ถอดกลยุทธ์ปั้นแบรนด์ “My Life. My Origin” ร่วมสร้างชีวิตในฝันแบบที่เป็นคุณ
ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ ไนท์บริดจ์ (Knightsbridge), นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill), และเคนซิงตัน (Kensington) คือหนึ่งในดาวรุ่งที่น่าจับตามองในวงการอสังหาริมทรัพย์ ตลอด 8 ปีที่ผ่าน ออริจิ้นไม่เพียงพัฒนาคอนโดมิเนียมไปแล้ว 35 โครงการรวมมูลค่าโครงการกว่า 3 หมื่นล้านบาท มียอดขายรวมเพิ่มขึ้นทุกปี แถมยังมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดอย่างชัดเจน จากปีแรกอยู่ที่ 200 ร้อยล้าน ปีถัดมาเพิ่มเป็น 600 ล้าน และก้าวสู่ระดับพันล้านในที่สุด แต่ผลงานทั้งหมดยังไม่โดดเด่นเท่าเมื่อปี 2559 แม้ว่าตลาดคอนโดมิเนียมบ้านเราจะยังไม่ฟื้นตัวดีนัก แต่ออริจิ้นก็ยังสามารถทุบสถิติทำยอดขายทะลุ 1 หมื่นล้านบาทขึ้นแท่นเป็นผู้พัฒนาอสังหาฯ ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่มียอดขายสูงสุดเป็นอันดับ 5 ได้สำเร็จ เพราะมีกลยุทธ์ที่เป็นจุดแข็งคือ Local demand หรือ ทำตลาดตอบโจทย์ตลาดผู้อยู่อาศัยดั้งเดิมในแต่ละทำเลเป็นหลัก
อย่างไรก็ตามเพื่อไปถึงเป้าหมายนายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ตั้งใจว่า ภายใน 3 ปีจากนี้ ออริจิ้นจะก้าวเป็นท็อปทรีด้านยอดขายควบคู่ไปกับการเติบโตในฐานะผู้นำในการพัฒนาคอนโดมิเนียมพรีเมียมแมส เจาะตลาดผู้ที่มองหาคอนโดมิเนียมที่ตอบโจทย์ทุกมิติการใช้ชีวิตในราคา 1.5-3 ล้านบาท ซึ่งเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดให้ได้ ออริจิ้นจึงปรับทัพครั้งใหญ่หวังตอกย้ำภาพลักษณ์ และตัวตนของแบรนด์ให้โดดเด่น เป็นที่จดจำมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งขยายกลุ่มลูกค้า
หนึ่งในกลยุทธ์พิชิตฝันที่ออริจิ้นนำมาใช้ คือ การทำแบรนด์ดิ้งครั้งใหญ่ โดยต่อยอดจากความสำเร็จที่ผ่านมาของแบรนด์ ซึ่งพบว่ายอดขายโครงการส่วนใหญ่มาจากผู้อยู่อาศัยดั้งเดิมในทำเลนั้นกว่า 70% นั่นหมายความว่าความสุขของลูกค้าของเรา คือการได้มีที่อยู่อาศัยในทำเลที่เขาคุ้นเคย ติดรถไฟฟ้า จึงกลายเป็นที่มาของแบรนดิ้งแคมเปญ My Life. My Origin เราอยากให้ทุกคนใช้ชีวิตในฝันแบบที่เป็นคุณ”
นายพีระพงศ์ กล่าวว่า จากนี้ประเทศไทยจะเหมือนประเทศญี่ปุ่นที่ผู้คนไม่ได้คาดหวังว่าต้องดิ้นรนเข้าไปอยู่ในเมืองอีกต่อไป ในเมื่อรถไฟฟ้าเริ่มขยายเข้าไปในทุกมุมเมือง ที่ผ่านมาคอนโดมิเนียมมักถูกมองว่าเป็นบ้านหลังที่ 2 ต้องปักหลักอยู่ในเมือง เพื่อให้ใกล้ที่ทำงานที่สุด แต่นับจากนี้ตลาดคอนโดมิเนียมจะกลายเป็นบ้านหลังแรกของคนรุ่นใหม่ที่เริ่มสร้างตัว หรือมีครอบครัว ต้องการใช้ชีวิตในแนวรถไฟฟ้าใกล้แหล่งงาน แต่ขณะเดียวกันยังอยากอยู่ในทำเลที่ใกล้เคียงกับที่อยู่อาศัยเดิม เพราะอยากใช้ชีวิตอยู่ในย่านที่คุ้นเคย ไปหาญาติพี่น้องได้สะดวก ที่สำคัญราคาต้องไม่สูงเกินไป
“ทุกวันนี้ค่าครองชีพในเมืองสูงขึ้นเรื่อยๆ ราคาคอนโดมิเนียมในเมืองที่ราคา 3-5 ล้านจะไม่ใช่ราคาที่คนทั่วไปเข้าถึงได้ แถมอีกหน่อยคอนโดมิเนียมในเมืองอาจจะกลายเป็นคอนโดมิเนียมแบบลีสโฮลด์ ที่ผู้ซื้อไม่ได้มีสิทธิ์ขาดตลอดไป ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ความฝันของคนทั่วไป เพราะคนทั่วไปยังต้องการมีคอนโดมิเนียมที่ตัวเองมีสิทธิ์ขาด ราคาเข้าถึงได้ มีการตกแต่ง มีฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เป็นรากดั้งเดิมของเขา เพื่อส่งเสริมให้ทุกคนใช้คุณภาพชีวิตในแบบฉบับของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องตามกระแสสังคม ออริจิ้น ซึ่งมีความหมายถึงรากหรือต้นกำเนิด ไม่ซ้ำใคร ไม่ตามใคร จึงต้องการแสดงจุดยืนในฐานะผู้พัฒนาโครงการที่เข้าใจและพร้อมผลักดันให้ทุกความฝันเป็นจริงผ่านแคมเปญ My Life. My Origin” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าว
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การทำแบรนด์ดิ้งครั้งนี้สะเทือนวงการอย่างแท้จริงสมกับเม็ดเงิน 100 ล้านที่ใส่ลงไป ออริจิ้นยังดึง “ณเดชน์ คูกิมิยะ” ซุปเปอร์สตาร์แถวหน้าของเมืองไทย ซึ่งมีบุคลิกที่สอดคล้องกับแบรนด์คอนโดมิเนียมทั้ง 3 แบรนด์ของออริจิ้น มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ในแคมเปญ My Life. My Origin ด้วย โดยพีระพงศ์กล่าวถึงเหตุผลที่เลือกใช้ณเดชน์ว่า เรื่องความฮอตไม่ต้องพูดถึง แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ ณเดชน์เป็นโรลโมโดลของคนรุ่นใหม่ที่มีเลือดนักสู้เต็มตัว อายุใกล้เคียงกับกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ และถึงจะเป็นพระเอกแถวหน้าของเมืองไทย แต่ยังมีคาแร็กเตอร์ของผู้ชายธรรมดาที่เลือกใช้ชีวิตในแบบฉบับของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องหรูหราตลอดเวลา ที่สำคัญยังเป็นหนุ่มรุ่นใหม่ที่ตั้งใจทำงานให้ดีที่สุดเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายที่ฝัน มีความอ่อนน้อมถ่อมตน เช่นเดียวกับออริจิ้น ที่ทำงานหนักเพื่อสร้างสรรค์สิ่งที่ดีที่สุด พร้อมรับทุกคำติชม เพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไขเสมอ
นายพีระพงศ์ ยังเสริมด้วยว่า ภายในไตรมาส 2 ปีนี้เราจะเปิดตัว 4 โครงการ ใหญ่ ได้แก่ 1. ไนท์บริดจ์ พหลโยธิน-อินเตอร์เชนจ์ (Knightsbridge Phaholyothin-Interchange) มูลค่า 2,100 ล้านบาท 2.นอตติ้ง ฮิลล์ สกายสแครปเปอร์ @ เซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์ (Notting Hill Skyscraper@Central Rattanathibet) มูลค่า 2,500 ล้านบาท 3.นอตติ้ง ฮิลล์ สุขุมวิท 105 (Notting Hill Sukhumvit 105) เฟส 2 มูลค่า 1,300 ล้านบาท และ 4.เคนซิงตัน สุขุมวิท- เทพารักษ์ (Kensington Sukhumvit-Theparak) มูลค่า 2,500 ล้านบาท รวมมูลค่าโครงการกว่า 8,400 ล้านบาท เปิดวีไอพี พรีเซลพร้อมกัน 17 มิ.ย. นี้และ ไตรมาส 3 เปิดตัวอีก 4 โครงการรวมมูลค่ากว่า 16,000 ล้านบาท