<h2>เครือสหพัฒน์ โดย “บมจ. สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง” จัดพิธีลงนามบันทึกร่วมลงทุนกับ “กลุ่มบริษัท Zhen Ding Tech” ผู้ออกแบบ ค้นคว้าวิจัย พัฒนา ผลิตและจำหน่ายแผงวงจร (Printed Circuit Board หรือ PCB) รายใหญ่อันดับ 1 ของโลก เดินหน้าปักหมุดลงทุนตั้งโรงงานผลิตและจำหน่ายแผงวงจรพิมพ์ในพื้นที่สวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี วางเป้าผลักดันไทยเป็นฐานการผลิต PCB ที่สำคัญในภูมิภาคอาเซียน</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;วิชัย กุลสมภพ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPI เปิดเผยว่า เครือสหพัฒน์ โดยบริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางธุรกิจกับกลุ่มบริษัท Zhen Ding Tech ตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อดำเนินธุรกิจพัฒนาผลิตและจำหน่ายแผงวงจรพิมพ์ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงหลายชั้น (Multi-layer PCB)​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/12/RnmgYbrDd8QSRNuCwQ61.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="RnmgYbrDd8QSRNuCwQ61.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยเริ่มก่อสร้างโรงงานในสวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์กบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี เมื่อเดือนธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งเครือสหพัฒน์หวังว่าการขยายการลงทุนของกลุ่มบริษัท Zhen Ding Tech ดังกล่าว จะเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้ประเทศไทยมีสัดส่วนการผลิต PCB ในตลาดโลกเพิ่มขึ้น เป็นฐานการผลิต PCB ที่สำคัญในภูมิภาคอาเซียน สร้างโอกาสการจ้างงานที่มีคุณภาพ และเกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีขั้นสูงที่ใช้ในกระบวนการผลิตมายังประเทศไทย รวมทั้งสร้างโอกาสการดึงดูดผู้ประกอบการรายใหญ่ในห่วงโซ่อุปทานให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยได้เพิ่มเติมในอนาคต&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“สำหรับการร่วมทุนระหว่างเครือสหพัฒน์ และกลุ่มบริษัท Zhen Ding Tech ในครั้งนี้ เครือสหพัฒน์คาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าการลงทุนเข้าสู่ประเทศไทยประมาณ 10,000 ล้านบาทในเฟสแรก และมากกว่า 50,000 ล้านบาท ภายในปี 2573 โดยอุตสาหกรรม PCB เป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมเป้าหมายที่รัฐบาลส่งเสริม และได้รับการสนับสนุนจาก BOI (The Board of Investment of Thailand)” วิชัยกล่าวเสริม​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/12/7mD2qkf6eGZ1517YBdLN.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="7mD2qkf6eGZ1517YBdLN.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"><figcaption>วิชัย กุลสมภพ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)</figcaption></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ชาร์ล เสิ่น ประธานกลุ่มบริษัท Zhen Ding Tech โดย บริษัท Zhen Ding Technology Holding Limited กล่าวว่า กลุ่ม Zhen Ding Tech เล็งเห็นศักยภาพของประเทศไทย และมีความเชื่อมั่นที่ได้ร่วมมือทางธุรกิจกับเครือสหพัฒน์ พร้อมที่จะเข้ามาขยายการลงทุนสร้างความเติบโต ผลักดันธุรกิจให้เป็นไปตามเป้าหมาย นับเป็นโอกาสเติบโตที่ยิ่งใหญ่เพราะ PCB ถือเป็นส่วนประกอบสำคัญในสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิด​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/12/ZkvNseVT35hbkmwYBFUe.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="ZkvNseVT35hbkmwYBFUe.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2"><figcaption><div>ชาร์ล เสิ่น ประธานกลุ่มบริษัท Zhen Ding Tech</div></figcaption></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปัจจุบันกลุ่มบริษัท Zhen Ding Tech เป็นผู้ดำเนินธุรกิจออกแบบ ค้นคว้าวิจัย พัฒนา ผลิตและจำหน่ายแผงวงจร (Printed Circuit Board, PCB) รายใหญ่อันดับ 1 ของโลก หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 7 มีฐานการผลิตที่สำคัญ 6 แห่งตั้งอยู่ในเมือง Shenzhen เมือง Huai-an เมืองฉินหวงเต่า Qinhuangdao เขต Taoyuan และ Kaohsiung และเมือง Chennai ทางตอนใต้ของอินเดีย โดยคาดว่าภายในปี 2573 ส่วนแบ่งทางการตลาดของกลุ่มบริษัท Zhen Ding Tech จะเพิ่มขึ้นเท่ากับร้อยละ 10 ของตลาดทั้งหมด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;วิชัยกล่าวเพิ่มเติมว่า “เครือสหพัฒน์มีความพร้อมในการร่วมมือกับพันธมิตรที่มีความตั้งใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทย เรามีที่ดินเพียงพอ มีเครือข่ายที่พร้อมช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างรวดเร็วและดูแลครบวงจร ครอบคลุม 4 ทำเลยุทธศาสตร์ได้แก่ 1.อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี 2.อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี 3.อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน 4.อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ซึ่งการลงทุนครั้งนี้ใช้ที่ดินกว่า 300 ไร่ เป็นการเปิดประตูเข้าสู่อุตสาหรรมใหม่และเป็นอีกก้าวย่างที่สำคัญในการปูรากฐานสู่อนาคต ให้กับบริษัทในเครือสหพัฒน์เข้าสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ที่เน้นเทคโนโลยี สร้างงานที่พัฒนาทักษะด้านวิศวกรรมมากกว่าหนึ่งพันตำแหน่ง เชื่อว่าการขยายการลงทุนภายใต้แนวความคิด ECO-TECH INDUSTRIAL PARK นอกจากจะเป็นประโยชน์โดยตรงต่อชุมชนแล้วยังส่งผลช่วยยกระดับขีดความสามาถในการแข่งขันให้กับอุตสาหกรรมในประเทศอีกด้วย เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/other/news/bgrim-angthong-3" alt="บี.กริม เพาเวอร์ ลุย COD โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม อ่างทอง 3 รุกขายไฟฟ้าให้ กฟผ. และลูกค้าอุตสาหกรรม">บี.กริม เพาเวอร์ ลุย COD โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม อ่างทอง 3 รุกขายไฟฟ้าให้ กฟผ. และลูกค้าอุตสาหกรรม</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

SPI บริษัทในเครือสหพัฒน์ ปิดดีลหมื่นล้านท้ายปี ร่วมลงทุนสร้างโรงงานผลิตแผงวงจรในไทย

&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เครือสหพัฒน์ โดย “สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง” ลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกับ “เอ็มทีเอส โกลด์” ต่อยอดโอกาสทางธุรกิจ ร่วมพัฒนาแพลตฟอร์มการลงทุนซื้อ-ขาย ทองคำ ในรูปแบบดิจิทัล โกลด์ เซฟวิ่ง (Digital Gold Saving) ยกระดับอุตสาหกรรมการลงทุนทองคำสู่ Digital Economy <div class="se-component se-image-container __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/06/KD5WFhQ9EVHQmKRaeR9L.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="KD5WFhQ9EVHQmKRaeR9L.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;พิภพ โชควัฒนา กรรมการบริหาร บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPI เปิดเผยว่า เครือสหพัฒน์ โดย บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางธุรกิจ กับ บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด โดยมีการพัฒนาแพลตฟอร์มการลงทุนซื้อ-ขาย ทองคำ ในรูปแบบดิจิทัล โกลด์ เซฟวิ่ง (Digital Gold Saving) ซึ่งแพลตฟอร์ม ดังกล่าว จะช่วยให้ลูกค้า คู่ค้า และบริษัทในเครือสหพัฒน์ เข้าถึงการลงทุนในทองได้อย่างมีประสิทธิภาพ นับเป็นการส่งเสริมและเพิ่มศักยภาพการซื้อ ขาย แลกเปลี่ยนทองคำให้นักลงทุนไทยได้มีโอกาสเข้าถึงตลาดทองคำมากขึ้น ไม่ว่าจะตลาดในประเทศหรือต่างประเทศ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ในรายละเอียดการดำเนินการ SPI และ MTS จะร่วมกันพัฒนาระบบ Digital Gold Saving ซึ่งมีบล็อกเชนเป็นโครงสร้างพื้นฐานและมี เอ็มทีเอส โกลด์ เป็นผู้จัดหาทองคำ ในระบบ Digital Gold Saving โดยให้บริการแก่ ลูกค้า คู่ค้า และบริษัทในเครือสหพัฒน์ อาทิ แคมเปญแจกทองคำ เป็นต้น​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/06/SDEyP5zCUQoHBuvur3Am.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="SDEyP5zCUQoHBuvur3Am.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“นับเป็นโอกาสอันดีที่ทั้ง 2 องค์กร ได้แก่ เครือสหพัฒน์ โดย SPI และ เอ็มทีเอส โกลด์ ได้มีความร่วมมือกันต่อยอดทางธุรกิจภายใต้ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางของทั้งสององค์กร ซึ่งเป็นการเสริมสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับทั้งสองฝ่ายได้เติบโตและแข็งแกร่งมากขึ้น” นายพิภพ กล่าว​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/06/zxqfSzXc7hVbMR6qXMTr.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="zxqfSzXc7hVbMR6qXMTr.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้านณัฐพงศ์ หิรัณยศิริ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก กล่าวว่า “เอ็มทีเอส โกลด์” เป็นผู้นำด้านทองคำครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ บริษัท ฯ ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เครือสหพัฒน์ โดยบริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPI องค์กรชั้นนำในธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคที่อยู่คู่ประเทศไทยมาอย่างยาวนาน ได้ร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ซึ่งเราร่วมกันพัฒนาช่องทางการลงทุนให้เข้าถึงนักลงทุนทุกระดับ เพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถซื้อขาย และลงทุนทองคำ ที่ได้มาตรฐานระดับสากล โดยมุ่งเน้นการพัฒนาแพลตฟอร์มให้ทันสมัย และตอบโจทย์การใช้งานของนักลงทุน ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้นับเป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของธุรกิจซึ่งกันและกัน นำมาสู่ความร่วมมือกันพัฒนาแพลตฟอร์มการซื้อขายทองคำในครั้งนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปัจจุบัน เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก มีช่องทางการลงทุนซื้อขายทองคำ ทั้งการซื้อขายผ่านระบบออนไลน์ แอพพลิเคชั่น และเว็บไซต์ ครอบคลุมทั้งในประเทศ และต่างประเทศ สำหรับเป้าหมายในการดำเนินโครงการครั้งนี้ ตั้งเป้าการพัฒนาแพลตฟอร์ม เพื่อพลิกโฉมการออมทองคำ เพื่อไปสู่ Digital Economy โดยมุ่งเน้นการให้บริการแก่ประชาชนคนไทยให้สามารถเข้าถึงการออม และการลงทุนในทองคำ ได้อย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น และมั่นใจว่าจากความเชี่ยวชาญของทั้ง 2 องค์กร จะสามารถทำให้บรรลุเป้าหมายในการต่อยอดทางธุรกิจได้อย่างแน่นอน &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อ่านเพิ่มเติม : <a href="https://forbesthailand.com/preview/70452" alt="&quot;ณัทสุดา พุกกะณะสุต&quot; อดีตนักการเงินโกลด์แมน แซคส์ผู้มีความเชื่อในฟินเทค คือทางเลือกของ SME">"ณัทสุดา พุกกะณะสุต" อดีตนักการเงินโกลด์แมน แซคส์ผู้มีความเชื่อในฟินเทค คือทางเลือกของ SME</a>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>​

“SPI” ลงนาม MOU ร่วมกับ “MTS Gold” พัฒนาแพลตฟอร์มออมทองดิจิทัล โกลด์ เซฟวิ่ง

<h2>แสงแดดยามบ่ายของเดือนเมษายนแผดใส่หลังคาเหลืองสองชั้นที่มองแล้วดูคล้ายสถาปัตยกรรมเจดีย์วัดในญี่ปุ่น แท้จริงแล้ว ชั้นล่างเป็นร้านค้าของอาคารแถวสูง 2 ชั้น ที่ประกอบไปด้วยร้านอาหารญี่ปุ่น ซุปเปอร์มาร์เกต ร้านขายยา และร้านค้าเบ็ดเตล็ดอื่นๆ รายล้อมด้วยบ่อน้ำยาวที่มีปลาคาร์ฟสีสดใสว่ายไปมา  โดยมี “ดอกซากุระ” ทำจากผ้าสีชมพูสดบริเวณทางเข้าของ J-Park คอมมูนิตี้มอลล์สไตล์ญี่ปุ่นเป็นไฮไลท์ของการถ่ายรูปคนผู้มาเยี่ยมเยียน บนพื้นที่ 15 ไร่ ในอำเภอศรีราชา ท่ามกลางอากาศร้อนอบอ้าว</h2>
J-Park คือ การตีโจทย์ธุรกิจอย่างชาญฉลาดของกลุ่มสหพัฒน์ฯ หลังเปิดมาเพียง 2 ปี ทำเลสะดวกต่อการเข้าถึงทั้งต่อลูกค้าในพื้นที่ และคนที่มาจากกรุงเทพสามารถเลือกเส้นทางมอเตอร์เวย์สายตะวันออกเพียง 1 ชั่วโมงก็ถึงแล้ว ล้อมรอบมอลล์แห่งนี้ คือ หมู่บ้านจัดสรรระดับบีบวกอย่างน้อย 20 โครงการ ห่างจากตัวเมืองศรีราชาเพียง 6 กิโลเมตร พร้อมกับยังมีนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ กระจายอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง หรือราว 15 กิโลเมตรจากนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง

“J-Park มีความเป็นญี่ปุ่นสมบูรณ์แบบที่สุด...ที่นี่ของจริง ทั้งออกแบบและสร้างโดยคนญี่ปุ่น เราแค่เป็นคนช่วย ต้องการสร้างให้ออริจินอลที่สุด ฉะนั้น ครั้งแรกที่เราลงทุน เราลงทุนเต็มที่ ทำอะไรต้องให้เป็นที่หนึ่ง อย่าไปเลียนแบบ แล้วมันจะได้รับการยอมรับ สร้างชื่อเสียง” ทนง ศรีจิตร์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บมจ.สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง หนึ่งในเครือสหพัฒน์ กล่าวกับ Forbes Thailand

เริ่มจาก J-Park

J-Park เปิดตัวออกมาอย่างเป็นทางการเดือนกรกฎาคม 2556 เป็นการพัฒนาเฟสแรก บนเนื้อที่ 15 ไร่ จากเนื้อที่ทั้งหมด 20 ไร่ งบลงทุน 800 ล้านบาท ปัจจุบันพื้นที่ขายเต็มหมดแล้ว มีร้านค้าต่างๆ และร้านอาหาร รวม 42 ร้าน ขณะที่อีก 1 ร้านอยู่ระหว่างรอการเปิด ปัจจุบัน บริษัทเริ่มพัฒนา 5 ไร่ ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการสรุปรายละเอียดด้านการออกแบบ คาดการก่อสร้างจะเริ่มปลายปีและจะค่อยๆ เปิดให้บริการบางส่วนในปลายปี 2559 งบประมาณน่าจะใช้อย่างน้อย 400 ล้านบาท

สู่ J-Town อภิมหาโครงการ

อีกไม่นาน J-Park จะถูกพัฒนาจนเต็มพื้นที่ แต่บริษัทยังมีที่ดินอีก 600 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ตรงข้ามของ J-Park ที่จะพัฒนาต่อ บริษัทเตรียมงบลงทุนราว 1 หมื่นล้าน เพื่อสร้าง J-Town ซึ่งเป็นโครงการที่ใหญ่กว่า ครบเครื่องกว่า สามารถตอบสนองคนญี่ปุ่นได้ครบด้าน

ทนงบอกว่า ความสำเร็จทุกวันนี้ เขายกความดีความชอบให้กับนายใหญ่ของเขาคือ บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ฯ ที่วางรากฐานการลงทุนกับญี่ปุ่นมากว่า 40 ปี

ปัจจุบัน สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง ทำธุรกิจพัฒนาสวนอุตสาหกรรม 5 แห่ง และทนงเป็นผู้ดูแล โดยเขาทำงานกับสหพัฒน์ฯ ตั้งแต่อายุ 25 ปี จนวันนี้อายุ 60 ปี ไม่เคยเปลี่ยนงานไปอยู่ไหน ทนงบอกว่า บริษัทยังร่วมทุนกับบริษัทญี่ปุ่นอย่างน้อย 10 บริษัทเกือบทุกปี ทุกวันนี้ เขาเองก็รู้สึก “ผูกพัน” กับคนเหล่านี้ เพราะบางบริษัทรู้จักกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อ จนมาวันนี้ รุ่นลูกเข้ามาบริหาร ทำให้ความสัมพันธ์แน่นขึ้นไปอีก เป็นเหมือนญาติที่ต้องช่วยกันสร้างธุรกิจร่วมของทั้ง 2 ชาติให้ยั่งยืนต่อไป

“ด้วยนิสัยคนไทยกับคนญี่ปุ่นเข้ากันง่าย ผมถามคนญี่ปุ่นไปเวียดนาม ไปพม่า ไม่ happy คนไทยยิ้มแย้มแจ่มใส อะไรก็ได้ เฟรนด์ลี่ คนงานก็ไม่หัวแข็ง...ตอนนี้เขาอยู่ไทยก็ไม่ต่างกับญี่ปุ่น อย่างไปพม่าเจ็บป่วยก็ลำบาก อย่างที่นี่โรงพยาบาลมีคนพูดญี่ปุ่นได้ ทำงานเหมือนอยู่ประเทศของเขา”
<div></div>
เรื่อง: บำรุง อำนาจเจริญฤทธิ์ ภาพ: สุภชัย รอดประจง

<hr />

<a href="http://goo.gl/XTYH2N">อ่านฉบับเต็ม "J-Town เมืองใหม่ของชาวอาทิตย์อุทัยในศรีราชา" ได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ MAY 2015</a>

&nbsp;

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events