เฟรเซอร์สฯ รวบซื้อ โกลเด้นแลนด์ ก้าวสู่องค์กรใหญ่มูลค่า "แสนล้าน" - Forbes Thailand

เฟรเซอร์สฯ รวบซื้อ โกลเด้นแลนด์ ก้าวสู่องค์กรใหญ่มูลค่า "แสนล้าน"

ความเคลื่อนไหวในการประกาศเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของ โกลเด้นแลนด์ โดยเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) เริ่มต้นมาตั้งแต่กลางปี 2562 ล่าสุดมีความชัดเจนในการตกลงขายหุ้นทั้งหมด พร้อมแผนถอนตัวจากตลาดหลักทรัพย์ เป็นการจัดพอร์ตอสังหาฯของกลุ่มเจริญ ในสายธุรกิจอสังหาฯเฟรเซอร์จากสิงคโปร์

แม้จะไม่ใช่เรื่องใหม่แต่ก็เป็นความเคลื่อนไหวที่น่าจับตา กรณี เฟรเซอร์ส์ พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) ประกาศเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดใน โกลเด้นแลนด์ ซึ่งทั้งสองบริษัทเป็นธุรกิจอสังหาฯในครอบครัวสิริวัฒนภักดีซึ่ง เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี จัดสรรให้ ปณต สิริวัฒนภักดี บุตรชายคนเล็ก ซึ่งปัจจุบันนั่งเป็นประธานกลุ่มบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ลิมิเต็ด (สิงคโปร์) ที่ได้มาพร้อมการเทคโอเวอร์หุ้นเอฟแอนด์เอ็น บริษัทอาหารเครื่องดื่มและอสังหาฯรายใหญ่จากสิงคโปร์เมื่อหลายปีก่อน

ก่อนหน้านี้ได้มีการจัดพอร์ตลงทุนโดยเฟรเซอร์ฯ สิงคโปร์ถือหุ้นให้เฟรเซอร์ประเทศไทย และเป็นเจ้าของผู้พัฒนาโครงการใหญ่ วันแบงค็อก เมืองธุรกิจแสนล้านริมถนนพระราม 4-ถนนวิทยุ ที่ใกล้จะพัฒนาแล้วเสร็จในปัจจุบัน การรวบซื้อหุ้นโกลเด้นแลนด์เข้ามารวมกับเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จะทำให้เฟรเซอร์สฯ กลายเป็นบริษัทอสังหาฯ ใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 3 ของตลาด ที่มีการพัฒนาโครงการอสังหาฯครอบทุกรูปแบบ ทั้งคอมเพล็กซ์ อาคารสำนักงาน โรงแรม บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ คอนโดมิเนียม คลังสินค้า เรียกได้ว่าจากสินค้าระดับแมสราคาเริ่มต้นเพียง 1 ล้านบาทเศษ ไปจนถึงสินค้าระดับไฮเอนด์ราคาหลายร้อยล้านบาท

คลังสินค้าของเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้

อย่างไรก็ดี พอร์ตธุรกิจอสังหาฯของครอบครัวสิริวัฒนภักดีนอกจากเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) แล้ว ยังมีบริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่เจ้าสัวมอบหมายให้ วัลลภา ไตรโสรัส บุตรสาวคนรองนั่งบริหารในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ และเพิ่งนำกิจการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อไม่นานมานี้

การรวมบริษัทโกลเด้นแลนด์ และเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จึงเป็นอีกก้าวสำคัญในการรวบพอร์ตธุรกิจอสังหาฯ จัดสรรมรดกทางธุรกิจครั้งสำคัญของตระกูลสิริวัฒนภักดีครอบครัวที่ใครๆ ก็รู้ว่าถือครองอสังหาฯทั่วฟ้าเมืองไทยมากจนนับไม่ถ้วน นี่คงไม่ใช่ครั้งสุดท้ายในการรวบธุรกิจ เนื่องจากพอร์ตอสังหาฯของตระกูลมหาเศรษฐีไทยอันดับ 3 ที่มีความมั่งคั่งกว่า 3.4 แสนล้านบาท (ลดลงจากปี 2562) จากผลกระทบ COVID-19 ที่ทำให้มูลค่าสินทรัพย์ทั่วโลกลดลง ยังมีทรัพย์สินที่ไม่ได้นำมารวมในกลุ่มบริษัทข้างต้นอีกจำนวนไม่น้อย สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นเพียงยกแรกของการจัดพอร์ตเท่านั้น

 

โกลเด้นแลนด์รับคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมด

เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2563 บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ โกลเด้นแลนด์ (GOLD) ได้เผยแพร่ข้อความว่า เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2563 บริษัทได้รับคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัท จากบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (“FPT”) ทั้งนี้ เพื่อเพิกถอนหลักทรัพย์ของโกลเด้นแลนด์ออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นไปตามแผนของเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) ที่ได้ประกาศเริ่มรับซื้อรอบแรกในเดือนมิถุนายนปี 2562 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ เพื่อปรับกลยุทธ์ เพิ่มศักยภาพของการเชื่อมโยง ต่อยอดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของกลุ่มให้อยู่ในแพลตฟอร์มเดียวกัน ก้าวสู่การเป็นผู้นำในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีความหลากหลาย ครอบคลุมอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัย (Residential) โครงการเชิงพาณิชย์ (Commercial) และพื้นที่เชิงอุตสาหกรรม (Industrial) ภายใต้ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย)

โครงการที่อยู่อาศัยของโกลเด้นแลนด์

โดยการขอเพิกถอนหลักทรัพย์ของ GOLD ออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ นั้นได้รับอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของ GOLD เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2562 และ วันที่ 19 พฤษภาคม 2563 FPT เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ GOLD จำนวน 2.2 พันล้านหุ้น คิดเป็นประมาณ 95.65% ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ GOLD โดย FPT จะทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ที่เหลือทั้งหมดของ GOLD จำนวน 101 ล้านหุ้น คิดเป็นประมาณ 4.35% ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ GOLD โดยมีราคาเสนอซื้อ 8.50 บาทต่อหุ้น ระยะเวลารับซื้อรวมทั้งสิ้น 45 วันทำการ ตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม – 23 กรกฎาคม 2563

ธนพล ศิริธนชัย ประธานอำนวยการ บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือโกลเด้นแลนด์ เปิดเผยว่า ก้าวต่อไปของโกลเด้นแลนด์ คือการก้าวเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร (Fully Integrated Real Estate Company) ที่มีความหลากหลาย ครอบคลุมอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัย (Residential) โครงการเชิงพาณิชย์ (Commercial) และพี้นที่เชิงอุตสาหกรรม (Industrial) แห่งแรกของประเทศไทย ภายใต้นโยบายการลงทุนของเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย)

ธนพล ศิริธนชัย

การรวมกิจการดังกล่าวจะเป็นการเพิ่มศักยภาพที่จะเติบโตอย่างสมดุล และยั่งยืนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย โดยเมื่อรวมกันแล้วจะกลายเป็นบริษัทฯ ที่มีสินทรัพย์รวมมากกว่า 1 แสนล้านบาท และมั่นใจว่า ก้าวต่อไปของการรวมกันในอนาคตอันใกล้นี้ ไม่เพียงแต่เป็นการเพิ่มศักยภาพในการเติบโตอย่างยั่งยืนของธุรกิจ ยังเป็นการเพิ่มโอกาสให้พนักงานของบริษัทฯทุกคน ได้เติบโตตามศักยภาพด้วยเช่นกัน

   
ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine