จากผงชูรสเบอร์หนึ่งไทย ‘อายิโนะโมะโต๊ะ’ กำลังลุยธุรกิจใหม่ ‘อาหารเสริม-แอปดูแลสุขภาพ’ - Forbes Thailand

จากผงชูรสเบอร์หนึ่งไทย ‘อายิโนะโมะโต๊ะ’ กำลังลุยธุรกิจใหม่ ‘อาหารเสริม-แอปดูแลสุขภาพ’

‘อายิโนะโมะโต๊ะ’ แบรนด์ผงชูรสที่ครองมาร์เก็ตแชร์อันดับหนึ่งในไทย กำลังขยายไปสู่ธุรกิจในน่านน้ำใหม่อย่าง ‘อาหารเสริม’ และเฮลท์เทคฯ อย่าง ‘แอปพลิเคชั่นดูแลสุขภาพ’


    หากพูดถึงแบรนด์ผงชูรสในไทยแล้ว แน่นอนว่าเราคงนึกถึง ‘อายิโนะโมะโต๊ะ’ มาเป็นอันดับแรกในไทยอย่างแน่นอน ด้วยทำตลาดมายาว และปัจจุบันครองมาร์เก็ตแชร์อันดับหนึ่งในไทยที่สัดส่วน 93.3% จากมูลค่าตลาดรวม 15,000 ล้านบาท

    ไม่ใช่แค่ผงชูรสเท่านั้น แต่โปรดักต์อื่นๆ ของอายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) ก็ครองมาร์เก็ตแชร์อันดับหนึ่งด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น ‘รสดี’ ที่ครองสัดส่วน 89.5% ในตลาดผงปรุงรสมูลค่า 10,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมี ‘เบอร์ดี้’ ที่ครองสัดส่วนถึง 53.5% ในตลาดเครื่องดื่มกาแฟกระป๋องเมืองไทยด้วย ส่วนอีกโปรดักต์คือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบรนด์ ‘ยำยำ’ นั้นแม้จะไม่ได้อยู่ในอันดับหนึ่ง แต่ก็ครองมาร์เก็ตแชร์เป็นอันดับ 2 ของตลาด


    ความสำเร็จของอายิโนะโมะโต๊ะในประเทศไทยสะท้อนผ่านตัวเลขผลประกอบการในปีงบประมาณ 2023 (สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2023) ที่มากถึง 32,000 ล้านบาท และเป็นบริษัทกลุ่มธุรกิจผู้ผลิตอาหารที่ใหญ่เป็นอันดับ 8 ของไทยไปแล้ว

    อิชิโระ ซะกะระกุ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้อายิโนะโมะโต๊ะอยู่ในอันดับ 8 ได้นั้น คือการเพิ่มสัดส่วนการขายโปรดักต์ให้กับร้านข้างทางในไทย ที่ปัจจุบันนับตั้งแต่โควิดคลี่คลาย ผู้บริโภคชาวไทยก็กลับมารับประทานอาหารนอกบ้านมากขึ้นจนใกล้เคียงกับช่วงก่อนโควิดแล้ว

    อีกปัจจัยหนึ่งยังมาจากการออกสินค้าที่สนับสนุนแนวทางความยั่งยืน เช่น กาแฟเบอร์ดี้ ก็มีการสนับสนุนเมล็ดกาแฟจากชาวไร่กาแฟในไทย เป็นต้น ซึ่งเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผู้บริโภคในปัจจุบันให้ความสนใจ

อิชิโระ ซะกะระกุ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย)


    “ปีที่แล้วเราออกสินค้าใหม่ 14 SKU ตัวที่ทำให้มีการเติบโตสูงมากคือสินค้ากลุ่มที่ใช้กรดอะมิโน ที่มีการเติบโตในระดับ Double Digit โดยมีโปรดักต์ไฮไลต์คือ Amino Mof”

    ทั้งนี้ Amino Mof คือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีกรดอะมิโนสำคัญที่มีส่วนช่วยในการสังเคราะห์โปรตีนกล้ามเนื้อ เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มเดินได้ช้า ไม่ค่อยมีแรง เคลื่อนไหวไม่สะดวก หรือกังวลเกี่ยวกับกล้ามเนื้ออ่อนแรงเมื่อสูงวัย

    นอกจาก Amino Mof แล้ว อายิโนะโมะโต๊ะยังออกโปรดักต์ใหม่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอีกแบรนด์หนึ่งด้วย คือ Amino Vital ซึ่งเป็นเจลพลังงานพร้อมทาน เหมาะกับกีฬาที่ต้องใช้กล้ามเนื้อและพลังงานอย่างหนักและต่อเนื่อง


    และธุรกิจอาหารเสริมรวมถึงการมุ่งเน้นสุขภาพที่ดีนี้เอง คือธุรกิจใหม่ที่อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) ให้ความสนใจ โดยตั้งเป้าว่าภายในปี 2030 บริษัทจะออกโปรดักต์ใหม่ทั้งหมดรวมทุกกลุ่มประมาณ 10 SKU โฟกัสไปที่กลุ่มที่ใช้ศาสตร์แห่งกรดอะมิโน (AminoScience) เพื่อเอาใจคนรักสุขภาพ ซึ่งเป็นอาหารเสริมอย่างน้อย 2 SKU

    อิชิโระ ซะกะระกุ บอกว่า ตลาดอาหารเสริมในไทยมีมูลค่าประมาณ 30,000 ล้านบาท ซึ่งอายิโนะโมะโต๊ะมองว่าบริษัทยังมีโอกาสในตลาดนี้อีกมาก โดยในปี 2024 ตั้งใจว่าจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกรดอะมิโนสำหรับการนอนหลับ โภชนาการกีฬา บำรุงร่ายกาย และความงามด้วย

    การขยายธุรกิจด้านสุขภาพของอายิโนะโมะโต๊ะไม่ได้มีแค่อาหารเสริม แต่ล่าสุดยังเปิดตัวเซอร์วิสสุดล้ำ “แอปพลิเคชัน i-LiveWell - แพลตฟอร์มกินดีมีสุขฉบับมนุษย์เงินเดือน” ด้วย

    วันนเรศวร์ สุขีลักษณ์ ผู้จัดการแผนกธุรกิจใหม่ บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเสริมว่า “เป็นครั้งแรกที่บริษัทฯ ต่อยอดความเชี่ยวชาญจากผู้ผลิตอาหารสู่เซอร์วิส ด้วยการเปิดตัวนวัตกรรมสุขภาพสำหรับองค์กร แอปพลิเคชัน i-LiveWell - แพลตฟอร์มกินดีมีสุขฉบับมนุษย์เงินเดือน

    โดยร่วมมือกับพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพ Invitrace พัฒนาแอปรุกตลาดการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันด้วยโมเดลธุรกิจแบบ B2B เตรียมเจาะ 50 บริษัททั่วไทยที่มีนโยบายเกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพของพนักงาน เพื่อปลั๊กอินยกระดับสุขภาพพนักงานออฟฟิศด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล เสริมไลฟ์สไตล์สร้างความกินดีมีสุข ดูแลสุขภาพกาย-ใจให้ดีแบบองค์รวม

วันนเรศวร์ สุขีลักษณ์ ผู้จัดการแผนกธุรกิจใหม่ บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด


    โดยแอปฯ ดังกล่าวมีฟีเจอร์หลักคือ 1) A.I. Personal Health คำนวณแคลอรี่ นับก้าวเดิน ทำอาหาร ออกกำลังกาย การประเมินสุขภาพ ที่เชื่อมโยงกับภารกิจของบริษัท 2) Entertainment Activity เกมและอวตาร คอมมูนิตี้ และรางวัลพิเศษ ซึ่งจะช่วยให้องค์กรสามารถป้องกันและดูแลสุขภาพที่ดีแก่พนักงานให้ “กินดีมีสุข” อย่างยั่งยืน

    โดยเดินเกมขยายธุรกิจด้านบริการอย่างเต็มตัว ค่าบริการเริ่มต้นอยู่ที่ 100 บาท/คน/เดือน แต่ถ้าองค์กรไหนใช้เยอะราคาก็จะถูกลงอีก ตั้งเป้ามีพนักงานผู้ใช้งานกว่า 3,000 คน ภายในปี 2025

    ทั้งนี้ อายิโนโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) ตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากธุรกิจใหม่ในปีนี้อยู่ที่ 5% และเติบโตในระดับ Double Digit ในอนาคต


เตรียมขึ้นราคาบางโปรดักต์ คุมค่าใช้จ่าย

    นอกจากแผนของธุรกิจใหม่แล้ว ภาพรวมของธุรกิจหลักในปีนี้ อิชิโระ ซะกะระกุ คาดว่าปีงบประมาณนี้รายได้น่าจะเติบโตมากกว่าการเติบโตของ GDP ไทย อย่างไรก็ตาม ปัญหาสำคัญที่ยังต้องติดตามในระยะยาวคือเรื่องวัตถุดิบมันสำปะหลัง ที่กระทบกับราคาต้นทุนวัตถุดิบ โดยบริษัทวางแผนปรับราคาบางโปรดักต์ขึ้นอีกในปีนี้ นอกจากนี้ บริษัทได้พยายามควบคุมต้นทุนและระมัดระวังเรื่องค่าใช้จ่ายด้วย


    “นอกจากการสร้างความกินดีมีสุขให้กับคนไทยผ่านโภชนาการที่ดีแล้ว อายิโนะโมะโต๊ะยังมุ่งสร้างความยั่งยืนต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ในฐานะที่บริษัทฯ เป็นผู้ใช้แป้งมันสำปะหลังเบอร์หนึ่งในประเทศไทย เราจึงมุ่งมั่นการดำเนินงานเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ด้วยการสานต่อโครงการ Thai Farmer Better Life Partner ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 เพื่อเพิ่มศักยภาพและเสริมทักษะเกษตรกรไทยแบบครบวงจร

    “เริ่มตั้งแต่การเข้าไปสำรวจปัญหาของเกษตรกร พร้อมร่วมมือกับหน่วยงานชั้นนำ อาทิ กรมส่งเสริมการเกษตร และ BIOTEC-NSTDA เป็นต้น ด้วยการใช้แนวคิดวัฏจักรชีวภาพ (Ajinomoto Biocycle) สร้างระบบนิเวศเชิงบวกในการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของเกษตรกรไทย ซึ่งช่วยลดการปล่อยคาร์บอน และสร้างการเติบโตให้ผลผลิต 26-28%

    “พร้อมสนับสนุนประเทศไทยเดินหน้าสู่ศูนย์กลางการเกษตรและอาหาร (Agriculture Hub) ด้วยการเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร ลดคาร์บอน และการจัดหาวัตถุดิบอย่างยั่งยืน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและการเกษตรของไทย อายิโนะโมะโต๊ะพร้อมอยู่เคียงข้างดูแลสุขภาพที่ดีให้แก่ผู้บริโภค สร้างความกินดีมีสุขแก่สังคมไทย และเติบโตไปพร้อมกับการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน” อิชิโระ ซะกะกุระ กล่าวทิ้งท้าย



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ‘อายิโนะโมะโต๊ะ’ เดินหน้า Green Logistics ทุ่ม 40 ล้านบาท ใช้รถ EV ขนส่งสินค้า

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine