ไมเนอร์ฯ เตรียม 3 หมื่นล้าน ปรับโฉมโรงแรมทั่วโลก พร้อมส่งธุรกิจอาหารเจาะ ‘อาเซียน’ ปีนี้ - Forbes Thailand

ไมเนอร์ฯ เตรียม 3 หมื่นล้าน ปรับโฉมโรงแรมทั่วโลก พร้อมส่งธุรกิจอาหารเจาะ ‘อาเซียน’ ปีนี้

บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT ปรับโมเดลลงทุนลดหนี้ โตกำไรและยอดขาย เตรียม 3 หมื่นล้านปรับโฉมโรงแรมทั่วโลก เพิ่มราคาเข้าพัก พร้อมจับมือพาร์ทเนอร์เขย่าตลาดอาหาร ส่งแดรี่ควีน-เดอะพิซซ่า คอมปะนี-เดอะคอฟฟี่คลับ เจาะอาเซียนปีนี้


    ดิลลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มของ MINT เปิดเผยว่า บริษัทจะใช้เงินลงทุน 3 หมื่นล้านบาท เพื่อขยายธุรกิจโรงแรมและอาหารทั้งในและต่างประเทศภายใน 3 ปีข้างหน้า โดยงบการลงทุน 70% จะใช้ในธุรกิจโรงแรม ซึ่งเป็นการขยายในต่างประเทศ 90% ส่วนอีก 10% ที่เหลือเป็นการลงทุนในไทย

    ขณะที่งบการลงทุนที่เหลืออีก 30% จะใช้ในธุรกิจอาหาร แบ่งเป็น การลงทุนในประเทศไทย 60% และต่างประเทศ 40%

    “แผนการขยายธุรกิจของไมเนอร์ใน 3 ปีข้างหน้านี้ จะดำเนินการภายใต้ 3 กลยุทธ์หลัก กลยุทธ์แรก คือ การขยายกลุ่มธุรกิจโรงแรมใหม่ประมาณ 200-500 แห่ง และเปิดร้านอาหารทั้งในและต่างประเทศอีก 1,000 สาขา ทำให้ยอดรวมจำนวนโรงแรมใน 3 ปี จะอยู่ที่ 780 แห่ง และร้านอาหารอยู่ที่ 3,700 สาขาตามลำดับ


    “กลยุทธ์ที่ 2 บริษัทจะให้ความสำคัญกับการลดภาระหนี้ในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยสูงในตลาดสูง โดยตั้งเป้าลดอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นจาก 1.0 เท่า ณ สิ้นปี 2566 เป็น 0.8 เท่าภายในสิ้นปี 2567 ด้วยกลยุทธ์ดังกล่าว บริษัทจะสามารถเพิ่มอัตราการเติบโตของกำไรให้กับบริษัทได้ และคาดว่าหนี้ของบริษัทจะเหลือ 9 หมื่นล้านในปีนี้จาก 1 แสนล้านในปีที่ผ่านมา

    “กลยุทธ์ที่ 3 บริษัทจะใช้เงินลงทุนของตนเองให้น้อยที่สุด แต่จะมุ่งเน้นขยายธุรกิจในรูปแบบ “Asset-light model” คือจะทำสัญญารับจ้างบริหารโรงแรม โดยสัดส่วนการรับจ้างบริหารโดยไม่เน้นใช้เงินลงทุนตนเอง จะเพิ่มเป็น 40% ในอีก 3 ปี จากสัดส่วนในปัจจุบันอยู่ที่ 18% นอกจากนี้บริษัทก็จะเน้นการขยายร้านอาหารผ่านการทำแฟรนไชส์ด้วย เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

    ดิลลิปกล่าวต่อว่า สำหรับธุรกิจอาหาร หรือฃไมเนอร์ ฟู้ด จะเสริมความแข็งแกร่งในอาเซียนด้วยการเปิดร้านอาหารแฟรนไชส์ในเวียดนามและสิงคโปร์ภายใต้ ซิซซ์เลอร์, เดอะคอฟฟี่ คลับ และเดอะ พิซซ่า คอมปะนี ยิ่งไปกว่านั้น MINT ได้เข้าซื้อกิจการแดรี่ ควีนเพื่อดำเนินงานในอินโดนีเซีย และเปิดตัว เดอะ พิซซ่า คอมปะนี, สเวนเซ่นส์ และกาก้า ทั้งนี้แผนทั้งหมดที่กล่าวข้างต้นจะสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการขยายธุรกิจสู่ตลาดที่มีการเติบโตสูง โดยเฉพาะตลาดภายในกลุ่มอาเซียน


    ทั้งนี้ ไมเนอร์ฟู้ดส์ยังเตรียมขยายธุรกิจไอศกรีม แดรี่ ควีนในอินโดนีเซียเพิ่มอีก 10 เท่าภายในอีก 2-3 ปีข้างหน้า

    “เรายังเตรียมขยายธุรกิจฟู้ดส์ของไมเนอร์อื่นๆ ไปในประเทศที่เราดำเนินธุรกิจอยู่แล้วและยังไม่เคยมีมาก่อน ทั้ง ฟิลิปปินส์ ตะวันออกกลาง ออสเตรเลีย จีน เป็นต้น” ดิลลิปกล่าว และว่า แผนทั้งหมดที่กล่าวข้างต้นนี้ จะสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการขยายธุรกิจสู่ตลาดที่มีการเติบโตสูง โดยเฉพาะตลาดภายในกลุ่มอาเซียน

    สำหรับธุรกิจโรงแรม งบการลงทุนจะถูกใช้ไปในการปรับโฉมโรงแรมเพื่อเพิ่มมูลค่าราคาห้องพัก รวมถึงรีแบรนด์ไปสู่แบรนด์ที่พรีเมียมมากขึ้นอีกประมาณ 20-30 แห่ง ทำให้โรงแรมระดับพรีเมียมเพิ่มเป็น 50 แห่งใน 2 ปีข้างหน้า

    สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในปีที่ผ่านมา บริษัทมีกำไรสุทธิ 7,100 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3 เท่าตัวจากปีก่อน สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวที่เดินทางในไทยและผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในทวีปยุโรป

ดิลลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มของ MINT


    โดยในไตรมาส 4 ปี 2566 ไมเนอร์ โฮเทลส์รายงานรายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนของโรงแรมในประเทศไทยและทวีปยุโรปและละตินอเมริกา เติบโตที่ร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และสูงกว่าปี 2562 ที่ร้อยละ 23 และ 27 ตามลำดับ ตลอดทั้งปี 2566 ไมเนอร์ โฮเทลส์ มีรายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนทั้งหมดมากกว่าปี 2565 และปี 2562 ที่ร้อยละ 30 และ 31 ตามลำดับ

    ในขณะเดียวกัน ไมเนอร์ ฟู้ด มียอดขายโดยรวมทุกสาขาในปี 2566 เติบโตร้อยละ 11 โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของกิจกรรมการรับประทานอาหารภายในร้าน ตลอดจนกลยุทธ์ด้านการเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมใหม่ๆ และการตลาดของธุรกิจในทุกประเทศ

    ดิลลิปกล่าวต่อว่า ไมเนอร์เริ่มต้นธุรกิจอย่างแข็งแกร่งในปี 2567 โดยมีรายได้จากห้องพักในเดือนมกราคมและรายได้จากการจองห้องพักล่วงหน้าในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคมสูงกว่าระดับของปี 2566 ถึงร้อยละ 39 สำหรับประเทศไทยและที่ร้อยละ 20 สำหรับทวีปยุโรป

    ทั้งนี้ ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ประกอบ 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจร้านอาหาร และธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์ โดยมีโรงแรมและเซอร์วิส สวีทมากกว่า 530 แห่ง ใน 55 ประเทศ และร้านอาหารกว่า 2,600 สาขา ใน 24 ประเทศ



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : “ไมเนอร์ โฮเทลส์” ลุยเต็มสูบ ตั้งเป้าเปิดโรงแรมใหม่ 200 แห่งใน 3 ปี

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine