๆ 4.49 แสนล้านบาท)ในปีนี้

แต่อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าอุตสาหกรรมพลังงาน อุตสาหกรรมการแพทย์ และอุตสาหกรรมการเงินและการลงทุนจะยังคงไปได้สวย โดย สารัชถ์ รัตนาวะดี ซีอีโอแห่งบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เป็นบุคคลที่มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากที่สุดในไทยในปีนี้ โดยเพิ่มขึ้นมาจากปีที่แล้วถึง 2.9 พันล้านเหรียญ หรือราวๆ 9.63 หมื่นล้านบาท จาก 8.9 พันล้านเหรียญ (ราวๆ 2.96 แสนล้านบาท) เมื่อปี 2021 พุ่งขึ้นมาเป็น 1.18 หมื่นล้านเหรียญ (3.92 แสนล้านบาท)

ในขณะเดียวกัน วานิช ไชยวรรณ ที่ปรึกษาคณะกรรมการแห่งบริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ที่ไต่อันดับขึ้นมาได้มากที่สุด โดยจากเดิมที่อยู่อันดับที่ 1,362 ขึ้นมา 411 อันดับ มาเป็นมหาเศรษฐีโลกอันดับที่ 951

ในการจัดอันดับนี้ใช้ราคาหุ้น และอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 11 มีนาคม 2022 ในการคำนวนมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ และเป็นการคำนวนของทาง Forbes สหรัฐอเมริกา
<h3>10 มหาเศรษฐีไทย ประจำทำเนียบ​ ​Forbes ปี 2022</h3>
<img class="alignnone size-full wp-image-61496" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/04/ธนินท์-เจียรวนนท์.jpg" alt="" width="415" height="414" />

อันดับ 1 (อันดับโลก 137)


ธนินท์ เจียรวนนท์

เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี)

ทรัพย์สินสุทธิ: 1.35 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ (4.48 แสนล้านบาท)

ธุรกิจ: หลากหลาย

<img class="alignnone size-full wp-image-61483" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/04/เจริญ-สิริวัฒนภักดี.jpg" alt="" width="415" height="415" />

อันดับ 2 (อันดับโลก 156)


เจริญ สิริวัฒนภักดี

บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)

ทรัพย์สินสุทธิ: 1.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ (3.99 แสนล้านบาท)

ธุรกิจ: เครื่องดื่มและอสังหาริมทรัพย์

<img class="alignnone size-full wp-image-61485" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/04/สารัชถ์-รัตนาวะดี.jpg" alt="" width="415" height="415" />

อันดับ 3 (อันดับโลก 161)


สารัชถ์ รัตนาวะดี

บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)

ทรัพย์สินสุทธิ: 1.18 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ (3.92 แสนล้านบาท)

ธุรกิจ: พลังงาน

<img class="alignnone size-full wp-image-61494" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/04/สุเมธ-เจียรวนนท์.jpg" alt="" width="415" height="414" />

อันดับ 4 (อันดับโลก 509)


สุเมธ เจียรวนนท์

เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี)

ทรัพย์สินสุทธิ: 5.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (1.76 แสนล้านบาท)

ธุรกิจ: หลากหลาย

<img class="alignnone size-full wp-image-61497" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/04/จรัญ-เจียรวนนท์.jpg" alt="" width="414" height="415" />

อันดับ 5 (อันดับโลก 523)


จรัญ เจียรวนนท์

เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี)

ทรัพย์สินสุทธิ: 5.2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (1.72 แสนล้านบาท)

ธุรกิจ: หลากหลาย

<img class="alignnone size-full wp-image-61495" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/04/มนตรี-เจียรวนนท์.jpg" alt="" width="415" height="415" />

อันดับ 6 (อันดับโลก 523)


มนตรี เจียรวนนท์

เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี)

ทรัพย์สินสุทธิ: 5.1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (1.69 แสนล้านบาท)

ธุรกิจ: หลากหลาย

<img class="alignnone size-full wp-image-61486" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/04/สมโภชน์-อาหุนัย.jpg" alt="" width="415" height="415" />

อันดับ 7 (อันดับโลก 536)


สมโภชน์ อาหุนัย

บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)

ทรัพย์สินสุทธิ: 4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (1.33 แสนล้านบาท)

ธุรกิจ: พลังงาน

<img class="alignnone size-full wp-image-61488" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/04/ปราเสริฐ-ปราสาททองโอสถ.jpg" alt="" width="415" height="415" />

อันดับ 8 (อันดับโลก 883)


ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ

บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) (BDMS)

ทรัพย์สินสุทธิ: 3.4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (1.13 แสนล้านบาท)

ธุรกิจ: การแพทย์

<img class="alignnone size-full wp-image-61487" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/04/วานิช-ไชยวรรณ.png" alt="" width="415" height="415" />

อันดับ 9 (อันดับโลก 951)


วานิช ไชยวรรณ

บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)

ทรัพย์สินสุทธิ: 3.2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (1.06 แสนล้านบาท)

ธุรกิจ: ประกันชีวิต

<img class="alignnone size-full wp-image-61484" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/04/ชูชาติ-เพ็ชรอำไพ-และ-ดาวนภา-เพชรอำไพ.jpg" alt="" width="415" height="415" />

อันดับ 10 (อันดับโลก 1238)


ชูชาติ เพ็ชรอำไพ และ ดาวนภา เพชรอำไพ

บริษัท เมืองไทย เเคปปิตอล จำกัด (มหาชน)

ทรัพย์สินสุทธิ: 2.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (8.31 หมื่นล้านบาท)

ธุรกิจ: การเงิน
อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/video/%e0%b8%98%e0%b8%99%e0%b8%b4%e0%b8%99%e0%b8%97%e0%b9%8c-%e0%b9%80%e0%b8%88%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%a3%e0%b8%a7%e0%b8%99%e0%b8%99%e0%b8%97%e0%b9%8c-100-%e0%b8%9b%e0%b8%b5-cp-vdo.html">ธนินท์ เจียรวนนท์ “100 ปีธุรกิจซีพี” สร้างคน สร้างธุรกิจแห่งโลกตะวันออก ครองตลาดโลกด้วยนวัตกรรม (Video)</a>


<hr />
<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

10 มหาเศรษฐีไทย ประจำทำเนียบ​ ​Forbes ปี 2022

"4 มหาเศรษฐีไทยเด่น" จาก การจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีไทย ประจำปี 2564

<h2>Forbes.com เผยการจัดอันดับ 50 อภิมหาเศรษฐีไทย ประจำปี 2564 โดย 10 อันดับของอภิมหาเศรษฐีไทยประจำปีนี้ มีรายชื่อดังต่อไปนี้</h2>
10 อันดับ อภิมหาเศรษฐีไทย ประจำปี 2564

<img class="alignnone size-full wp-image-47900" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/07/01-ครอบครัวเจียรวนนท์.jpg" alt="" width="400" height="400" />

อันดับ 1
พี่น้องเจียรวนนท์

การเปลี่ยนแปลงอันดับ: อันดับคงที่
แหล่งที่มาทรัพย์สิน: อาหาร
มูลค่าทรัพย์สิน: 9.48 แสนล้านบาท (เพิ่มขึ้น)

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-47901" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/07/02-เฉลิม-อยู่วิทยา.jpg" alt="" width="400" height="400" />

อันดับ 2 
เฉลิม อยู่วิทยา และครอบครัว

การเปลี่ยนแปลงอันดับ: อันดับคงที่
แหล่งที่มาทรัพย์สิน: เครื่องดื่ม
มูลค่าทรัพย์สิน: 7.69 แสนล้านบาท

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-47902" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/07/03-เจริญ-สิริวัฒนภักดี.jpg" alt="" width="400" height="400" />

อันดับ 3 
เจริญ สิริวัฒนภักดี

การเปลี่ยนแปลงอันดับ: อันดับคงที่
แหล่งที่มาทรัพย์สิน: เครื่องดื่มและอสังหาริมทรัพย์
มูลค่าทรัพย์สิน: 3.98 แสนล้านบาท (เพิ่มขึ้น)

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-47903" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/07/04-ตระกูลจิราธิวัฒน์.jpg" alt="" width="400" height="400" />

อันดับ 4 
ตระกูลจิราธิวัฒน์

การเปลี่ยนแปลงอันดับ: อันดับคงที่
แหล่งที่มาทรัพย์สิน: ค้าปลีก
มูลค่าทรัพย์สิน: 3.64 แสนล้านบาท (เพิ่มขึ้น)

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-47914" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/07/สารัชต์-รัตนวะดี.jpg" alt="" width="400" height="400" />

อันดับ 5 
สารัชถ์ รัตนาวะดี

การเปลี่ยนแปลงอันดับ: อันดับคงที่
แหล่งที่มาทรัพย์สิน: พลังงาน
มูลค่าทรัพย์สิน: 2.79 แสนล้านบาท (เพิ่มขึ้น)

&nbsp;

<img class="alignnone wp-image-47906" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/07/8.ตระกูลโอสถานุเคราะห์-โอสถสภา.jpg" alt="" width="400" height="400" />

อันดับ 6 
ตระกูลโอสถานุเคราะห์

การเปลี่ยนแปลงอันดับ: ขึ้นจากอันดับ 8
แหล่งที่มาทรัพย์สิน: เครื่องดื่ม
มูลค่าทรัพย์สิน: 1.09 แสนล้านบาท (เพิ่มขึ้น)

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-47913" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/07/สมโภชน์-อาหุนัย.jpg" alt="" width="400" height="400" />

อันดับ 7 
สมโภชน์ อาหุนัย และครอบครัว

การเปลี่ยนแปลงอันดับ: ขึ้นจากอันดับ 18
แหล่งที่มาทรัพย์สิน: พลังงาน
มูลค่าทรัพย์สิน: 1.03 แสนล้านบาท (เพิ่มขึ้น)

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-47909" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/07/ปราเสริฐ-ปราสาททองโอสถ.jpg" alt="" width="400" height="400" />

อันดับ 8
นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ

การเปลี่ยนแปลงอันดับ: ขึ้นจากอันดับ 11
แหล่งที่มาทรัพย์สิน: การแพทย์
มูลค่าทรัพย์สิน: 1.02 แสนล้านบาท (เพิ่มขึ้น)

&nbsp;

<img class="alignnone wp-image-47905" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/07/7.ประจักษ์-ตั้งคารวคุณ-01-ทีโอเอ-เพ้นท์-ประเทศไทย.jpg" alt="" width="400" height="400" />

อันดับ 9
ประจักษ์ ตั้งคารวคุณ และครอบครัว
การเปลี่ยนแปลงอันดับ: ลงจากอันดับ 7
แหล่งที่มาทรัพย์สิน: สีทาอาคาร
มูลค่าทรัพย์สิน: 1 แสนล้านบาท (ทรงตัว)

&nbsp;

<img class="alignnone wp-image-47908" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/07/10.ชูชาติ-เพ็ชรอำไพ-และ-ดาวนภา-เพชรอำไพ-เมืองไทย-แคปปิตอล-01.jpg" alt="" width="400" height="400" />

อันดับ 10
ชูชาติ เพ็ชรอำไพ และ ดาวนภา เพชรอำไพ

การเปลี่ยนแปลงอันดับ: อันดับคงที่
แหล่งที่มาทรัพย์สิน: การเงิน
มูลค่าทรัพย์สิน: 9.42 หมื่นล้านบาท (เพิ่มขึ้น)

หมายเหตุ: คำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยนวันที่ 18 มิถุนายน 2564 ที่ 1 เหรียญสหรัฐฯ : 31.40 บาท
&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-48014" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/07/Thai-richest-01-001.jpg" alt="" width="600" height="625" />

หมายเหตุ: อภิมหาเศรษฐี อันดับที่ 2, 7 และ 9 มีการอัปเดตข้อมูลโดยเพิ่ม “และครอบครัว” ซึ่งเป็นไปตามการนำเสนอข้อมูลจาก Forbes.com

<hr />

<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

10 อันดับ อภิมหาเศรษฐีไทย ประจำปี 2564

ทรัพย์สินมหาเศรษฐี "พลังงาน" ของไทยเพิ่มขึ้น แม้เศรษฐกิจโลกซบเซา

<h2>หลังความมั่งคั่งทะยานขึ้นเมื่อปีที่ผ่านมา กลุ่มบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดของไทยเผชิญจุดสะดุดในปี 2562 เนื่องจากครึ่งหนึ่งของผู้ที่ติดทำเนียบ 50 บุคคลร่ำรวยที่สุดในประเทศไทยมีทรัพย์สินลดลง รวมถึงมหาเศรษฐี 4 อันดับแรก</h2>
ความไม่แน่นอนก่อนการเลือกตั้งเดือนมีนาคมของไทย มีส่วนบั่นทอนบรรยากาศความเชื่อมั่น ฉุดค่าเงินบาท และดึงดัชนีตลาดหุ้นไทยร่วงลง 7% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิโดยรวมของมหาเศรษฐีในทำเนียบปรับตัวลงเล็กน้อยไปอยู่ที่ 1.605 แสนล้านเหรียญ (ประมาณ 5.14 ล้านล้านบาท) จากเมื่อปีที่แล้วที่ 1.62 แสนล้านเหรียญ

มหาเศรษฐีไทย 4 อันดับแรกต่างมูลค่าความมั่งคั่งลดลง โดย พี่น้องตระกูลเจียรวนนท์ แห่งเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ยังคงรั้งอันดับ 1 ด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 2.95 หมื่นล้านเหรียญ (9.41 แสนล้านบาท) ลดลงเล็กน้อยจาก 3 หมื่นล้านเหรียญเมื่อปีที่แล้ว หลังดำรงตำแหน่ง ประธานกรรมการ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จากัด (มหาชน) (ซีพีเอฟ) มานาน 25 ปี ธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสแห่งซีพี ประกาศลงจากตำแหน่งซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทเรือธงของกลุ่มเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา แต่ธนินท์ยังคงนั่งเก้าอี้ประธานกรรมการ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินการเครือข่ายร้าน 7-Eleven ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ขณะที่อันดับ 2 เป็นของ ตระกูลจิราธิวัฒน์ แห่งกลุ่มเซ็นทรัล ที่มีทรัพย์สินสุทธิ 2.1 หมื่นล้านเหรียญ (6.70 แสนล้านบาท) แทบไม่เปลี่ยนแปลงจากปีที่แล้วที่ 2.12 หมื่นล้านเหรียญ ด้าน เฉลิม อยู่วิทยา แห่งกระทิงแดงยังคงอยู่ในอันดับที่ 3 แม้ความมั่งคั่งลดลงมาอยู่ที่ 1.99 หมื่นล้านเหรียญ (6.35 แสนล้านบาท) จาก 2.1 หมื่นล้านเหรียญในปีก่อนหน้า และ เจริญ สิริวัฒนภักดี แห่งกลุ่มไทยเบฟเวอเรจ ครองอันดับ 4 ด้วยทรัพย์สินมูลค่า 1.62 หมื่นล้านเหรียญ (5.17 แสนล้านบาท) ลดลง 1.2 พันล้านเหรียญ จาก 1.74 หมื่นล้านเหรียญ ในปี 2561

อย่างไรก็ตาม 1 ใน 3 ของมหาเศรษฐีที่มีรายชื่อปรากฏอยู่ในทำเนียบปีนี้ มีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา โดยผู้ที่มั่งคั่งเพิ่มขึ้นมากที่สุดในปีนี้คือ สารัชถ์ รัตนาวะดี นักธุรกิจใหญ่ด้านพลังงาน ซึ่งทรัพย์สินทะยานขึ้น 1.8 พันล้านเหรียญ (5.74 หมื่นล้านบาท) ไปอยู่ที่ 5.2 พันล้านเหรียญ (1.66 แสนล้านบาท) ส่งผลให้เขาคว้าตาแหน่งท็อป 5 มาได้เป็นครั้งแรก หุ้นของเขาในบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จากัด (มหาชน) (GULF) พุ่งขึ้น 57% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากโครงการโรงไฟฟ้าใหม่เริ่มดำเนินการแล้ว และรายได้ของบริษัทเมื่อปี 2561 เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่า ไปอยู่ที่ 628 ล้านเหรียญ (2.02 หมื่นล้านบาท)

มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยขึ้นมาอย่างโดดเด่นอีกรายคือ ตระกูลโอสถานุเคราะห์ (อันดับ 8, 3 พันล้านเหรียญ) มีทรัพย์สินสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 2.3 พันล้านเหรียญเมื่อปีที่แล้ว หลังจากได้นำเอาบริษัท โอสถสภา ผู้ผลิตเครื่องดื่มชูกำลังอายุ 128 ปี เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อเดือนตุลาคม 2561 ภายใต้การบริหารของ เพชร โอสถานุเคราะห์ นักสะสมงานศิลปะตัวยงและอดีตนักร้องเพลงป๊อป บริษัทโอสถสภาก่อตั้งขึ้นโดยปู่ทวดของเขา ที่เริ่มต้นจากร้านขายยาสมุนไพรเล็กๆ

<a href="http://forbesthailand.com/forbes-lists/thailand-richest"><img class="alignnone size-full wp-image-7302" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/05/ลิงก์-คลิก-อ่าน-01.jpg" alt="" width="638" height="314" /></a>

สำหรับในปีนี้ มีมหาเศรษฐีหน้าใหม่อีก 4 ราย ได้แก่ ชัยวัฒน์ แต้ไพสิฐพงษ์ (อันดับ 23, 1.8 พันล้านเหรียญ) ประธานเครือเบทาโกร บริษัทอาหารและอุตสาหกรรมเกษตร อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา (อันดับ 6, 4.7 พันล้านเหรียญ) วัย 33 ปี ซึ่งอายุน้อยที่สุดในทำเนียบ ได้สืบทอดตำแหน่งต่อจากบิดาผู้ล่วงลับ วิชัย ศรีวัฒนประภา ขึ้นเป็นซีอีโอ คิง เพาเวอร์ บริษัทยักษ์ใหญ่ผู้ดาเนินธุรกิจร้านค้าปลอดอากร

ด้าน ชาติศิริ โสภณพนิช (อันดับ 29, 1.1 พันล้านเหรียญ) กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพ ปรากฏชื่อในทำเนียบเป็นครั้งแรก หลังจากที่ ชาตรี โสภณพนิช ผู้เป็นพ่อเสียชีวิตในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ส่วนตระกูลมาลีนนท์ (อันดับ 47, 600 ล้านเหรียญ) แห่งบริษัทสื่อ บีอีซีเวิลด์ ก้าวเข้ามาเป็นหน้าใหม่ในทำเนียบเช่นกัน

ในบรรดา 4 มหาเศรษฐีที่กลับเข้าสู่ทำเนียบอีกครั้งรวมถึง ประชัย เลี่ยวไพรัตน์ (อันดับ 45, 640 ล้านเหรียญ) หวนคืนตำแหน่งหลังหยุดชะงักไป 5 ปี ทีพีไอ โพลีน บริษัทผลิตซีเมนต์และคอนกรีตของเขา กลับมาทำกำไรได้ 45 ล้านเหรียญในปี 2561 ซึ่งช่วยดันให้หุ้นบริษัทปรับขึ้น 14% เมื่อปีที่แล้วมูลค่าทรัพย์สินขั้นต่ำในการจัดอันดับปีนี้อยู่ที่ 565 ล้านเหรียญ ลดลงจาก 600 ล้านเหรียญเมื่อปีที่แล้ว
<h2></h2>
<h2>รายชื่อตระกูลและอภิมหาเศรษฐี 10 อันดับแรกของไทย</h2>
<img class="alignnone size-full wp-image-7290" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/05/01-พี่น้องเจียรวนนท์.jpg" alt="" width="500" height="500" />
อันดับ1
พี่น้องเจียรวนนท์ (อันดับคงที่)
แหล่งที่มา: เครือเจริญโภคภัณฑ์
มูลค่าทรัพย์สิน: 2.95 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ / 9.41 แสนล้านบาท (มูลค่าทรัพย์สินลดลง)

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-7291" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/05/02-ตระกูลจิราธิวัฒน์.jpg" alt="" width="500" height="500" />
อันดับ2
ตระกูลจิราธิวัฒน์ (อันดับคงที่)
แหล่งที่มา: กลุ่มเซ็นทรัล
มูลค่าทรัพย์สิน: 2.1 หมื่นล้านเหรียญ / 6.70 แสนล้านบาท (มูลค่าทรัพย์สินลดลง)

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-7292" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/05/03-อยู่วิทยา.jpg" alt="" width="500" height="500" />
อันดับ3
เฉลิม อยู่วิทยา (อันดับคงที่)
อายุ: 68 ปี
แหล่งที่มา: กระทิงแดง
มูลค่าทรัพย์สิน: 1.99 หมื่นล้านเหรียญ / 6.35 แสนล้านบาท (มูลค่าทรัพย์สินลดลง)

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-7293" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/05/04-เจริญ-สิริวัฒนภักดี.jpg" alt="" width="500" height="500" />
อันดับ4
เจริญ สิริวัฒนภักดี (อันดับคงที่)
อายุ: 75 ปี
แหล่งที่มา: ไทยเบฟเวอเรจ
มูลค่าทรัพย์สิน: 1.62 หมื่นล้านเหรียญ / 5.17 แสนล้านบาท (มูลค่าทรัพย์สินลดลง)

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-7294" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/05/05-สารัชถ์-รัตนาวะดี.jpg" alt="" width="500" height="500" />
อันดับ5
สารัชถ์ รัตนาวะดี (ขึ้นจากอันดับ 7)
อายุ: 53 ปี
แหล่งที่มา: กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์
มูลค่าทรัพย์สิน: 5.2 พันล้านเหรียญ / 1.66 แสนล้านบาท (มูลค่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้น)

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-7295" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/05/06-อัยยวัฒน์-ศรีวัฒนประภา.jpg" alt="" width="500" height="500" />
อันดับ6
อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา (ติดอันดับใหม่)
อายุ: 33 ปี
แหล่งที่มา: คิง เพาเวอร์
มูลค่าทรัพย์สิน: 4.7 พันล้านเหรียญ / 1.50 แสนล้านบาท (ติดอันดับใหม่)

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-7296" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/05/07-ปราเสริฐ-ปราสาททองโอสถ.jpg" alt="" width="500" height="500" />
อันดับ7
นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ (ขึ้นจากอันดับ 8)
อายุ: 86 ปี
แหล่งที่มา: กรุงเทพดุสิตเวชการ
มูลค่าทรัพย์สิน: 3.4 พันล้านเหรียญ / 1.08 แสนล้านบาท (มูลค่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้น)

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-7297" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/05/08-เพชร-โอสถานุเคราะห์.jpg" alt="" width="500" height="500" />
อันดับ8
ตระกูลโอสถานุเคราะห์ (ขึ้นจากอันดับ 12)
แหล่งที่มา: โอสถสภา
มูลค่าทรัพย์สิน: 3 พันล้านเหรียญ / 9.57 หมื่นล้านบาท (มูลค่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้น)

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-7298" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/05/09-วานิช-ไชยวรรณ.jpg" alt="" width="500" height="500" />
อันดับ9
วานิช ไชยวรรณ (ขึ้นจากอันดับ 10)
อายุ: 87
แหล่งที่มา: ไทยประกันชีวิต
มูลค่าทรัพย์สิน: 2.85 พันล้านเหรียญ / 9.09 หมื่นล้านบาท (มูลค่าทรัพย์สินลดลง)

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-7299" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/05/10-สมโภชน์-อาหุนัย.jpg" alt="" width="500" height="500" />
อันดับ10
สมโภชน์ อาหุนัย (ขึ้นจากอันดับ 18)
อายุ: 51 ปี
แหล่งที่มา: พลังงานบริสุทธิ์
มูลค่าทรัพย์สิน: 2.83 พันล้านเหรียญ / 9.03 หมื่นล้านบาท (มูลค่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้น)

&nbsp;

การจัดอันดับนี้ใช้ข้อมูลทางการเงินและการถือครองหุ้น ที่ได้รับมาจากทางครอบครัวและปัจเจกบุคคล ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ นักวิเคราะห์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและหน่วยงานกากับดูแลหลายแห่ง รวมถึงทรัพย์สินของครอบครัวและทรัพย์สินที่ถือครองโดยสมาชิกครอบครัวในหลายรุ่น ทั้งนี้ มูลค่าทรัพย์สินในบริษัทมหาชนคำนวณจากราคาหุ้นและอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 26 เมษายน ส่วนทรัพย์สินในบริษัทที่ถือครองส่วนตัวประเมินค่าโดยเปรียบเทียบกับบริษัทที่ดาเนินธุรกิจเดียวกันที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

<img class="alignleft wp-image-7287 size-full" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/05/info-10-thailand-list-080519FF.jpg" alt="" width="1500" height="1512" />

การจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีไทย ประจำปี 2562

นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับ พฤษภาคม 2561 เผยทำเนียบ '50 อภิมหาเศรษฐีไทยประจำปี 2561' จากการจัดอันดับโดยนิตยสาร FORBES ปีนี้มูลค่าทรัพย์สินรวมของอภิมหาเศรษฐีไทยทะลุหลัก 5 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นหนึ่งในสามจากปีที่แล้ว โดยผู้ที่ติดทำเนียบ 50 บุคคลร่ำรวยที่สุดในประเทศไทย มีถึงสองในสามที่มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น เฉพาะสี่อันดับแรกมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นรวมกันเกือบ 7.81 แสนล้านบาท โดย พี่น้องตระกูลเจียรวนนท์ แห่งเครือเจริญโภคภัณฑ์ยังคงครองอันดับ 1 และขอต้อนรับ สารัชถ์ รัตนาวะดี CEO บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ มหาเศรษฐีหน้าใหม่ที่ติดอันดับความมั่งคั่งเป็นครั้งแรกในอันดับที่ 7 สำหรับรายชื่อ 10 อันดับอภิมหาเศรษฐีไทยประจำปี 2561 เปลี่ยนแปลงอย่างไรร่วมติดตาม

&nbsp;
<h2>10 อันดับอภิมหาเศรษฐีไทยประจำปี 2561</h2>
&nbsp;

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/dada6d3b44ac268ef9d3ec26cd7737a0.png" alt="" />

อันดับที่1 (อันดับคงที่)
ตระกูลเจียรวนนท์
เครือเจริญโภคภัณฑ์
มูลค่าทรัพย์สิน: 9.377 แสนล้านบาท

&nbsp;

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/70e10293eef5c45297119a5e65c2368d.png" alt="" />

อันดับที่2 (ปรับจากอันดับ3 ในปี 2560)
ครอบครัวจิราธิวัฒน์
เครือเซ็นทรัล
มูลค่าทรัพย์สิน: 6.627 แสนล้านบาท

&nbsp;

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/e19d6e1c1e047535f97c44dab9874b4a.png" alt="" />

อันดับที่3 (ปรับจากอันดับ4 ในปี 2560)
เฉลิม อยู่วิทยา
กระทิงแดง
มูลค่าทรัพย์สิน: 6.564 แสนล้านบาท

&nbsp;

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/56f3c3705920660a59686dc417ac9f28.png" alt="" />

อันดับที่4  (ปรับจากอันดับ2 ในปี 2560)
เจริญ สิริวัฒนภักดี
ไทยเบฟเวอเรจ
มูลค่าทรัพย์สิน: 5.439 แสนล้านบาท

&nbsp;

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/ada96019e42f53834ea71c51f7ee815d.png" alt="" />

อันดับที่5 (อันดับคงที่)
วิชัย ศรีวัฒนประภา
คิงเพาเวอร์
มูลค่าทรัพย์สิน: 1.625 แสนล้านบาท

&nbsp;

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/46967eebe9d2845561080287d2ca1cd9.png" alt="" />

อันดับที่6 (อันดับคงที่)
กฤตย์ รัตนรักษ์
กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ
มูลค่าทรัพย์สิน: 1.157 แสนล้านบาท

&nbsp;

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/13f01e0a40491785d648b314790daad3.png" alt="" />

อันดับที่7  (ติดอันดับเป็นครั้งแรก)
สารัชถ์ รัตนาวะดี
กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์
มูลค่าทรัพย์สิน: 1.063 แสนล้านบาท

&nbsp;

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/f95c9f3f4af4df9c1acaeae116797d07.png" alt="" />

อันดับที่8 (อันดับคงที่)
นายแพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ
กรุงเทพดุสิตเวชการ
มูลค่าทรัพย์สิน: 1.047 แสนล้านบาท

&nbsp;

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/5c8e739215cbca46596a1ec50e37e3f1.png" alt="" />

อันดับที่ 9 (ปรับจากอันดับ10 ในปี 2560)
Aloke Lohia
อินโดรามา เวนเจอร์ส
มูลค่าทรัพย์สิน: 1.032 แสนล้านบาท

&nbsp;

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/060a8683fd7a7e35e90ecf8bd44a38c9.png" alt="" />

อันดับที่10 (ปรับจากอันดับ7 ในปี 2560)
วานิช ไชยวรรณ
ไทยประกันชีวิต
มูลค่าทรัพย์สิน: 9.377 หมื่นล้านบาท

&nbsp;

*ในการคำนวณมูลค่าทรัพย์สินเราใช้ราคาปิด และอัตราแลกเปลี่ยนของวันที่ 20 เมษายน 2561 เป็นเกณฑ์
ขอบคุณภาพจากเครือ Bangkok Post

10 อันดับอภิมหาเศรษฐีไทยประจำปี 2561 จากการจัดอันดับโดย FORBES

<h2>FORBES เพิ่งเปิดเผย <a href="http://forbesthailand.com/pr-detail.php?did=2420">รายชื่อ 50 อันดับเศรษฐีไทยประจำปี 2561</a> และหนึ่งในรายชื่อเศรษฐีหน้าใหม่ที่เข้ามาติดอันดับเป็นครั้งแรกคือ สารัชถ์ รัตนาวะดี ซีอีโอ บมจ. กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) แม้จะเป็นปีแรกที่เขาเข้าสู่ทำเนียบ แต่ก็พุ่งแรงขึ้นมาอยู่ในอันดับ 7 ผู้ร่ำรวยที่สุดของไทย </h2>
สาเหตุสำคัญที่ทำให้ สารัชถ์ ขึ้นมาติดอันดับเป็นครั้งแรก เพราะ กัลฟ์ เอ็นเนอร์จีฯ เพิ่งเปิดขายหุ้นไอพีโอไปเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2560 ถือเป็นมูลค่าหุ้นไอพีโอที่สูงสุดที่สุดในรอบ 11 ปีที่มูลค่าเกือบ 2.4 หมื่นล้านบาท

ในขณะที่ สารัชถ์ แม้หลังเปิดขายไอพีโอแล้วก็ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นหลักของ กัลฟ์ เอ็นเนอร์จีฯ ด้วยสัดส่วนทั้งในนามส่วนตัวและถือในนามบริษัทราว 72% ส่งให้ชื่อของสารัชถ์เศรษฐีวัย 52 ปีติดอันดับ 7 ในทำเนียบบุคคลที่รวยที่สุดของไทยปี 2561 ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 1.063 แสนล้านบาท จัดอันดับโดยนิตยสาร FORBES

ซีอีโอสารัชถ์เป็นลูกเขยของ รักษ์ ตันติสุนทร อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เขาจบการศึกษาปริญญาตรีจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และปริญญาโทสาขาวิศวกรรมศาสตร์ จาก University of Southern California

ด้าน กัลฟ์ เอ็นเนอร์จีฯ อ้างอิงตามหนังสือชี้ชวนลงทุนของบริษัทระบุว่าก่อตั้งขึ้นในปี 2554 แต่ก่อนหน้านี้กลุ่มกัลฟ์เริ่มลงทุนด้านพลังงานไฟฟ้ามาตั้งแต่ 20 ปีก่อน โดยปัจจุบันยังมีบริษัทย่อยอยู่ภายใต้กัลฟ์ เอ็นเนอร์จีฯ เช่น บริษัท กัลฟ์ เอ็มพี จำกัด (GMP) บริษัท อินดิเพนเดนท์ พาวเวอร์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (IPP) บริษัท กัลฟ์ โซล่าร์ จำกัด (Gulf Solar) เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีบริษัทร่วมทุนญี่ปุ่น ในนาม บริษัท กัลฟ์ เจพี จำกัด (GJP) โดยกัลฟ์ เอ็นเนอร์จีฯ มีโรงไฟฟ้าทั้งที่ผลิตจากก๊าซธรรมชาติและพลังงานแสงอาทิตย์

เมื่อรวมทุกบริษัทย่อยและบริษัทร่วมทุนภายใต้เครือข่ายของกัลฟ์ เอ็นเนอร์จีฯ พวกเขามีโรงไฟฟ้ารวม 28 โครงการ และมีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งรวม 11,125.6 เมกะวัตต์ นับเป็นผู้ผลิตพลังงานไฟฟ้ารายใหญ่อันดับ 3 ของประเทศ

&nbsp;

ที่มาจาก:
<ul>
 	<li><a href="https://gulf.listedcompany.com/ipo/">บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด</a></li>
 	<li><a href="https://www.forbes.com/profile/sarath-ratanavadi/">Forbes Asia</a></li>
 	<li><a href="http://capital.sec.or.th/webapp/corp_fin/datafile/56/20130977t18.pdf">สำนักงาน ก.ล.ต.</a></li>
 	<li><a href="http://www.naewna.com/business/307425">หนังสือพิมพ์แนวหน้า</a></li>
 	<li><a href="http://www.thaiday.com/mgrWeekly/ViewNews.aspx?NewsID=9540000030949">ผู้จัดการรายสัปดาห์</a></li>
</ul>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events