ศุภาลัยยังคงเป็นบริษัทจากกรุงเทพฯ ที่ออกบุก ตลาดต่างจังหวัด มากที่สุด โดยปี 2562 มีการเปิดตัวไปแล้ว 16 จังหวัด และปีนี้จะเปิดในจังหวัดใหม่เพิ่มอีกที่ อยุธยา-พิษณุโลก “ประทีป” มองตลาดภูธรมีกำลังซื้อ มีโอกาสผลักดันยอดขายไปถึง 30% ของทั้งบริษัท จากปัจจุบันอยู่ที่ 27%
บริษัทอสังหาริมทรัพย์จากกรุงเทพฯ หลายแห่งเลือกขยายตลาดออกสู่ต่างจังหวัด แต่
บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) น่าจะเป็นดีเวลลอปเปอร์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่ขยายตัวไปในหลายจังหวัดมากที่สุด โดย
ประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร ของศุภาลัยเปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทปักหมุดไปแล้วใน 16 จังหวัด ไม่นับรวมกรุงเทพฯ-ปริมณฑล และ
ปีนี้จะมีการเปิดตัวในจังหวัดใหม่เพิ่มอีกที่พระนครศรีอยุธยาและพิษณุโลก
ศุภาลัยเริ่มรุกตลาดจังหวัดในภาคใต้ก่อนจะขยายไปครบทุกภาคของประเทศไทย
โดยปี 2561 ยอดขายจากภูธรคิดเป็น 26% ของยอดขายรวมทั้งบริษัท 33,343 ล้านบาท ขณะที่ปี 2562 ประทีปฉายภาพเป้ายอดขายจากต่างจังหวัดจะขยับขึ้นเป็น 27% ของเป้ารวมบริษัทที่ตั้งไว้ 35,000 ล้านบาท
“ปีนี้โดยภาพรวมเชื่อว่าตลาดอสังหาฯ ทั้งประเทศยังดีอยู่ ภาวะเศรษฐกิจประเทศที่คาดการณ์กันว่าจะโต 3.9% จากปีก่อนโต 4.2% การเติบโตชะลอลงแต่ไม่ได้แย่ ส่วนจังหวัดไหนจะดีต้องดูไปแต่ละปี อย่างปีนี้สำหรับศุภาลัย แน่นอนว่าแรงขับสำคัญจะมาจากจังหวัดในอีอีซี (เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก) และจังหวัดภูเก็ตก็ยังทำยอดขายได้” ประทีปกล่าว
กลยุทธ์เลือกเจาะตลาดภูธร
การขยายตัวในต่างจังหวัดของศุภาลัย ประทีปเปิดเผยกลยุทธ์มุมมองการเลือกเจาะตลาดว่า มีปัจจัยหลายอย่างที่ต้องพิจารณา เริ่มแรกในภาพรวมมิใช่ทุกจังหวัดที่เหมาะสม จังหวัดที่ใช่คือ
หนึ่ง เจ้าหน้าที่ไปตรวจไซต์งานก่อสร้างได้ง่าย หมายความว่าต้องมีสนามบินหรือขับรถไปถึงในระยะใกล้
สอง มีตลาดเพียงพอให้เปิดตัวได้ 3 โครงการเป็นอย่างน้อย เพื่อให้ได้ economy of scale
“ยกตัวอย่างจังหวัดที่น่าสนใจอย่างจันทบุรี มีคนแนะนำผมว่าจันทบุรีเจริญเร็ว แต่ขับรถไกลเกินไป จะลำบากในการทำงาน จึงยังไม่ได้เข้าไปลงทุน” ประทีปอธิบาย
หากผ่านในสองข้อแรกแล้ว บริษัทจะพิจารณา
ปัจจัยบ่งชี้การเจริญเติบโตของเมืองในหลายๆ มุม เช่น เป็นจังหวัดที่มีแหล่งรายได้จากหลายทาง (เกษตรกรรม อุตสาหกรรม ท่องเที่ยว ฯลฯ) มีสนามบิน แหล่งการศึกษา การเปิดตัวของศูนย์การค้าและร้านวัสดุก่อสร้าง รวมไปถึงขนาดและการเติบโตของเงินฝาก สินเชื่อ จำนวนรถยนต์ เป็นต้น
ส่วนจะเปิดตัวโครงการแนวราบหรือแนวสูง ประทีปกล่าวว่า โดยหลักแล้วเป็นโครงการแนวราบ หากจะมีการเปิดคอนโดมิเนียม ต้องเป็นเมืองใหญ่ที่มีคนต่างชาติอยู่อาศัย เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต ชลบุรี
ประทีปมองว่า
สัดส่วนยอดขายจากตลาดต่างจังหวัดของศุภาลัยมีโอกาสแตะ 30% ของยอดขายรวมใน 2-3 ปีข้างหน้า แต่ไม่น่าจะผลักดันได้ถึง 40-50% เพราะกรุงเทพฯ และปริมณฑลเองก็ยังเติบโตโดยราคาที่ดินและอสังหาฯ มีราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ
ลงทุนอยุธยา-พิษณุโลก-เชียงราย
ยกตัวอย่างผลลัพธ์จากการพิจารณาตามปัจจัยดังกล่าว ปีนี้ศุภาลัยมีการลงทุนที่อยุธยา 2 โครงการ จากแปลงที่ดิน 3 แปลงที่ลงทุนไว้ ประทีปอธิบายการตัดสินใจว่า เพราะอยุธยาตั้งอยู่ใกล้กรุงเทพฯ อยู่ในเส้นทางการลงทุนรถไฟความเร็วสูง เป็นแหล่งนิคมอุตสาหกรรม เสริมด้วยเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและเกษตรกรรม เห็นได้ว่าเป็นจังหวัดที่มีรายได้จากหลายทาง ส่วนพิษณุโลกจะเปิดตัว 1 โครงการและพร้อมซื้อที่ดินเพิ่มในปีนี้ ที่เลือกพิษณุโลกเนื่องจากมีสนามบินและเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยนเรศวร
อีกหนึ่งตัวอย่างการพิจารณาเลือกลงทุนของศุภาลัยในภาคเหนือ
ราชัย ปิยวาจานุสรณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายโครงการภูมิภาค 1 บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ดูแลการลงทุนในเชียงใหม่ อุดรธานี ขอนแก่น และเชียงราย ซึ่งบริษัทเปิดตัวโครงการแรกเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2561
ราชัยแจกแจงว่า แรกเริ่มศุภาลัยมีการลงทุนในเชียงใหม่มาแล้ว 9 ปี รวมมูลค่าโครงการในเชียงใหม่ 9,300 ล้านบาท จึงเริ่มมองหาจังหวัดที่จะขยายตัวได้ในภาคเหนือ พบว่า
"เชียงราย" มีความน่าสนใจ เนื่องจากมีความหนาแน่นของประชากรสูงสุดในภาคเหนือที่ 110 คนต่อตารางกิโลเมตร
อีกทั้งพบว่ามีการลงทุนด้านสาธารณสุข การศึกษา และแหล่งงาน โดยมีโรงพยาบาล 20 แห่ง สถานศึกษา 23 แห่ง และแหล่งงาน 2,888 บริษัท รวมถึงศูนย์การค้าอย่าง เซ็นทรัล บิ๊กซี และร้านวัสดุก่อสร้าง โกลบอลเฮ้าส์ โฮมโปร แม้ว่าเชียงรายจะเป็นจังหวัดที่ประชากรมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวต่ำเป็นอันดับ 7 ของประเทศ
แหล่งรายได้ของเชียงรายยังมาจากหลายทาง หลักๆ คือเกษตรกรรมจากข้าว ชา กาแฟ สับปะรด และยางพารา มีแหล่งการค้าชายแดน และที่กำลังมาแรงคือการท่องเที่ยว ซึ่งเติบโต 9.75% ในปี 2561 นอกจากนี้
ตลาดอสังหาฯ ยังมีการดูดซับปานกลางราว 3-4% ต่อเดือน โดยในตลาดมีหน่วยขายทั้งหมด 4,477 หน่วย มูลค่า 13,384 ล้านบาท เหลือขาย 1,616 หน่วย มูลค่ารวม 5,446 ล้านบาท อ้างอิงข้อมูลจาก ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์
ทำให้ศุภาลัยเลือกลงทุนในเชียงรายภายใต้โครงการศุภาลัย พาร์ควิลล์ แม่กรณ์-เชียงราย มูลค่าโครงการ 1,760 ล้านบาทเมื่อปีก่อน และปีนี้จะขยายอีกอย่างน้อย 2 โครงการคือ ศุภาลัย เบลล่า แม่กรณ์-เชียงราย และศุภาลัย การ์เด้นวิลล์ นางแล-เชียงราย มูลค่ารวม 2,000 ล้านบาท ทั้งนี้ แปลงที่ดินบริเวณนางแลทั้งหมด 120 ไร่ ยังมีพื้นที่เหลือสำหรับเปิดตัวเพิ่มได้อีก 1 โครงการ
ประทีปปิดท้ายว่า บริษัทยังมีการลงทุนซื้อที่ดินในต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่อง แปลงที่ดินในมือขณะนี้คือจังหวัดลำพูน 1 แปลง อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ 2 แปลง และ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี 2 แปลง ที่ยังรอจังหวะเหมาะในการเปิดตัวโครงการในปีต่อๆ ไป
Forbes Facts
- สำหรับภาพรวมผลประกอบการศุภาลัยปี 2561 สามารถทำยอดขายได้ 33,343 ล้านบาท เติบโต 8% และรายได้ 25,810 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าที่วางไว้เมื่อต้นปี’61 เล็กน้อย ด้านกำไรสุทธิอยู่ที่ 5,770 ล้านบาท
- ปี 2562 ในกรุงเทพฯ จะมีโครงการขนาดใหญ่ของศุภาลัยเปิดตัว คือ โครงการศุภาลัย ไอคอน สาทร มูลค่าโครงการรวม 2 หมื่นล้านบาท บนที่ดินเดิมของสถานทูตออสเตรเลีย แบ่งการพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมมูลค่า 1 หมื่นล้านบาท ห้องชุดพื้นที่ใช้สอย 40-800 ตร.ม. โดยยังไม่เปิดเผยราคาต่อตร.ม. ส่วนที่เหลือเป็นออฟฟิศเกรดเอพื้นที่ประมาณ 2 หมื่นตร.ม. และร้านค้ารีเทล ขณะนี้อยู่ระหว่างยื่นขอใบอนุญาต EIA