‘สุริยน ศรีอรทัยกุล’ รังสรรค์บิวตี้ เจมส์ ยกระดับอัญมณีไทยดังไกลทั่วโลก - Forbes Thailand

‘สุริยน ศรีอรทัยกุล’ รังสรรค์บิวตี้ เจมส์ ยกระดับอัญมณีไทยดังไกลทั่วโลก

ไทยเป็นศูนย์กลางธุรกิจเครื่องประดับอัญมณีอันดับต้นๆ ของโลก ชิ้นงานได้มาตรฐาน เป็นที่ยอมรับทั้งตลาดยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่น และยังได้ชื่อว่าเป็นผู้เจียระไนเพชรและพลอยสีส่งออกที่โดดเด่นทั้งความงดงามของงานดีไซน์และคุณภาพของอัญมณี


    ครอบครัว “ศรีอรทัยกุล” บุกเบิกธุรกิจอัญมณีไทยมายาวนานกว่า 60 ปี จากจุดเริ่มต้นร้านค้าเพชร “บิวตี้ เจมส์” (Beauty Gems) ก่อตั้งขึ้นในปี 2507 เป็นห้องแถว 2 คูหาในย่านเจริญกรุง นำเสนอชิ้นงานอัญมณีเพื่อขายให้กับนักท่องเที่ยวเป็นหลัก เจริญเติบโตเป็นที่รู้จักในแวดวงการค้าเพชรมายาวนาน

    “Beauty Gems โตต่อเนื่องมาโดยตลอด ขยายตลาดส่งออกไปอย่างกว้างขวาง ได้การยอมรับเป็นอย่างดีทั้งตลาดอเมริกา ยุโรป และญี่ปุ่น” สุริยน ศรีอรทัยกุล กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัท บิวตี้เจมส์ หรือหนึ่ง-สุริยน นักธุรกิจที่มีสไตล์แฟชั่นเป็นเอกลักษณ์ถ่ายทอดเรื่องราวจุดเริ่มต้นการมาสานต่อธุรกิจจากยุคบุกเบิกของคุณปู่-คุณย่า มาสู่คุณลุงและบิดา (พรศักดิ์ และ พรสิทธิ์ ศรีอรทัยกุล) ที่ก่อตั้งร้าน Beauty Gems ขึ้นในปี 2507 จำหน่ายเครื่องประดับอัญมณีให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ

    “ธุรกิจเติบโตด้วยดี ต่อมาในปี 2516 จึงมีการจัดตั้งโรงงานบิวตี้เจมส์ แฟคตอรี่ขึ้น” ผลิตเครื่องประดับอัญมณีทั้งแบรนด์ตัวเองและรับจ้างผลิตส่งออกไปหลายประเทศ


สืบสานธุรกิจต่อยอดเติบโต

    สำหรับหนึ่ง-สุริยน ถนนสายธุรกิจอัญมณีของเขาเริ่มต้นขึ้นด้วยวัยเพียง 21 ปี โดยเขาและพี่ชาย (สุรสิทธิ์ ศรีอรทัยกุล) ได้ร่วมกันขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มเติมจากรุ่นพ่อที่เคยเน้นส่งออกไปตลาดญี่ปุ่นมากถึง 90% ปรับมาสู่การกระจายตลาดสู่สหรัฐอเมริกา 45% ตลาดญี่ปุ่น 25% ตลาดเอเชียและตะวันออกกลาง 20% พร้อมเพิ่มสัดส่วนตลาดในประเทศเป็น 10% จากเดิมตลาดในประเทศมีสัดส่วนน้อยมาก


    “ความเจริญเติบโตของ Beauty Gems เกิดจากองค์ประกอบหลายอย่าง โดยเฉพาะความมุ่งมั่นและยึดมั่นในการสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐานระดับสากล” สุริยนกล่าวกับทีมงาน Forbes Thailand พร้อมย้ำว่า คุณภาพสินค้าและความประณีตงดงามของ Beauty Gems ล้วนมาจากฝีมือแรงงานที่ดีจากบุคลากรที่ได้รับการฝึกฝนด้วยแผนพัฒนาช่างฝีมือและพัฒนา นักออกแบบ รวมถึงพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาช่วยด้านการผลิตและการบริหารจัดการ

    นอกจากการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตของบริษัท Beauty Gems ยังได้มีส่วนร่วมกับองค์กรต่างๆ พัฒนาอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ รวมถึงมีความร่วมมืออันดีกับคู่ค้าตลอดซัพพลายเชนของห่วงโซ่ธุรกิจ ทั้งซัพพลายเออร์และคู่ค้าทั้งในและต่างประเทศ

    แนวคิดของสุริยนที่มีต่อทีมงานมีส่วนอย่างมากในการพัฒนาคุณภาพชิ้นงาน โดยเฉพาะแนวคิดที่เขาทำให้พนักงานทุกคนมีความรู้สึกร่วมในการเป็นเจ้าของธุรกิจ

    “หลักปฏิบัติเราคือ พนักงานทุกคนเป็นเจ้านาย ทุกคนเป็น boss เพราะฉะนั้นทุกคนจึงมีความรับผิดชอบที่สูงมาก รับปากอะไรต้องทำให้ได้ตามนั้น ทั้งคุณภาพ มาตรฐาน และการตรงต่อเวลา” เขาย้ำเรื่องคำมั่นสัญญาว่าเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับธุรกิจอัญมณีที่จำหน่ายสินค้ามูลค่าสูง เพราะฉะนั้นทุกอย่างต้องได้มาตรฐานเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า

    “ผมซึมซับเรื่องความซื่อสัตย์ ซื่อตรง ความรับผิดชอบทำให้ได้ตามคำมั่นสัญญา ตลอดจนความมุมานะสู้ไม่ถอยเหล่านี้มาจากทั้งคุณพ่อและคุณแม่” เขาย้ำเพื่อยืนยันว่า Beauty Gems ไม่เคยมองข้ามรายละเอียดและคำมั่นสัญญาที่ให้กับลูกค้ามาตั้งแต่ต้น สิ่งเหล่านี้เป็นหลักปฏิบัติของบริษัทก่อนหน้าที่เขาจะเข้ามาเป็นผู้บริหารของกลุ่มด้วยซ้ำ เป็นแนวทางในการทำธุรกิจที่ครอบครัวเขารักษาและทำมาอย่างต่อเนื่องตลอด 60 ปีในธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับ

    “เราต้องเชื่อมั่นในระบบและทรัพยากรบุคคลเพื่อสืบสานภารกิจนี้ต่อไป และแน่นอนสถานการณ์และการพัฒนาธุรกิจย่อมเป็นไปตามยุคตามสมัย เป็นสิ่งที่ต้องปรับตัวให้เท่าทันและกลมกลืน” เขาหมายถึงความกลมกลืนไปกับยุคสมัย ทั้งในเรื่องของลูกค้าและทุกคนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ซึ่งเป็นความท้าทายที่ธุรกิจแต่ละยุคสมัยต้องปรับตัว ปรับรูปแบบการพัฒนาให้สอดคล้องซึ่งถือเป็นโจทย์สำคัญ


    แนวคิดของสุริยนหมายถึงธุรกิจต้องไม่หยุดนิ่ง ยิ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวกับแฟชั่นด้วยแล้ว การก้าวให้ทันยุคสมัยและความต้องการของผู้คนถือเป็นโจทย์สำคัญ โดยเฉพาะธุรกิจอัญมณีเป็นสินค้าที่มีมูลค่าสูงเป็นต้นทุนสำคัญ แต่ขณะเดียวกันงานดีไซน์ที่สวยงาม เหมาะสมตามยุคสมัยและรสนิยมที่สอดคล้องกับความเป็นสากลจะยิ่งเพิ่มมูลค่าชิ้นงานทำให้เป็นที่ต้องการของตลาด เป็นที่กล่าวถึง และยอมรับในวงกว้าง

    Beauty Gems ภายใต้การขับเคลื่อนของสุริยนไม่เพียงสืบสานธุรกิจได้ดีไม่แพ้ยุคบุกเบิก เขายังสร้างการเติบโตและการยอมรับในแบรนด์อัญมณีไทยสู่ตลาดระดับโลกได้อย่างโดดเด่น เขาย้ำว่า สิ่งเหล่านี้ทำด้วยใจและเป็นการสร้างด้วยแพสชั่น ไม่ใช่แค่เพียงการสืบทอดกิจการในฐานะ next tycoon เท่านั้น แต่ 30 ปีภายใต้การบริหารของสุริยนเขาสามารถสร้างการเติบโตอีกระดับให้กับ Beauty Gems

    “ความฝันเป็นอะไรที่เราทุกคนควรมีไว้เป็นเป้าหมาย บางทีก็อาจเก็บไว้เงียบๆ กับตัวเองโดยไม่ป่าวประกาศ สำหรับผมมีความฝันอยากให้ประเทศไทยเป็นดินแดนแห่งอัญมณีและเครื่องประดับ” เขาบอกว่า อยากเห็นประเทศไทยเป็นแหล่งอัญมณีอันดับต้นๆ ของโลก เป็นสถานที่สำคัญด้านอัญมณีที่คนทั่วโลกต้องมองมายังประเทศไทยเมื่อต้องการอัญมณีและเครื่องประดับ และเมื่อพวกเขามาถึงไทยก็ต้องซื้อติดไม้ติดมือกลับไป

    แม่ทัพ Beauty Gems บอกว่า ทุกวันนี้ประเทศไทยเป็นแหล่งอัญมณีติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลก “ไทยเป็นศูนย์กลางอัญมณีของโลกแล้ว อุตสาหกรรมนี้มีการจ้างงานเกี่ยวเนื่องเป็นล้านคน ทั้งนักออกแบบ ช่างเจียระไน และอื่นๆ ในแต่ละปีสร้างรายได้เข้าประเทศมหาศาล” หากเราสามารถทำให้ไทยเป็นแหล่งรวมเครื่องประดับอัญมณีที่ผู้มาเยือนต้องซื้อกลับไป ลองคำนวณจากนักท่องเที่ยวเข้าไทย 22 ล้านคน คิดแค่ 10% ของนักท่องเที่ยวหากซื้ออัญมณีไทยคนละชิ้นก็จะขายได้มากถึง 2.2 ล้านชิ้น ถือว่าไม่น้อยเลย

    สุริยนย้ำว่า ไม่เพียงผู้บริโภคเท่านั้น แต่ผู้ประกอบการอัญมณีของต่างประเทศก็ต้องมองว่าประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของธุรกิจนี้ เป็นสถานที่ซึ่งสามารถจับจ่ายซื้อหาสินค้าอัญมณีเพื่อนำไปประกอบธุรกิจในประเทศของพวกเขาได้เป็นอย่างดี ทำให้กิจการประสบความสำเร็จ มีผลประกอบการที่ดี มีกำไรเพียงพอ และทำให้ต้องกลับมาซื้อหาสินค้าที่ประเทศไทยอีกในอนาคต


เชื่อมโยง 4 ธุรกิจหลัก

    ความสำเร็จในธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับทำรายได้จำนวนมากให้บิวตี้เจมส์กรุ๊ป ซึ่งนอกจากธุรกิจเครื่องประดับอัญมณีแล้ว ยังมีอีก 3 ธุรกิจที่สร้างรายได้รวมกว่า 8 พันล้านบาทในปี 2566 ที่ผ่านมา และยังคงเติบโตต่อเนื่องตามภาพรวมเศรษฐกิจการลงทุนและการท่องเที่ยว



    สุริยนเผยว่า ธุรกิจทั้ง 4 ขามีความเชื่อมโยงกันเป็นอย่างดีต่อวงจรการผลิตเครื่องประดับอัญมณีให้ครบไลน์ได้ภายในประเทศไทย และยังต่อยอดการขายจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติมเข้ามา จากการเชื่อมโยงฐานลูกค้ากลุ่มเดียวกัน เป็นธุรกิจที่ส่งเสริมซึ่งกันและกัน

    “ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เราทำอยู่แล้ว โดยเฉพาะสนามกอล์ฟ The Royal Gems Golf & Sports Club ที่ศาลายาเป็นธุรกิจของครอบครัว” ธุรกิจกอล์ฟและเครื่องประดับอัญมณีมีฐานลูกค้าเดียวกันเชื่อมโยงกันได้จึงมีการต่อยอดมาสู่การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ ทั้งที่อยู่อาศัย ซึ่งมีทั้งบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียม รวมถึงพื้นที่เพื่อการพาณิชย์ด้วย

    สุริยนเผยว่า 4 ขาธุรกิจในกลุ่มบิวตี้เจมส์ประกอบด้วย 1.ธุรกิจเครื่องประดับอัญมณี 2.ธุรกิจสนามกอล์ฟและอสังหาริมทรัพย์ 3.การพัฒนาพื้นที่เพื่อการพาณิชย์ (community mall) โครงการ พาร์คเลน ที่สุขุมวิท

    และ 4.ธุรกิจ refinery ทองคำ และจำหน่ายทองคำก้อนแบรนด์ Bangkok Assay Office ซึ่งดำเนินงานในนาม บริษัท บางกอกแอสเสย์ออฟฟิส จำกัด เป็นบริษัทเก่าแก่อายุใกล้เคียงกับ Beauty Gems โดยธุรกิจนี้ก่อตั้งขึ้นเพื่อให้ Beauty Gems สามารถทำ refinery ทองคำเพื่อนำมาใช้ทำเครื่องประดับอัญมณีได้ภายในเมืองไทย จากที่ก่อนหน้านี้การ refinery จะต้องส่งไปทำที่ต่างประเทศ ธุรกิจนี้ถือเป็นการต่อวงจรธุรกิจที่เอื้อกับธุรกิจหลักได้เป็นอย่างดี

    “เราทำโรงงาน refinery เอง ทำหมุนเวียนกลับมาโรงงาน ไม่ต้องบินไปทั่วโลก ทำให้ครบวงจรในประเทศไทย ทำให้ทุกอย่างพร้อมเป็นธุรกิจเครื่องประดับครบวงจร” สุริยนเล่าอย่างรวบรัดพร้อมย้ำว่า ธุรกิจอัญมณีเป็นธุรกิจสำคัญ ปีต่อปีทำรายได้ไม่น้อย จ้างงานในอุตสาหกรรมกว่า 1 ล้านคน ควรค่าแก่การอนุรักษ์ให้เป็นธุรกิจหลักของประเทศ เพราะสร้างงานให้คนจำนวนมากและสร้างรายได้มหาศาลให้ประเทศ

    “ธุรกิจอัญมณีเป็นธุรกิจสำคัญที่เราควรสะสมไว้ชั่วลูกหลาน และพัฒนาต่อยอดให้เติบโตยิ่งขึ้น”

    ย้อนกลับที่ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์สุริยนเผยว่า ครอบครัวเขาทำธุรกิจนี้มากว่า 30 ปีแล้ว ไม่ใช่เพิ่งทำ “ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์คนไม่ค่อยรู้ว่าเราทำ ที่จริงเราทำมานานแล้วตั้งแต่สมัยคุณพ่อคุณแม่” โดยทำทั้งสนามกอล์ฟและที่อยู่อาศัยขายให้กับฐานลูกค้าที่มีในมือ

    ต่อมาในยุคของสุริยนเขาได้ร่วมมือกับเพื่อนที่ทำบริษัทอสังหาฯ ชื่อ Altitude และ One หมายถึงชื่อ “หนึ่ง” ธุรกิจอสังหาฯ ที่เขาร่วมทำกับเพื่อนจึงเป็น One Altitude โดยสุริยนเคยให้สัมภาษณ์กับ TISCO Wealth ไว้ว่า เขาต้องการพัฒนาให้โครงการเป็น “ที่หนึ่งและหนึ่งเดียว” (One & Only) สะท้อนความหรูหราในความเป็น “หนึ่ง-สุริยน” แห่ง Beauty Gems ซึ่งเป็นภาพลักษณ์ที่โดดเด่นของเขา

    “เราจะทิ้งความหรูหราไปไม่ได้ ไม่ว่าห้องจะราคาล้านกว่าหรือหลายสิบล้านบาททุกห้องต้องดูดี เรียบ โก้ เข้ากับคอนเซ็ปต์ของโครงการและคำว่า One & Only” สุริยนย้ำ และว่า คอนเซ็ปต์นี้ยังสะท้อนแนวคิดที่ว่า สิ่งที่คุณซื้อไปมีความพิเศษที่หาไม่ได้จากที่อื่น ไม่ว่าจะเป็นโครงการอสังหาฯ หรือเครื่องประดับเพชรซึ่งทำด้วยใจ ใส่ใจทำให้ทุกชิ้นออกมาดี ควรค่าแก่การเก็บสะสม เหมาะกับการลงทุน และมูลค่าของมันจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะบ้านและเครื่องประดับถือเป็นเพชรน้ำงามที่ยิ่งนานวันก็ยิ่งหาไม่ได้จากที่ไหน

    “ถ้าเปิดประเทศอสังหาฯ บ้านเราจะยิ่งขายดี เพราะคนต่างชาติอยากอยู่ในประเทศที่ดูแลชีวิตเขาได้ ซึ่งช่วงโควิด-19 ประเทศไทยได้พิสูจน์ให้เห็นว่าการแพทย์เราเก่งดูแลผู้ป่วยได้ดี และคนไทยก็ร่วมมือสามัคคีกันดีในการควบคุมโรคระบาด” นอกจากนี้ คนไทยยังได้มีความร่วมแรงร่วมใจและรวมกันเป็นหนึ่งช่วยเหลือแบ่งปันกันในยามทุกข์ยาก ทำให้ต่างชาติมองว่าเมืองไทยเป็นบ้านที่อบอุ่น มีคุณค่า ความดีงามเหล่านี้จะอยู่กับประเทศไทยไปตลอดถ้าเราทุกคนช่วยกันรักษาไว้



ภาพ: วรัชญ์ แพทยานันท์ และ Beauty Gems



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : สุธี อภิชนรัตนกร เสริมแกร่ง NAT ติดอาวุธคู่ค้าไอทีระดับโลก

คลิกอ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนเมษายน 2567 ในรูปแบบ e-magazine