Park Han Gill สร้าง “ATOMY” แพลตฟอร์ม ขายตรงระดับโกลบอล - Forbes Thailand

Park Han Gill สร้าง “ATOMY” แพลตฟอร์ม ขายตรงระดับโกลบอล

ธุรกิจขายตรงและธุรกิจเครือข่ายเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่สร้างเม็ดเงินมหาศาล ทำรายได้จากนักธุรกิจรายย่อยผู้เป็นสมาชิกเครือข่าย แม้ธุรกิจนี้จะเกิดมายาวนานแต่โอกาสของนักธุรกิจหน้าใหม่ยังคงมีอยู่เสมอ รวมถึง อะโทมี่ (ATOMY) ธุรกิจขายตรงสัญชาติเกาหลีที่สร้างการเติบโตและก้าวสู่ตลาดระดับโกลบอลได้อย่างน่าสนใจภายใต้คอนเซ็ปต์ “ธุรกิจแพลตฟอร์ม” (platform) หมายถึง ธุรกิจขายตรงที่มีโครงสร้างของธุรกิจออนไลน์และออฟไลน์รวมกันสามารถทำยอดขายได้จากทุกแพลตฟอร์ม


    “สิ่งที่ ATOMY ยึดมั่นคือ Absolute Quality, Absolute Price คุณภาพที่ดีที่สุดในราคาเดียวกัน และคุณภาพเดียวกันในราคาที่ต่ำที่สุด เป็นปรัชญาที่เรายึดมั่นคือ คุณภาพดีราคาย่อมเยา” Park Han Gill ประธานและผู้ก่อตั้ง บริษัท อะโทมี่ จำกัด (ATOMY Co., Ltd.) กล่าวช่วงหนึ่งระหว่างให้สัมภาษณ์กับทีมสื่อมวลชนจากหลายประเทศ ทั้งคาซัคสถาน จีน ไต้หวัน และไทย ในโครงการเปิดบ้านอะโทมี่สำนักงานใหญ่ที่เกาหลีใต้ต้อนรับคณะสื่อจากต่างแดนทริปแรกตลอดระยะเวลาการดำเนินธุรกิจหลังก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2552

    อะโทมี่ใช้เวลาเพียง 15 ปีเศษก้าวจากธุรกิจเครือข่ายสินค้าอุปโภคบริโภคในเกาหลีใต้รุกคืบสู่ตลาดระดับโลกเทียบชั้นบริษัทขายตรงเก่าแก่ระดับตำนานได้อย่างน่าจดจำ โดยอะโทมี่มียอดขายสินค้าทั่วโลกกว่า 6.6 หมื่นล้านบาทในปี 2564 และน่าสนใจที่พบว่า ยอดขายเกินกว่าครึ่งหรือราว 53.7% เป็นยอดขายจากต่างประเทศด้วยยอดกว่า 35,160 ล้านบาท โดยมีฐานธุรกิจจากสมาชิกเครือข่ายและการขยายสาขารวม 27 สาขา ครอบคลุมหลายทวีปทั่วโลก ทั้งในเอเชีย อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ ยุโรป และโอเชียเนีย ด้วยการจำหน่ายผลิตภัณฑ์มากกว่า 590 รายการ นำเสนอสินค้าโดยสมาชิกเครือข่ายทั่วโลกจำนวนกว่า 15 ล้านคน และพนักงานทั่วโลกราว 650 คน


กลยุทธ์สินค้าดี ราคาดี

    ผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นของอะโทมี่เป็นสินค้าเพื่อสุขภาพ โดยมีเฮโมฮิม (HEMOHIM) อาหารเสริมเพื่อบำรุงสุขภาพจากสารสกัดโสมแดงที่ช่วยในการเสริมสร้างเซลล์และชะลอวัยเป็นไฮไลต์โปรดักต์ นอกจากนี้ยังมีแอบโซลูท เซลล์แอคทีฟ สกินแคร์ (Absolute Cell Active Skincare) สินค้าในกลุ่มเวชสำอาง (cosmeceuticals) ช่วยดูแลเรื่องเซลล์ผิวหนัง มียอดขายอันดับ 1 ในอุตสาหกรรมความงาม ด้วยยอดขายสะสมกว่า 1.8 หมื่นล้านบาท (ระหว่างปี 2560-2565) นอกจากสกินแคร์ซิสเต็ม แล้วอะโทมี่ยังมีอีกหลายโปรดักต์ในกลุ่มอาหารเพื่อสุขภาพ ผลิตภัณฑ์ความงาม ของใช้ในบ้าน อาหาร และสินค้าแฟชั่น

    กลยุทธ์ที่อะโทมี่ใช้สร้างการเติบโตมีความน่าสนใจ Park เรียกกลยุทธ์นี้ว่า Masstige ซึ่งมาจากคำว่า Mass + Prestige เป็น “Mass Prestige Product Strategy” หรือกลยุทธ์สินค้าคุณภาพสูงที่สามารถทำตลาดในระดับแมสได้ “ราคาเราไม่สูงเทียบคุณภาพเท่ากัน ราคาเราดีที่สุดแต่เราใส่ใจคุณภาพอันดับ 1 เราโฟกัสมุ่งมั่นระยะยาวเพื่อความยั่งยืน” ประธานผู้ก่อตั้ง ยังบอกด้วยว่า ในปี 2567 นี้อะโทมี่จะเพิ่มสินค้า SKU ใหม่ๆ เข้ามาอีก ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้มาจากการทำรีเสิร์ช การวิจัยและพัฒนาที่อะโทมี่ให้ความสำคัญมาโดยตลอดเพื่อให้ทุกผลิตภัณฑ์ที่ออกมาตอบโจทย์ผู้บริโภคในอนาคต

    “เราคำนวณต้นทุนราคาที่เหมาะสม ปัจจุบันมีหลายประเทศ เพิ่มสมาชิกนักธุรกิจเรื่อยๆ ในอนาคตเราจะสามารถทำกำไรและให้สิ่งที่ดีที่สุดกลับไป” 


    ในปี 2566 อะโทมี่มียอดขายทั่วโลกกว่า 2.2 ล้านล้านวอน (6 หมื่นล้านบาท) และมีจำนวนสมาชิกกว่า 15 ล้านคนทั่วโลก โดยมีสาขาในต่างประเทศที่ทำยอดขายสูงเกิน 1 แสนล้านวอน (2.7 พันล้านบาท) มากถึง 4 สาขา ได้แก่ จีน ไต้หวัน สหรัฐอเมริกา และรัสเซีย โดยเฉพาะสาขาประเทศจีนที่เปิดดำเนินการในช่วงการระบาดใหญ่ของโควิด-19 สามารถทำยอดขายในระยะเวลา 4 ปีได้มากถึง 1 ล้านล้านวอน (2.7 หมื่นล้านบาท) เป็นการขายผ่านการบอกเล่าแบบปากต่อปากเท่านั้น นอกจากนั้นในปี 2566 อะโทมี่ยังได้เริ่มดำเนินธุรกิจในตลาดยุโรปอย่างเป็นทางการ

    จุดที่น่าจับตามองคือ ตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมาอะโทมี่สาขาต่างประเทศทำสถิติยอดขายได้ถึง 1 ล้านล้านวอน (ประมาณ 2.7 หมื่นล้านบาท) ซึ่งมีการเติบโตนำยอดขายของสำนักงานใหญ่ในเกาหลี ข้อมูลนี้แสดงให้เห็นว่าอะโทมี่กำลังมุ่งดำเนินธุรกิจทั้งในประเทศเกาหลีใต้และในสาขาต่างประเทศ โดยเขามั่นใจว่าจะสร้างการเติบโตเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต

    หัวใจแห่งความสำเร็จของอะโทมี่คือ การดำเนินธุรกิจเครือข่ายด้วยกลยุทธ์ที่เน้นลูกค้าเป็นสำคัญ โดยคัดเลือกผลิตภัณฑ์คุณภาพชั้นเยี่ยมมานำเสนอในราคาที่จับต้องได้ และจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางจัดจำหน่ายที่สามารถแข่งขันได้ ทั้งซูเปอร์มาร์เก็ต ห้างสรรพสินค้า ทีวีโฮมช็อปปิ้ง และอินเทอร์เน็ต ช็อปปิ้งมอลล์ 

    จุดแข็งของอะโทมี่คือ การเพิ่มผลิตภัณฑ์จากการวิจัยสร้างความแตกต่างในประเทศนั้นๆ โดยตั้งเป้าเติบโตของผลิตภัณฑ์แบบ Global Sourcing Global Sales (GSGS) ผลิตขึ้นมาและสามารถเติบโตไปต่างประเทศได้ ซึ่งเป็นการแลกเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ไปต่างประเทศแบบไร้ข้อจำกัด โดยตั้งเป้าสินค้ากลุ่ม GSGS เพิ่มขึ้น ให้ได้ 15% ของภาพรวมผลิตภัณฑ์

    “ATOMY เชื่อว่าประเทศไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพที่จะเติบโตได้เป็นอย่างดี โดยคาดหมายว่าจะสามารถเติบโตและเป็นบริษัทชั้นนำในตลาดขายตรงด้วยยอดขายกว่า 1 หมื่นล้านบาทภายในปี 2030” ประธานผู้ก่อตั้งอะโทมี่ยืนยันความเชื่อดังกล่าวด้วยการทำตลาดขายตรงแบบเครือข่ายผ่านหลายแพลตฟอร์ม เขาเชื่อว่าจะสามารถสร้างการเติบโตของสมาชิกและยอดขายได้ไม่ยาก



ภาพ: ATOMY



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : นพ.สิทธวีร์ เกียรติชวนันต์ และ นพกฤษฏิ์ นิธิเลิศวิจิตร ซีอีโอดูโอปั้นขายตรงไทยบุกอาเซียน

คลิกอ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนกรกฎาคม 2567 ในรูปแบบ e-magazine