<h2>Stanley Ho มหาเศรษฐีชาวอ่องกง และ ชายผู้อยู่เบื้องหลังอาณาจักรกาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย เสียชีวิตลงด้วยวัย 98 ปี ส่งต่ออาณาจักรแห่งการเสี่ยงโชคให้ทายาทบริหารต่อไป</h2>
Ho ก่อร่างอาณาจักรกาสิโนของเขาโดยการบริหารของ SJM Holdings ภายใต้การปกครองของโปรตุเกสที่สร้างเกาะมาเก๊าแห่งนี้เป็นศูนย์กลางการเสี่ยงโชคที่ใหญ่ที่สุดในโลก และวางมือจาก SJM Holdings ในปี 2018 ด้วยตำแหน่งประธานใหญ่ของบริษัท

Ho แบ่งอาณาจักรกาสิโนของเขาให้กับสมาชิกในครอบครัวที่ประกอบไปด้วยภรรยา 4 คน รวมถึงบุตรราว 17 คน ที่หลายๆ คน นั่งบริหารในตำแหน่งสำคัญๆ ของกลุ่ม

Pansy Ho บุตรสาวผู้มีอายุมากที่สุดจากภรรยาคนที่สองที่ครั้งหนึ่งเคยได้รับการจัดอันดับเป็นมหาเศรษฐีหญิงที่ร่ำรวยที่สุดในฮ่องกงปัจจุบันมูลค่าทรัพย์สินอยู่ที่ราว 3.7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยเธอเข้ามาบริหารงานแทนบิดาในตำแหน่งประธานแห่ง Shun Tak Holdings บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ให้บริหารเรือข้ามฟากระหว่างฮ่องกงและมาเก๊า รวมไปถึงธุรกิจโรงแรม

ด้านน้องสาวของเธอ Daisy Ho นั่งตำแหน่งประธานที่ SJM Holdings ต่อจาก Stanley Ho ที่ประกาศวางมือจากตำแหน่ง และ Lawrence Ho บุตรชายจากภรรยาคนที่สองบริหารธุรกิจ Melco Resorts ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ Nasdaq ผ่าน Melco International Development บริษัทที่จดทะเบียนในฮ่องกง โดยเขามีมูลค่าทรัพย์อยู่ที่ราว 2 พันล้านเหรียญฯ

ขณะที่ Angela Leong บุตรสาวจากภรรยาคนที่ 4 ในฐานะประธานร่วมบริหาร SJM และ ผู้ถือหุ้นลำดับ 2 มีทรัพย์สินอยู่ที่ราว 3.2 พันล้านเหรียญฯ

Ho ได้รับฉายาว่า “เจ้าพ่อมาเก๊า” เป็นหลานทวดของ Robert Hotung มหาบุรุษแห่งฮ่องกง เขาเกิดในครอบครัวที่มั่งคั่ง แต่จากผลกระทบจากการขยายอาณาจักรของญี่ปุ่นเมื่อปี 1941 ทำให้ต้องย้ายไปตั้งหลักที่มาเก๊าและเริ่มสร้างฐานะการเงินด้วยการขนส่งสินค้าไปยังเมืองจีน บารมีเขาทำให้ปี 1962 Stanley Ho ผนึกกลุ่มนักลงทุนและชนะสิทธิการบริหารธุรกิจการพนันทั้งหมดในเกาะมาเก๊าเป็นเวลายาวนาน

หลังจากมาเก๊ากลับไปอยู่ภายใต้การปกครองของจีน ดูเหมือนว่าการปกครอง 400 ปีของโปรตุเกสให้กับเขาคือสิทธิการบริหารด้านการพนันของกลุ่ม SJM Holdings ซึ่งปัจจุบันประกอบไปด้วย Galaxy Entertainment Group Melco Resorts &amp; Entertainment, MGM China Holdings, Sands ในประเทศจีน และ Wynn มาเก๊า

Ho เคยประสบอุบัติเหตุทางด้านศรีษะที่บ้านพักราวกลางปี 2009 ถึงขั้นผ่าตัดสมอง และต้นปี 2011 ทายาทรุ่นสองและรุ่นสามต่างเริ่มเข้ามาสานต่อธุรกิจที่เขาสร้างไว้

เรียบเรียงจากบทความ  Legendary Casino Kingpin Stanley Ho Dies At Age 98 ที่เผยแพร่บน Forbes.com


คลิกอ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/world/lawrence-ho-%e0%b8%98%e0%b8%b8%e0%b8%a3%e0%b8%81%e0%b8%b4%e0%b8%88%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%aa%e0%b8%b4%e0%b9%82%e0%b8%99%e0%b8%a1%e0%b8%b2%e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b9%8a%e0%b8%b2.html">‘Lawrence Ho’ กับยุครุ่งเรืองของทายาทธุรกิจกาสิโนแห่ง Macau</a>

<hr />

<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดบทความด้านธุรกิจ ติดตามได้ที่ Facebook: Forbes Thailand Magazine</a>

&nbsp;

Stanley Ho ผู้สร้างอาณาจักรกาสิโนแห่งมาเก๊าเสียชีวิตด้วยวัย 98 ปี

<h2>นับตั้งแต่ยุค 1970 เป็นต้นมา Bill Boyd ได้สร้างกาสิโนราคาประหยัดขึ้นเป็นอาณาจักร พร้อมก้าวขึ้นเป็นเจ้าพ่อคนแรกๆ แห่ง Vegas แต่หลังจากที่เมืองแห่งนี้มีการแปลงโฉมจากแอ่งน้ำกลางทะเลทรายกลายเป็นแหล่งพนันอันหรูหราเขาจึงพยายามแปลงโฉมตัวเองบ้างจนเกือบจะสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง ในเวลานี้เขายังคงยึดมั่นในความย่อมเยาด้วยความมุ่งมั่นยิ่งกว่าเคย</h2>
หน้าร้อนใน Las Vegas มักเงียบสงบเป็นปกติแต่แล้ววันหนึ่งในเดือนมิถุนายน ท่ามกลางอุณหภูมิ 38 องศา บรรดานักพนันต่างตบเท้ามุ่งสู่ California Hotel ใจกลางเมือง ซึ่งเป็นทรัพย์สินดั้งเดิมของบริษัทมหาชนอย่าง Boyd Gaming

ที่ชั้นกาสิโน Bill Boyd ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานกรรมการบริหารกำลังเดินปิดฉากกิจกรรมประจำวันที่เขาก่อขึ้นมาเป็นเวลา 40 ปี สำหรับที่ The California แห่งนี้ก็เหมือนกับทรัพย์สินทุกแห่งของ Boyd คือ ให้บริการเฉพาะนักพนันที่รู้จักเงินในกระเป๋าของตัวเองดี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนในพื้นที่หรือไม่ก็ชนชั้นกลางจากนอกเมือง

<figure><img class="wp-image-8394 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/05/the-california-casino.jpg" alt="" width="638" height="424" /><figcaption> The California</figcaption></figure>

The California ไม่ใช่ที่เล่นเมื่อตอนที่ Boyd นำหุ้นของบริษัทขายให้แก่สาธารณชนในปี 1993 เขาเป็นเจ้าของกาสิโน 6 แห่งที่ทำกำไรอย่างแข็งแกร่ง รวมกันแล้วทำรายได้กว่า 430 ล้านเหรียญ ทุกแห่งมีรูปแบบเหมือนกับ The California คือเป็นสถานที่พนันราคาย่อมเยา ถัดมาอีก 15 ปี ราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นทำให้ Boyd กลายเป็นมหาเศรษฐี

เขาพกพาความมั่นใจวางเดิมพันด้วยการสร้างกาสิโนชั้นสูงกว่าเดิม คือ Borgata ที่ Atlantic City ในปี 2003 และ Echelon Place ที่ The Strip ในอีก 3 ปีต่อมา ความเคลื่อนไหวครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาเลวร้าย ทั้ง Atlantic City และ Las Vegas กลายเป็นตลาดที่อิ่มตัวขึ้น ตามด้วยภาวะเศรษฐกิจถดถอย ภายในเวลา 17 เดือน มูลค่าหุ้นของ Boyd Gaming ทรุดตัวลงไปถึง 94% เหลือเพียงไม่ถึง 3 เหรียญเมื่อปลายปี 2008

เพื่อไม่ให้ล้มละลาย Boyd ต้องตัดสินใจอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว หลายต่อหลายครั้ง เขาพับแผนสร้างกาสิโนหรูไว้ก่อน แล้วหันมาสร้างกาสิโนราคาประหยัดในชนบทของสหรัฐฯ เขามองว่าการตัดสินใจของตนเองทำให้บริษัทต้องปั่นป่วนขนาดนี้ จึงอยากจะได้รับคำแนะนำในการแก้ปัญหาและได้แต่งตั้ง Keith Smith กรรมการผู้จัดการบริษัทขึ้นดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Boyd จึงมีคู่หูเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่บิดาของเขา (ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Boyd Gaming อีกราย) เสียชีวิตเมื่อปี 1993

ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปี 2008 เป็นต้นมา หุ้นของ Boyd Gaming ทะยานกว่า 700% หรือมากกว่าการเติบโตของดัชนี S&amp;P 500 เกือบ 3 เท่าตัว ขณะที่ Boyd เกือบได้กลับมาเป็นมหาเศรษฐีอีกครั้ง (มูลค่าสินทรัพย์สุทธิโดยประมาณกว่า 700 ล้านเหรียญ) บริษัทพลิกสถานการณ์จากขาดทุน 223 ล้านเหรียญในปี 2008 กลับมาทำกำไรเกือบ 200 ล้านเหรียญได้ในปีที่ผ่านมา จากรายได้ 2.4 พันล้านเหรียญ “ตอนที่เจอภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ มันลำบากมาก” Smith กล่าว “เราต้องตัดสินใจอย่างยากมากๆ เพื่อยุติโครงการปรับปรุงธุรกิจ และพยายามผ่านพ้นมันไปให้ได้”

&nbsp;
<h2>ย้อนเลยเมืองแห่งอันธพาล</h2>
Boyd ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้นุ่มๆ ในร้าน Redwood Steakhouse ที่ The California เขาขยับตัวให้นั่งสบายๆ เล่าย้อนถึงต้นกำเนิดของบริษัท ซึ่งเริ่มต้นขึ้นที่นี่ นั่นคือ The California ที่โต๊ะไพ่แบล็กแจ็ก อาจทำเงินหรือสูญเงินกันไปมากมายมหาศาลแล้วเพียงแค่ช่วงเวลาที่ Boyd บอกเล่าเรื่องราวของเขา ซึ่งย้อนกลับไปจนถึงสมัยที่ Vegas พัวพันกับเหตุอันธพาลในยุคของ Bugsy Siegel ช่วงยุค 1940

การเสียชีวิตของบิดาทำให้ Boyd ต้องบริหารบริษัทเพียงลำพัง และเขาเลือกที่จะนำบริษัทมุ่งหน้าเดินคนละทาง นั่นคือสู่ Atlantic City เมืองที่เจริญรุ่งเรืองมายาวนาน จำนวนกาสิโนจาก 0 ในปี 1976 ซึ่งเป็นปีที่การพนันกลายเป็นเรื่องถูกกฎหมายเพิ่มขึ้นนับสิบในอีก 20 ปีต่อมา และก่อนที่การพนันจะกลายเป็นเรื่องถูกกฎหมายทั่วชายฝั่งตะวันออกนั้นรายได้จากการพนัน (หรือที่เรียกว่า “ชัยชนะในกาสิโน”) ในกาสิโนทั่ว Atlantic City รวมแล้วอยู่ที่เกือบ 4 พันล้านเหรียญ

<figure><img class="wp-image-8389 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/05/boyd-03.jpg" alt="" width="419" height="434" /><figcaption> Bill Boyd (ซ้าย) Oran Gragson นายกเทศมนตรี Las Vegas (กลาง) และ Sam Boyd ฉลองเปิดตัว The California เมื่อวันที่ 1 มกราคม 1975</figcaption></figure>

ในปี 2013 Genting Group บริษัทกาสิโนในมาเลเซียเข้าซื้อ The Echelon ไปในราคา 350 ล้านเหรียญ โดย Boyd บอกว่า“น่าผิดหวังจริงๆ มันกำลังได้เป็นพระเอกของบริษัทอยู่แล้ว ทั้งที่เราไม่อยากหยุดสร้างมันมากแค่ไหน และไม่อยากขายมันไปมากเพียงใดแต่เราก็รู้ดีเท่าๆ กันว่า เราจำเป็นต้องทำเพื่อความอยู่รอด”

บรรยากาศใน Atlantic City อึมครึมไม่แพ้กัน ไม่เกินปี 2013 รัฐต่างๆ นับสิบแห่งไม่รวม Nevada กับ New Jersey ต่างมีการพนันในรูปแบบกาสิโนกันแล้ว รายได้รวมจากเกมใน Atlantic City ลดลงจากที่เคยสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 5.2 พันล้านเหรียญในปี 2006 เหลือไม่ถึง 3 พันล้าน อีกหลักฐานคือจำนวนผู้มาเยือน Atlantic City จากเมืองอื่นลดลงกว่า 20%

เมื่อไม่มีแผนการอันหรูหราอีกต่อไป Boyd จึงหันมาพึ่งพาสิ่งที่ทำให้บริษัทของเขาประสบความสำเร็จตั้งแต่แรก นั่นคือกาสิโนราคาย่อมเยาคอยต้อนรับกับนักพนันทุนต่ำ Boyd จับตามองทั่วสหรัฐฯ แทนที่จะขยายธุรกิจในเมืองที่มีคนเยอะๆ อย่าง Vegas การสร้างกาสิโนแห่งใหม่มีความเสี่ยงที่เขารับไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว

นอกจากนี้ เขายังมี Smith ที่ย้ำว่างานก่อสร้างใหม่ๆ มีต้นทุนมหาศาล ขณะที่กระแสเงินสดที่ได้คืนมานั้นแทบจะไม่มี การเข้าซื้อกิจการจึงน่าจะดีกว่าตลอด 6 ปีที่ผ่านมา Boyd Gaming ทุ่มเงิน 2.9 พันล้านเหรียญเข้าซื้อกาสิโน 13 แห่ง ในการทำสัญญาเหล่านี้ Smith ได้ศึกษาข้อมูลตัวเลขของรายการซื้อในเป้าหมายมาแล้ว และเล็งกาสิโนมูลค่า 10-15 ล้านเหรียญ (Ebitda) ซึ่งในที่สุดพวกเขาก็เลือกกาสิโนที่มีราคาเกือบ 20 ล้านเหรียญ โดยพื้นฐานแล้วเป็นกาสิโนที่ครองตลาดในท้องถิ่น “ถ้ามีคู่แข่ง 5 คนในตลาด เราจะไม่ซื้อทรัพย์สินที่เข้ามาเป็นอันดับ 4 และ 5” Smith กล่าว

ปัจจุบันอาณาจักรพนันเล็กๆ นี้ขยายจาก The Valley Forge Casino Resort ใน Pennsylvania ไปจนถึง The Par-a-Dice ใน Illinois และ Sam’s Town Shreveport ใน Louisiana เมื่อเดือนตุลาคม Boyd Gaming ทำสัญญาฉบับสุดท้ายเสร็จสิ้น โดยลงทุน 575 ล้านเข้าซื้อกาสิโน 4 แห่งใน Missouri, Indiana และ Ohio มาจาก Pinnacle Entertainment

“พวกเขารักษาวินัยทางการเงินอย่างเข้มงวดดีจริงๆ สำหรับสิ่งที่กำลังทำอยู่” David Katz นักวิเคราะห์ของ Jefferies กล่าว ตลาดหุ้นต่างขานรับ Boyd Gaming นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่แนะให้เข้าซื้อหุ้นขณะที่ผู้เฝ้าสังเกตการณ์มองว่า กาสิโนในชนบทอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงในวงกว้างที่เกิดขึ้นต่อการจับจ่ายของผู้บริโภคน้อยกว่า ตรงกันข้ามกับ Vegas ที่แสดงให้เห็นแล้วว่ามีความอ่อนแอในช่วงภาวะถดถอยเมื่อปี 2008 เศรษฐกิจที่นั่นหดตัว 3 ปีติดต่อกัน หรือยาวนานกว่าภาพรวมของทั้งประเทศ 1 ปี

เรื่อง: Abram Brown เรียบเรียง: ปาริชาติ ชื่นชม

<hr />

<a href="https://bit.ly/2GB6P6G">คลิกเพื่ออ่านบทความฉบับเต็มได้ที่ นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับ เมษายน 2562 ในรูปแบบ e-Magazine</a>

<a href="https://www.ookbee.com/shop/magazine/FORBES/bf9cd13b-9952-4a4d-b7b9-70f6777699d3/april-2019"><img class="lazy alignnone wp-image-7213 lazy-loaded" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/05/COVER-71-350.jpg" alt="" width="250" height="357" data-lazy-type="image" data-lazy-src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/05/COVER-71-350.jpg" /></a>

Bill Boyd เจ้าพ่อกาสิโนผู้ยึดมั่นในความย่อมเยา

<h2 class="p1">Lawrence Ho บุตรชายของ Stanley Ho เจ้าพ่อธุรกิจกาสิโนแห่ง Macau กำลังง่วนอยู่กับการสืบสานมรดกทางธุรกิจของครอบครัวทั้งในเอเชียและยุโรป หลังจากประสบความสำเร็จกับการขยาย Melco Resorts &amp; Entertainment ออกไปยังประเทศต่าง ๆ</h2>
ขณะนี้เขากำลังพยายามเจาะตลาดญี่ปุ่น Ho สานสัมพันธ์กับบรรดายักษ์ใหญ่แห่งวงการเกมของโลกมานานร่วมสิบปี จนเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2561 รัฐบาลญี่ปุ่นผ่านความเห็นชอบให้กาสิโนเป็นธุรกิจถูกกฎหมายแต่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะให้ใบอนุญาตจำนวนสามใบแก่บริษัทใด Ho คาดว่าจะยังไม่มีการตัดสินใจก่อนปี 2563
“พวกเราห้าหรือหกบริษัทพร้อมเขียนเช็คทุกเมื่อ” Ho กล่าวโดยหมายถึงบริษัทคู่แข่งรายใหญ่ ๆ ของ Melco ทั้งจากสหรัฐฯ และเอเชีย อาทิ Las Vegas Sands, Genting และ Galaxy Entertainment Ho พร้อมทุ่มหมดหน้าตักเพื่อแข่งขันกับบริษัทเหล่านี้ แม้จะเคยกล่าวก่อนหน้านี้ว่าเขาวางแผนจะลงทุนมากถึงหมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ในญี่ปุ่นถ้าเขาได้ใบอนุญาต แต่ตอนนี้เขาถึงกับบอกว่ายินดีจะลงทุนมากยิ่งกว่าเดิม “เราไม่ได้กำหนดเพดาน” Ho กล่าว

<ul>
 	<li>คลิกอ่าน: <a href="http://forbesthailand.com/world/%e0%b8%a3%e0%b9%88%e0%b8%a7%e0%b8%a1%e0%b8%95%e0%b8%b4%e0%b8%94%e0%b8%95%e0%b8%b2%e0%b8%a1-10-%e0%b8%ad%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%94%e0%b8%b1%e0%b8%9a-%e0%b8%a1%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b9%80%e0%b8%a8.html">10 อันดับ มหาเศรษฐีฮ่องกง ที่มั่งคั่งที่สุดประจำปี 2019</a></li>
</ul>
เพื่อเป็นการเตรียมการ เขาได้จัดสรรทรัพย์สินใหม่เพื่อหลีกเลี่ยงผลประโยชน์ทับซ้อน เมื่อกลางปี 2560 มหาเศรษฐีวัย 42 ปี ตัดสินใจทิ้งหุ้นใน Summit Ascent บริษัทผู้ประกอบการกาสิโนของรัสเซีย มีรายงานว่าเขากล่าวถึงการดำเนินการดังกล่าวว่าเป็นไปเพื่อทำให้ประวัติของเขาดูดีขึ้นในญี่ปุ่น สืบเนื่องมาจากข้อพิพาทเรื่องเขตแดนที่ยืดเยื้อระหว่างญี่ปุ่นและรัสเซีย ตลอดจนการที่รัสเซียถูกคว่ำบาตรจากประเทศต่าง ๆ กรณีการผนวกดินแดน Crimea
เมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว Lawrence เปิดตัว Morpheus อสังหาริมทรัพย์ระดับหรูมูลค่า 1.1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในโครงการ City of Dreams บน Cotai Strip ฝั่งมาเก๊า ซึ่งเป็นโครงการขนาดยักษ์ของ Melco “ทุกอย่างที่เราสร้างมาจนถึงตอนนี้ก็เพื่อเป็นการโชว์ผลงานแก่ญี่ปุ่น” เขากล่าว
Morpheus ซึ่งเป็นชื่อเทพเจ้าแห่งความฝันของกรีก ได้รับการออกแบบโดย Zaha Hadid สถาปนิกผู้ล่วงลับ เพื่อเป็นการปรับตำแหน่งแบรนด์ของ Melco ภายหลังการแยกตัวจาก Crown Resorts ของออสเตรเลีย


<figure><img class=" wp-image-7715" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/05/mopheus.jpg" alt="" width="729" height="486" /><figcaption> ภายในของโรงแรม Morpheus ภาพโดย Caroline Jones</figcaption></figure>
Ho คุ้นเคยกับตลาดต่างประเทศเป็นอย่างดี ในปี 2562 เขาชนะการประมูลใบอนุญาตธุรกิจเกมอายุ 15 ปีแต่เพียงรายเดียวของไซปรัสซึ่งเขาได้ไปลงทุนสร้างรีสอร์ทครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดของยุโรปมูลค่า 700 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2558 Melco เปิดโครงการ City of Dreams Manila ร่วมกับ Henry Sy มหาเศรษฐีชาวฟิลิปปินส์แห่ง Belle Corporation อย่างไรก็ตาม ญี่ปุ่นจะเป็นแจ็กพอตครั้งใหญ่ที่สุดด้วยความที่เป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นลำดับต้น ๆ ของโลก อีกทั้งยังมีจำนวนใบอนุญาตที่จำกัด
Ho กล่าวถึงโอกาสในการได้ใบอนุญาตของเขาว่า อาจมีมากขึ้นจากการรับตำแหน่งรองประธานกรรมการสมาพันธ์สภาอุตสาหกรรมและการพาณิชย์แห่งประเทศจีน (All-China Federation of Industry and Commerce) ซึ่งเทียบเท่ากับหอการค้าของจีน เนื่องจากตำแหน่งดังกล่าวจะช่วยให้เขาสามารถกระชับความสัมพันธ์ทางธุรกิจระหว่างจีนและญี่ปุ่นให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เขามักเดินทางไปมาระหว่างมาเก๊าและโอซากา เมืองที่ Melco ไปเปิดสำนักงานภูมิภาคไว้เมื่อเดือนเมษายน ปีที่แล้ว เพื่อหาพันธมิตร พันธมิตรทางธุรกิจจะเป็นประโยชน์กับ Melco หากบริษัทชนะการประมูลใบอนุญาต และหากเป็นเช่นนั้น Ho กล่าวเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะย้ายสำนักงานใหญ่ของ Melco ไปยังญี่ปุ่น - เรื่องโดย Pamela Ambler
&nbsp;

อ่านเพิ่มเติม
<ul>
 	<li class="entry-title"><a href="http://forbesthailand.com/news/other/%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%B5-gordon-wu-%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%AA.html">Gordon Wu ถือคติ “เมื่อซื้อต้องต่ำ เมื่อสร้างต้องสูง”</a></li>
</ul>

<hr />

<a href="https://bit.ly/2GB6P6G">คลิกเพื่ออ่านฉบับเต็ม “ทำเนียบ 50 มหาเศรษฐีฮ่องกง ประจำปี 2019” ได้ที่ นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับ เมษายน 2562 ในรูปแบบ e-Magazine</a>

<a href="https://www.ookbee.com/shop/magazine/FORBES/bf9cd13b-9952-4a4d-b7b9-70f6777699d3/april-2019"><img class="alignnone size-full wp-image-7213" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/05/COVER-71-350.jpg" alt="" width="350" height="460" /></a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events