‘โตชิบา’ จ่อย้ายเพิ่ม ฐานผลิตตู้เย็นบางรุ่น จากจีนกลับไทยครึ่งปีหลัง พร้อมเตรียมเปิดโรงงานตู้เย็นใหม่ที่ระยอง - Forbes Thailand

‘โตชิบา’ จ่อย้ายเพิ่ม ฐานผลิตตู้เย็นบางรุ่น จากจีนกลับไทยครึ่งปีหลัง พร้อมเตรียมเปิดโรงงานตู้เย็นใหม่ที่ระยอง

‘โตชิบา’ จ่อย้ายเพิ่ม ฐานผลิตตู้เย็น จากจีนกลับไทยครึ่งปีหลัง และเตรียมเปิดโรงงานตู้เย็นแห่งใหม่ที่ระยองเป็นฐานผลิตส่งออก หวังลดเสี่ยงจากค่าเงินและเศรษฐกิจผันผวน เตรียมพร้อมส่งสินค้าใหม่อีก 27 รุ่นสู่ตลาดครึ่งปีหลัง ดันยอดทั้งปีโต 20% สูงสุดในรอบ 8 ปี


    อเล็กซ์ มา รองประธาน บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด ผู้แทนจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านยี่ห้อโตชิบา กล่าวว่า เนื่องจากผลกระทบจากปัจจัยภายนอก อาทิ ความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจโลกและในจีน ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงิน และความได้เปรียบในการมีฐานผลิตในจีนลดลงภายหลังโควิด ทำให้บริษัทปรับกลยุทธ์การเติบโตของบริษัทอย่างต่อเนื่องในระยะยาว ด้วยการลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

    โดยได้ทยอยย้ายฐานการผลิตสินค้าตู้เย็นขนาดใหญ่กว่า 50% บางรุ่นมาผลิตที่โรงงานของโตชิบาในอุตสาหกรรมบางกระดี จังหวัดปทุมธานี ใน 2 ปีที่ผ่านมา และจะทยอยนำสินค้าขนาดใหญ่รุ่นอื่นๆ เข้ามาผลิตในไทยเพิ่มขึ้น

    นอกจากนี้ยังจะเติบโตจากการวางตลาดสินค้าพรีเมียม ออนไลน์แคมเปญ การปรับโฉมช่องทางจำหน่ายและบริการหลังการขาย

    “การหันมาใช้ฐานการผลิตในไทยจะทำให้ราคาสินค้าของโตชิบาแข่งขันในตลาดได้ดีขึ้น รองรับธุรกิจของโตชิบาในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เติบโตขึ้น และป้องกันความเสี่ยงที่อาจจะเกิดจากความผันผวนของค่าขนส่งทางเรือเหมือนกับที่ได้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในช่วงระบาดของโควิด” อเล็กซ์กล่าว


อเล็กซ์ มา รองประธาน บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด

    รายงานข่าวกล่าวว่า ในปลายปียังจะมีการเปิดโรงงานผลิตตู้เย็นสองประตูขนาดมากกว่า 400 ลิตรแห่งใหม่ที่จังหวัดระยอง เพื่อส่งออกไปยังต่างประเทศด้วย โดยเป็นการลงทุนผ่านบริษัทไมเดีย ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของโตชิบา

    “ไม่ว่าเศรษฐกิจในอนาคตจะเป็นอย่างไร เราไม่สามารถควบคุมได้ แต่เรายังเชื่อมั่นประเทศไทย เรามีความพร้อมที่จะขยายธุรกิจต่อเนื่องและเตรียมแผนต้อนรับเสมอ” อเล็กซ์ย้ำ

    ทั้งนี้ ธุรกิจของโตชิบาในไทยย้อนหลังไป 5 ปีมีการเติบโตเฉลี่ยถึงปีละ 12% ท่ามกลางความท้าทายและปัจจัยลบต่างๆ และล่าสุดผลประกอบการของโตชิบาในครึ่งปีแรกนี้สามารถเติบโตได้สูงถึง 26% เทียบกับตลาดรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน (ไม่รวมทีวี) ที่เติบโตเพียง 6% เท่านั้น

    อเล็กซ์ กล่าวว่า เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ ได้แก่ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า และเครื่องปรับอากาศ โดยรวมเติบโต 10% และหากไม่นับรวมเครื่องปรับอากาศจะเติบโต 5% ส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กติดลบ 7% เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี สาเหตุหลักมาจากอากาศร้อนมากและภาวะภัยแล้งหนัก


    ยอดขายโตชิบาเติบโตมากกว่าการเติบของอุตสาหกรรมกว่า 4 เท่าตัวในครึ่งปีแรก จากเครื่องซักผ้าที่เติบโตมากถึง 47% เนื่องจากมีสินค้ารุ่นใหม่ๆ ออกตลาดมากขึ้น โดยเฉพาะเครื่องซักผ้าฝาหน้า ประกอบกับสินค้าหลายรุ่นย้ายฐานการผลิตมาในประเทศไทย ทำให้มีความได้เปรียบในเรื่องราคา รวมไปถึงการบริหารซัพพลายเชน

    สำหรับสินค้าที่เติบโตรองลงมา ได้แก่ กลุ่มไมโครเวฟ ที่เติบโตถึง 19% กลุ่มตู้เย็น 15% กลุ่มหม้อหุงข้าวและสินค้าชิ้นเล็ก 6% และกลุ่มผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับน้ำ เช่น เครื่องทำน้ำอุ่นเติบโต 1% แม้โตชิบาจะไม่ได้เติบโตมากนัก แต่ดีกว่าภาพรวมตลาดที่ติดลบ และกลุ่มสุดท้ายคือเครื่องปรับอากาศ โตชิบาเติบโตมากถึง 103%

    “ผลประกอบการที่ดีต่อเนื่องมาตลอดหลายปี ทำให้ปัจจุบันโตชิบามีมาร์เก็ตแชร์ติดอันดับท็อป 3 ในเกือบทุกกลุ่มสินค้า” เอกดนัย ตันติภูมิอมร ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์กล่าว


    ปัจจุบันไมโครเวฟของโตชิบามีมาร์เก็ตแชร์เป็นอันดับ 1 ด้วยส่วนแบ่งตลาด 28.5% ส่วนสินค้าที่โตชิบาครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 2 ได้แก่ ตู้เย็น ซึ่งมีมาร์เก็ตแชร์ 16% และหม้อหุงข้าว 9.2% ส่วนเครื่องซักผ้าครองตลาดอันดับ 3 ด้วยมาร์เก็ตแชร์ 10.8%

    “เราตั้งเป้าหมายสูง เราอยากเป็นผู้นำตลาดในทุกกลุ่มสินค้า โดยเฉพาะทั้งตู้เย็นและเครื่องซักผ้าที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจนในไม่กี่ปีข้างหน้า” อเล็กซ์ กล่าว

    เอกดนัยกล่าวเสริมว่า สำหรับแผนครึ่งปีหลัง โตชิบาตั้งเป้าเติบโต 14% ซึ่งจะทำให้ตัวเลขภาพรวมทั้งปีเติบโตประมาณ 20% โดยวางกลยุทธ์หลักทั้งในเรื่องการออกสินค้าใหม่อีก 27 รุ่น แบ่งเป็น กลุ่มตู้เย็น 8 รุ่น กลุ่มเครื่องซักผ้า 5 รุ่น กลุ่มเครื่องครัว 9 รุ่น และกลุ่มเครื่องใช้ในบ้านอีก 5 รุ่น เน้นสินค้ากลุ่มไฮเอนด์มากขึ้น

    และมีแผนเปิดตัวสินค้าเรือธง ตู้เย็น Japandi Series ที่จะมาสร้างปรากฏการณ์ใหม่ในตลาด คาดว่าสัดส่วนสินค้ากลุ่ม Mid to High จะเพิ่มเป็น 50% ปีหน้าจาก 30% ในปีที่ผ่านมา

    นอกจากนี้ ในส่วนของการพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่าย มีแผนการเพิ่มพนักงานขายหน้าร้านมากขึ้นโดยเฉพาะในช่วง High Season และ Promotion เพื่อสามารถช่วยเหลือลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการได้อย่างรวดเร็วทั่วถึงยิ่งขึ้น

    รวมไปถึงการเพิ่ม Experience Zone ในสาขาหลักๆ เพิ่มมากขึ้น และมีแคมเปญการตลาด การทำดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งต่อเนื่อง รวมถึงทำโปรโมชันแคมเปญ ทำโรดโชว์ และกิจกรรมต่างๆ ตลอดจนปรับบริการหลังการขาย ปรับโฉมศูนย์บริการโตชิบาทั่วประเทศ

    กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด กล่าวว่า แม้เครื่องใช้ไฟฟ้าจะไม่ได้รับอานิสงส์โดยตรงจากเงินดิจิทัลวอลเล็ตในอนาคต แต่เชื่อว่าจะได้ผลกระทบทางอ้อมจากการหมุนเงินในรอบสอง นอกจากนี้การเข้ามาทำงานของต่างชาติ การเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวล้วนมีผลต่อกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นในครึ่งปีหลัง


    “การเมืองไม่กระทบธุรกิจของเรา ที่ผ่านมาภาคธุรกิจวางแผนขยายธุรกิจโดยยืนบนขาตัวเอง เราขายของกับคนที่ต้องการใช้จริง เครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นของจำเป็นในชีวิตประจำวันไปแล้ว ไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไรเรายังเชื่อมั่นในประเทศไทย แม้จะมีผลกระทบจากปัจจัยต่างๆ เรายังเติบโตอย่างมั่นคงมาตลอด 55 ปี” กอบกาญจน์กล่าว

    กอบกาญจน์ เสริมอีกว่า บริษัทฯ ให้ความสำคัญที่สุดในเรื่องการจัดหาและนำเสนอผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมมาตรฐานประเทศญี่ปุ่นในราคาที่จับต้องได้ เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้บริโภค ความพิถีพิถันในเรื่องบริการหลังการขายที่ดี และการส่งเสริมการเติบโตของคู่ค้าและดีลเลอร์ให้เติบโตไปด้วยกัน ด้วยการจัดอบรมเสริมศักยภาพการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการ และทายาทร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าท้องถิ่นทั่วประเทศอย่างต่อเนื่องทำให้โตชิบา ไทยแลนด์ เติบโตอย่างมั่นคงในทุกสถานการณ์เศรษฐกิจ



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : 'AQUA' ผนึกกำลัง 2 พันธมิตร ตั้ง ‘FAB’ Food Holding ควบ 8 แบรนด์ดังลุยธุรกิจร้านอาหาร

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine