ความต้องการตลาดอาคารสำนักงานเปลี่ยนไป หลังสถาณการณ์โควิด 19 บริษัทน้อย-ใหญ่ได้ประสบการณ์ใหม่ ของการใช้พื้นที่สำนักงานซึ่งไม่จำเป็นต้องซื้ออาคารถาวร หรือทำสัญญาเช่าระยะยาว และต้องลงเม็ดเงินหลายล้านบาทในการตกแต่งปรับปรุง เมื่อทุกคนรับรู้ว่าเทคโนโลยีทำให้โลกในการทำงานของผู้คนเปลี่ยนไป work from anywhere, work from home เป็นทางเลือกใหม่ที่ประหยัดเงินในกระเป๋าทั้งบริษัทผู้จ้างและพนักงาน ทำให้ธุรกิจพื้นที่สำนักงานชั่วคราวที่เรียกว่า Co-Working Space เติบโตอย่างรวดเร็ว
“เรามีพื้นที่สำนักงานชั่วคราว กระจายอยู่หลายเมืองทั่วโลก การเป็นสมาชิก IWG ทำให้สามารถใช้สำนักในเครือได้ทุกแห่งทั่วโลก” Lars Wittig รองประธานอาวุโส ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกตอนเหนือ IWG (International Workplace Group) กล่าวกับทีมงาน Forbes Thailand ในช่วงวันที่พวกเขาเตรียมเปิดพื้นที่สำนักงานแห่งใหม่อีกหลายแห่งในประเทศไทย เพราะความต้องการมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และดูเหมือนว่าพื้นที่สำนักงานที่ IWG นำเสนอยังมีไม่เพียงพอสำหรับความต้องการของตลาดในประเทศไทย
หลายคนอาจรู้สึกขัดแย้งในใจเพราะเท่าที่ทราบมา อาคารสำนักงานหลายแห่งผู้เช่าพื้นที่ลดลง และอาคารสำนักงานใหม่ก็หาผู้เช่าได้ยากขึ้น บางอาคารต้องลดราคาค่าเช่าเพื่อดึงดูดตลาด แต่ IWG กลับบอกว่าดีมานด์เพิ่มขึ้นพื้นที่สำนักงานไม่เพียงพอต่อความต้องการ
Lars อธิบายว่า เหตุผลหลักคือพฤติกรรมตลาดผู้เช่าสำนักงานเปลี่ยนไป ผนวกกับการเกิดขึ้นของบริษัทเอสเอ็มอี หรือสตาร์ทอัพที่ไม่ใหญ่มาก พวกเขาต้องการพื้นที่สำหรับเป็นออฟฟิศแบบไม่ประจำ มีความคล่องตัวเปลี่ยนไปตามความต้องการแต่ละช่วง หรือแต่ละโปรเจค เช่นวันนี้หรือเดือนนี้อาจต้องการทำเลใจกลางย่านธุรกิจกรุงเทพฯ แต่เดือนหน้าหรืออีก 2 - 3 สัปดาห์ ได้เดือนทางไปทำงานที่ภูเก็ต ก็อยากได้พื้นที่สำนักงานที่นั่น แน่นอนความต้องการเป็นการชั่วคราว มีความคล่องตัว และพร้อมที่จะโยกย้ายไปตามโอกาสและจังหวะในการทำงาน
ตอบโจทย์ธุรกิจยุคใหม่
“คนรุ่นใหม่คิดไม่เหมือนเดิม พวกเขาต้องการความยืดหยุ่น ต้องการความสะดวกสบาย และไม่ผูกมัดในระยะยาว เพราะธุรกิจทุกวันนี้ใครๆ ก็พกพาอุปกรณ์ไอทีไปทำงานได้ทุกแห่ง”
แม่ทัพแห่งภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกเหนือของ IWG ยืนยันและว่าสิ่งนี้กำลังเป็นเทรนด์ใหม่ในบ้านเรา แต่เทรนด์นี้มีมาหลายปีแล้ว ตั้งแต่เทคโนโลยีมีความก้าวหน้า เอื้อให้คนทำงานจากที่ไหนก็ได้ หลายบริษัทจึงไม่ยึดติดว่าต้องสร้างอาคารสำนักงาน หรือซื้ออาคารสำนักงานแบบถาวรอีกต่อไป
จะมั่นใจได้อย่างไรว่าธุรกิจไม่กระทบ หากไม่มีอาคารสำนักงานของตัวเอง Lars ย้ำว่าโลกมันเปลี่ยนไปแล้ว อาคารสำนักงานใหญ่เป็นภาระต้นทุน ซึ่งบางองค์กรไม่จำเป็นต้องแบกภาระนี้ไว้ เพราะไม่ได้ใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่าด ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงทั้งที่ไม่ได้มีความจำเป็น พนักงานทุกคนต้องเดินทางเข้ามาทำงานและเดินทางกลับแบบเดิมๆ ต้องเสียเวลาไปกับการเดินทางซ้ำๆ
แต่สำนักงานที่เป็น Co- Working Space ช่วยลดปัญหาเหล่านี้ได้ เพราะสามารถเลือกใช้พื้นที่ให้เหมาะสมกับ โปรเจกต์หรือกิจกรรมแต่ละช่วงได้โดยไม่ต้องยึดติดกับสำนักงานเพียงแห่งเดียว
“การมีสำนักงานกระจายอยู่ในหลายแห่ง หลายเมือง หลายทวีป เป็นทางเลือกที่ดี หากมีการเดินทางไปติดต่องานที่ต่างประเทศ ก็สามารถใช้เครือข่ายสำนักงานของ IWG เป็นสำนักงานชั่วคราวได้ในราคาไม่แพง” Lars ยกตัวอย่างโอกาสและความคล่องตัวคร่าวๆ ของการใช้บริการ Co Working Space หรือ Workplace ทำให้มีความยืดหยุ่นมากกว่า การใช้อาคารสำนักงานถาวรในแบบเดิมๆ
ล่าสุดในประเทศไทย IWG ประกาศเปิดตัว 12 พื้นที่ทำงานใหม่ทั่วประเทศ เพื่อตอบรับความต้องการพื้นที่ทำงานแบบไฮบริดที่มีเพิ่มขึ้น โดยพื้นที่ทำงานใหม่ 12 แห่งใน 2 เมืองสำคัญซึ่งจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการให้บริการภายใต้แบรนด์ชั้นนำต่างๆ ของ IWG ในประเทศไทยภายในปีนี้ ภายใต้คอนเซ็ปท์พื้นที่ทำงานที่เป็นศูนย์การทำงาระดับพรีเมียมของ IWG ที่ครบครันด้วย Co-Working space สำนักงานส่วนตัว ห้องประชุม และพื้นที่ที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ เพื่อการทำงานยุคใหม่ที่เป็นแบบไฮบริด ซึ่งกำลังกลายเป็นมาตรฐานการทำงานสำหรับคนทำงานยุคใหม่
สำนักงานไฮบริด
ความหลากหลายของสถานที่ตั้ง ทั้งในย่านศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) และพื้นที่เขตชานเมือง IWG นำเสนอผ่านแบรนด์ที่มีความแตกต่างชัดเจน Spaces, Regus และ HQ ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรรายใหม่ ตอกย้ำความเป็นผู้นำธุรกิจ Co-Working Space ของ IWG
“เราพร้อมเดินหน้าขยายเครือข่ายพื้นที่ทำงานในประเทศไทย โดยเตรียมเปิดตัว 12 แห่งใหม่ในกรุงเทพฯ ภูเก็ต ชลบุรี พัทยา และระยอง จะเปิดบริการเริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป”
ภายใต้หลักคิดความยืดหยุ่นที่โดดเด่น และการเข้าถึงที่สะดวกสบาย ตอบโจทย์ความต้องการของบริษัททุกขนาดในประเทศไทย
พื้นที่สำนักงาน 12 แห่งในไทยประกอบด้วย
1. รีจัส กะตะธานี บิลดิง ภูเก็ต
2. รีจัส ศุภาลัย ไอคอน กรุงเทพฯ
3. รีจัส รสา วัน ทาวเวอร์ กรุงเทพฯ
4. รีจัส เจพาร์ค นิฮอน มูระ ชลบุรี
5. รีจัส ไบรท์ตัน แกรนด์ พัทยา
6. รีจัส สตาร์ ไอที เซ็นเตอร์ ระยอง
7. สเปซเซส สุทธิ บิลดิง กรุงเทพฯ
8. สเปซเซส วานิช เพลซ อารีย์
9. สเปซเซส คิงบริดจ์ ทาวเวอร์
10. เอชคิว เอส.พี บิลดิง กรุงเทพฯ
11. เอชคิว เสริมมิตร ทาวเวอร์ กรุงเทพฯ
12. เอชคิว โอเอสซี บิลดิง สมุทรปราการ
การขยายสาขาใหม่ในประเทศไทยครั้งนี้ เกิดขึ้นตามแนวโน้มความต้องการตลาด ทำให้ IWG เติบโตทั้งสถิติรายได้ กระแสเงินสด และการเติบโตของกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมไปกับการเติบโตของเครือข่ายอย่างรวดเร็ว โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 เพียงปีเดียว IWG ได้เซ็นสัญญาเปิดศูนย์ใหม่ถึง 465 แห่งทั่วโลก นอกจากนี้ ความหลากหลายของแนวทางในการพัฒนาพื้นที่การทำงานแต่ละแห่งทั้ง 12 แห่ง ยังสะท้อนถึงศักยภาพของ IWG ในการตอบโจทย์ความต้องการด้านการทำงานแบบไฮบริดของแต่ละตลาด ผ่านกลยุทธ์ที่ปรับให้เหมาะสมกับบริบทในแต่ละพื้นที่นั้น (Highly Localized Approach)
ปัจจุบัน อินเตอร์เนชันแนล เวิร์คเพลซ กรุ๊ป (IWG) มีพื้นที่ให้บริการเพื่อการทำงานในประเทศไทยรวม 46 แห่ง รวมถึงพื้นที่แห่งใหม่ที่เปิดให้บริการในเดือนมกราคมที่ผ่านมา และมีแผนจะเปิดพื้นที่เพิ่มเติมอีกไม่น้อยกว่า 12 แห่ง ภายในปี 2568
Regus Kata พื้นที่สำนักงานที่ภูเก็ตเตรียมเปิดให้บริการในเดือนพฤษภาคม 2568 บนเกาะภูเก็ตอันงดงาม โดยเป็นพื้นที่อาคารเดี่ยวขนาด 1,323 ตารางเมตร สูง 3 ชั้น เกิดจากความร่วมมือระหว่าง IWG และ บริษัท ภูเก็ตหาดกะตะ จำกัด ในการปรับปรุงอาคารพาณิชย์ 7 คูหา ให้กลายเป็นศูนย์การทำงานแบบไฮบริดที่ทันสมัย ทั้งนี้ Regus Kata Thani ตั้งอยู่ระหว่างตัวเมืองภูเก็ตและหาดป่าตอง หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัด ด้วยทำเลที่ตั้งโดดเด่นด้วยการเดินทางที่สะดวก พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ท่ามกลางร้านค้าและที่พักอาศัยในบริเวณใกล้เคียง
เรื่อง: กมลพร นิยมศิลป์ ภาพ: API, ออกแบบภาพปกโดย ธัญวดี นิรุติศาสตร์
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : แนวโน้มอสังหาฯ ปี 68 ‘คอนโดฯ-ออฟฟิศ’ ผจญซัพพลายล้น ส่วนโรงแรม-โรงงานเดินหน้าโตต่อ
