‘เดอะ ฟู้ด ซีเล็คชั่น กรุ๊ป’ เตรียมควัก 1,000-1,500 ล้านบาท เปิดรัวๆ สามแบรนด์ ‘นักล่าหมูกระทะ-ชินคันเซ็นซูชิ- คัตสึมิโดริ ซูชิสายพาน’ รวมอีก 90 สาขาภายใน 5 ปี ดันยอดขายทะลุ 5, 000 ล้านบาท
ชนวีร์ หอมเตย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะ ฟู้ด ซีเล็คชั่น กรุ๊ป จำกัด เครือเซ็นทรัล เรสตอรองส์ หรือ CRG เปิดเผยว่า บริษัทจะใช้เงินลงทุนปีละประมาณ 200-300 ล้านบาท เพื่อขยายสาขาร้านอาหารญี่ปุ่นทั้งแบรนด์เดิมและแบรนด์ใหม่ และลงทุนเครื่องจักรสำหรับผลิตอาหารญี่ปุ่น อาทิ เครื่องสไลด์เนื้อ เครื่องทำไข่หวาน เป็นต้น ในระหว่างปี 2568-2572

ตามแผนการลงทุน 5 ปี บริษัทจะเปิดสาขาร้านชินคันเซ็นซูชิอีก 43 สาขา ทำให้สาขาทั้งหมดของชินคันเซ็นจะมีทั้งหมด 100 สาขาในปี 2572 ขณะที่จำนวนร้านของนักล่าหมูกระทะจะเพิ่มเป็น 40 สาขา จาก 12 สาขาในปีที่ผ่านมา และจำนวนร้านคัตสึมิโดริ ซูชิ จะเพิ่มเป็น 20 สาขา จาก 1 สาขาในปีที่ผ่านมา รวมร้านอาหาร 4 แบรนด์จะมีสาขาทั้งสิ้น 161 สาขา ณ สิ้นปี 2572 ไม่รวมแบรนด์ใหม่ที่อาจจะเพิ่มเข้ามาในพอร์ตในอนาคต

ชนวีร์กล่าวว่า โอกาสตลาดซูชิสายพานพรีเมียมแมสยังมีคู่แข่งในตลาดค่อนข้างน้อย คัตสึมิโดริ ซูชิ ยังสามารถเติบโตได้อีกมาก เพราะเป็นแบรนด์ที่คุ้มค่า คุ้มราคา ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ชอบทานซูชิพรีเมียม หรือกลุ่มลูกค้าที่ชอบทานซูชิสายพาน รวมถึงกลุ่มลูกค้าที่เคยไปทานที่ประเทศญี่ปุ่น นอกจากนี้แบรนด์ยังโดดเด่นเรื่องความสดของวัตถุดิบ โดยตั้งเป้าว่าภายใน 2-3 ปี แบรนด์จะเติบโต และขยายยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง

“ตลาดอาหารญี่ปุ่นยังคงเผชิญความท้าทายเรื่องต้นทุนวัตถุดิบ อาทิ ปลาซามอล ไข่ปลา ที่ได้ปรับราคาสูงขึ้นถึง 40% ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา และคาดการณ์ว่าจะปรับเพิ่มขึ้นอีก 10% ในปีนี้” ศุภณัฐ สัจจะรัตนกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะ ฟู้ด ซีเล็คชั่น กรุ๊ป จำกัด กล่าว

ศุภณัฐ กล่าวอีกว่า ในปีนี้ตลาดอาหารญี่ปุ่นจะทรงตัว ไม่หวือหวาเหมือนใน 2 ปีที่ผ่านมา และด้วยกำลังซื้อที่ถดถอยจากภาวะเศรษฐกิจ ลูกค้าจึงเล็งเห็นความสำคัญของร้านอาหารญี่ปุ่นที่นำเสนออาหารที่มีคุณภาพ และมีความคุ้มค่าด้านราคามากขึ้น
ดังนั้น ในปี 2568 นี้ บริษัทจะเน้นขยายสาขาแบรนด์นักล่าหมูกระทะอีก 10 สาขา ในโซนกรุงเทพฯ เป็นหลัก มีขนาดพื้นที่ 300-400 ตารางเมตร ใช้เงินลงทุนเฉลี่ยสาขาละ 15 ล้านบาท ทำให้ร้านนักล่าหมูกระทะมีสาขาทั้งสิ้น 22 แห่งในสิ้นปีนี้ นอกจากนี้ยังคงมองหาโอกาสการขยายตลาดสู่ต่างประเทศอีกด้วย

ส่วนแบรนด์ชินคันเซ็นจะขยายในอัตราที่ชะลอตัวลงคือเปิดสาขาใหม่เพียง 5 สาขาเท่านั้น เน้นการเปิดสาขาในต่างจังหวัดมากขึ้น ทำให้ชินคันเซ็นมีสาขาทั้งสิ้น 62 สาขาในสิ้นปีนี้
นอกจากนี้บริษัทจะเปิดร้านสาขาใหม่ของร้านคัตสึมิโดริ ซูชิ อีก 1 สาขา พื้นที่ 300-350 ตารางเมตร ลงทุน 35 ล้านบาท ทำให้จำนวนสาขาร้านอาหารภายใต้ฟู้ด ซีเล็คชั่น กรุ๊ป เพิ่มจาก 70 สาขาในปีที่ผ่านมา เป็น 86 สาขาหรือมากกว่าในสิ้นปีนี้

ศุภณัฐกล่าวอีกว่า บริษัทให้ความสำคัญกับการขยายสาขาแบรนด์นักล่าหมูกระทะ เพราะยังมีจำนวนสาขาเพียง 12 แห่ง และตลาดหมูกระทะยังคงได้รับความนิยมต่อเนื่อง แม้จะมีร้านหมูกระทะอยู่ในตลาดมูลค่า 20,000 ล้านบาท (รวมปิ้งย่าง) ถึง 30 แบรนด์ แต่ยังมีโอกาสขยายลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ จากตลาดคนนอนดึก เพราะร้านเปิดให้บริการยาวถึงตี 2
นอกจากแผนขยายสาขาของ 3 แบรนด์แล้ว บริษัทยังมีแผนขยายพื้นที่ขายของร้านนามะ เจแปนนิส ซีฟู้ด แอนด์ บุฟเฟ่ต์ ออกมาในโซนเอาท์ดอร์ พร้อมเปิดบริการในรูปแบบอิซากายะ ตลอดจนขยายช่องทางการขายจาก Online to Offline เพื่อช่วยให้ขายสินค้าได้ง่าย รองรับพฤติกรรมการซื้อของออนไลน์ของคนรุ่นใหม่ที่ชอบความสะดวก สามารถเลือกซื้อสินค้าได้ทุกที่ ทุกเวลา

รวมทั้งยังกำลังขยายพื้นที่ครัวกลางที่จังหวัดปทุมธานีเพิ่มกำลังผลิตอีก 40% รองรับการเปิดสาขาได้อีก 3 ปีข้างหน้า รวมใช้เงินลงทุนทั้งหมด 200 ล้านบาทในปี 2568
ชนวีร์กล่าวปิดท้ายว่า ตามแผนขยายธุรกิจ การเดินหน้าพัฒนาสินค้า และการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคทุกไลฟ์สไตล์ บริษัทคาดว่ายอดขายในปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 2,800 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 30% จากปีที่ผ่านมา โดยคาดการณ์สัดส่วนรายได้จากร้านนักล่าหมูกระทะอยู่ที่ 20%, ร้านชินคันเซ็นซูชิ 65%, ร้านนามะ เจแปนนิส ซีฟู้ด แอนด์ บุฟเฟ่ต์ และร้านคัตสึมิโดริ ซูชิ ร้านซูชิสายพาน อีก 5% และ 10% ตามลำดับ
ส่วนในปี 2567 สัดส่วนรายได้จากร้านนักล่าหมูกระทะคิดเป็น 17% ร้านชินคันเซ็น 75% ที่เหลือเป็นร้านนามะ เจแปนนิส ซีฟู้ด แอนด์ บุฟเฟ่ต์ และ ร้านคัตสึมิโดริ ซูชิ
เครดิตภาพ: บริษัท เดอะ ฟู้ด ซีเล็คชั่น กรุ๊ป จำกัด
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ‘ศุภณัฐ สัจจะรัตนกุล’ Shinkanzen Sushi จากซูชินักศึกษา สู่อาณาจักรอาหารพันล้าน
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine