“เดอะ คอฟฟี่ คลับ” ปรับโฉมสู่ภาพลักษณ์ใหม่ เจาะกลุ่ม Gen Z และ First Jobber ประเดิมสาขาสามย่านมิตรทาวน์ - Forbes Thailand

“เดอะ คอฟฟี่ คลับ” ปรับโฉมสู่ภาพลักษณ์ใหม่ เจาะกลุ่ม Gen Z และ First Jobber ประเดิมสาขาสามย่านมิตรทาวน์

เดอะ คอฟฟี่ คลับ ปรับโฉมสู่ภาพลักษณ์ใหม่หมด เปลี่ยนตั้งแต่โลโก้ โทนสีร้าน การตกแต่งภายใน ประเดิมสาขาสามย่านมิตรทาวน์ ตอกย้ำ Learning Café ทำที่นั่งส่วนตัวให้นักเรียน นักศึกษา คนทำงาน โคมไฟอ่านหนังสือ ที่ชาร์จแบต ก็มาทุกที่นั่ง ปีนี้เตรียมเปิดใหม่อีก 5 สาขา และปรับโฉมร้านเก่าอีก 10 ทำเล


    แม้ในปีนี้ร้านอาหารในเมืองไทยจะถูกปิดตัวไปนับไม่ถ้วนเพราะขาดทุน จากปัญหาเศรษฐกิจรุมเร้า แต่ก็ยังมีร้านอาหารอีกจำนวนไม่น้อยที่ธุรกิจยังมี comparative sale growth จากปีที่ผ่านมา บริษัท เอ็มเอฟ คาเฟ่ แอนด์ เรสเตอรองต์ จำกัด ผู้บริหารงาน เดอะ คอฟฟี่ คลับ (The Coffee Club) ร้านอาหารที่ขึ้นชื่อที่สุดในเรื่องกาแฟและอาหารเช้า ภายใต้กลุ่มไมเนอร์ ฟู้ดส์ เป็นหนึ่งในเชนที่ยังคงใช้แผนลงทุนเชิงรุก

    เดอะ คอฟฟี่ คลับ จะลงทุนประมาณ 60 ล้านบาทในปีนี้ เพื่อเปิดเดอะ คอฟฟี่ คลับ สาขาใหม่อีก 5 สาขาทั้งในกรุงเทพฯ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป ซึ่งจะเน้นทำเลที่มีโรงแรมตั้งอยู่ เพื่อเสนอบริการอาหารเช้าแก่นักท่องเที่ยว เป็นการ secure รายได้ ส่วนในทำเลท่องเที่ยวสำคัญๆ จะเปิดที่ภูเก็ตและพัทยา ทำให้จำนวนสาขาทั้งหมดมี 46 สาขา พร้อมทั้งปรับโฉมสาขาเก่าในทำเลสำคัญๆ อีก 10 แห่ง อาทิ ริเวอร์ซิตี้ รอยัลการ์เด้นพลาซ่า พัทยา เป็นต้น

    จากอินไซต์และพฤติกรรมลูกค้า เดอะ คอฟฟี่ คลับ สาขาสามย่านมิตรทาวน์ ภายใต้คอนเซปต์ Learning Café ได้ปรับไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา นับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในรอบ 5 ปีที่เปิดสาขาที่นี่ เพราะเปลี่ยนตั้งแต่โลโก้ ตัดอักษร “C” ที่คั่นระหว่างคำว่า “เดอะ คอฟฟี่” และ “คลับ” ออกจากกันเพื่อสื่อสารแบรนด์กับกลุ่มลูกค้าได้ชัดเจนขึ้น พร้อมตกแต่งร้านในโทนใหม่จากสีดำ-ขาว เป็นโทนสีส้มแซลมอน มีความทันสมัย อบอุ่น ใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้ ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย สบายตา ผสมผสานงานดีไซน์กลิ่นอายโมเดิร์นที่สะท้อนตัวตนของกลุ่ม Gen Z และ First Jobber ได้อย่างชัดเจน


    นงชนก สถานานนท์ ผู้จัดการทั่วไป เดอะ คอฟฟี่คลับ ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท เอ็มเอฟ คาเฟ่ แอนด์ เรสเตอรองต์ บอกว่า เนื่องจากจำนวนลูกค้าสาขาสามย่านมิตรทาวน์ค่อนข้างเต็ม และที่นี่เป็น Learning Hub ใจกลางสามย่าน บริษัทจึงได้ออกแบบพื้นที่เดอะ คอฟฟี่ คลับ ใหม่ เพื่อให้รองรับการใช้ชีวิตหลากหลาย ตั้งแต่ Working & Reading Zone ที่มี Wi-Fi และปลั๊กไฟทุกมุมอยู่ทางด้านขวามือของร้าน เพื่อให้รองรับการนั่งทำงานหรืออ่านหนังสือที่ให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัวได้ตลอดวัน และมีโซนสำหรับ Dining Zone ชัดเจน

    นอกจากนี้ยังเพิ่มพื้นที่ Co-Living ที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าใช้เป็นพื้นที่นัดหมายกลุ่มย่อย หรือประชุมงานแบบไม่เป็นทางการได้อย่างสะดวก พร้อมจัดวางโต๊ะ-เก้าอี้แบบยืดหยุ่น รองรับการใช้งานที่หลากหลาย พร้อมกันนี้ยังมีมุม Bar Connect เป็นพื้นที่นั่งแบบสตูบาร์สูงติดกับเคาน์เตอร์ครัวกลางร้าน ให้ลูกค้าสามารถนั่งดื่มเครื่องดื่มโปรด อีกทั้งมุมนี้ยังออกแบบให้เป็นมุมสำหรับถ่ายภาพลงโซเชียลได้


    นอกจากปรับโฉมเดอะ คอฟฟี่ คลับ สาขาเดิมทั้งหมด 10 แห่ง เพื่อเพิ่มศักยภาพในการรองรับกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย บริษัทได้เปิดตัวเมนูใหม่ 7 เมนู ตอบรับกระแสเฮลท์ตี้ที่ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วยเมนู SUPERFRUIT BOOSTER 4 เมนู ได้แก่ สมูทตี้แก้วมังกร สมูทตี้ฝรั่งบ๊วยน้ำผึ้ง สมูทตี้กาแฟส้ม และสมูทตี้มะยงชิด พร้อมกับมีเมนูสุขภาพแนวเฮลท์ตี้โบวล์อีก 3 เมนู ได้แก่ โบวล์สลัดผัก โบวล์ควินัวกุ้งสไปซี่และผักสด โบวล์ควินัวและแซลมอนแอตแลนติก เริ่มจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันนี้ถึงสิ้นเดือนกรกฎาคมปีนี้ ทั้งรับประทานที่ร้านในสาขาที่ร่วมรายการ และช่องทางเดลิเวอรีผ่านแอปพลิเคชัน


    “ทุกอย่างที่เราทำทั้งหมดนี้ จะช่วยเสริมภาพลักษณ์แบรนด์ให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง นักเรียนนักศึกษา ไม่ได้ใช้เงินต่อบิลสูง แต่การมีคนกลุ่มนี้อยู่ในร้านเรา ทำให้แบรนด์ไม่แก่ เพราะในร้านเต็มไปด้วยเด็ก คนทำงาน และที่สำคัญช่วยตอกย้ำภาพลักษณ์ของเดอะ คอฟฟี่ คลับ ว่าไม่ได้เป็นแบรนด์ที่เป็นมากกว่าคาเฟ่เท่านั้น แต่ยังเป็นพื้นที่สร้างช่วงเวลาดีๆ ให้กับทุกวัน เราตั้งเป้าให้เดอะ คอฟฟี่ คลับ สาขาสามย่านมิตรทาวน์ เป็นแลนด์มาร์กคาเฟ่ของนิวเจน เพื่อสร้างยอดขาย ขยายฐานสมาชิกใหม่ๆ และเพิ่มสัดส่วนลูกค้าคนไทยกับต่างชาติเป็น 40:60 ในอนาคต จากสัดส่วน 30:70 ในปัจจุบัน” นงชนกกล่าว

    ปัจจุบันธุรกิจของเดอะ คอฟฟี่ คลับ ทำกำไรได้ติดต่อกันเป็นปีที่ 3 หลังจากขาดทุนเมื่อ 3 ปีก่อน และในปีนี้คาดว่ากำไรจะเพิ่มจากปีก่อน 50% หรือจาก 25 ล้านบาท เป็น 37 ล้านบาท โดยในช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 2568 ที่ผ่านมา บริษัทสามารถทำกำไรได้ 20 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงการดำเนินงานที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะลูกค้าคนไทยที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น จากกลยุทธ์ที่เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการความหลากหลายและความสะดวกสบาย

นงชนก สถานานนท์


    ธุรกิจของเดอะ คอฟฟี่ คลับ year-to-date ยังเติบโตได้ 1-2% ซึ่งถือว่าทำได้ดี เทียบกับอุตสาหกรรมโดยรวม การเติบโตของเดอะ คอฟฟี่ คลับ ส่วนใหญ่จะมาจากร้านที่อยู่ในกรุงเทพฯ เพราะมีเมนูหลากหลาย พร้อมเมนูพิเศษที่เรียกว่า “meal deal” ทำให้คนมาทานอาหารที่ร้านได้ทั้งมื้อเช้า กลางวัน และเย็น แม้เดอะ คอฟฟี่ คลับ จะมีภาพลักษณ์ที่โดดเด่นเรื่องอาหารเช้าและกาแฟก็ตาม

    ส่วนสาขาในแหล่งท่องเที่ยวอาจจะมีติดลบบ้างในทำเล เพราะนักท่องเที่ยวเอเชียหายไป ดังนั้นกลยุทธ์ที่บริษัทจะเน้นเจาะตลาดในแหล่งท่องเที่ยวคือการบริการ และเพิ่มความถี่ให้ลูกค้าที่มาพักระยะ 7-15 วัน ได้กลับมาใช้บริการที่ร้านถี่ขึ้น ส่วนร้านในกรุงเทพฯ จะเน้นเพิ่มจำนวนลูกค้า สร้างโอกาสการดื่มแบบ take away มากขึ้น

    “ที่ทำทั้งหมดตามข้างต้น เราเชื่อมั่นว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคโดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ๆ ที่จะมาช่วยขับเคลื่อนการเติบโตในภาพรวมให้เป็นไปตามเป้าหมาย ตอกย้ำภาพลักษณ์ ‘Neighborhood Café ที่เป็นมากกว่าคาเฟ่ และมียอดขายเกือบ 1,000 ล้านบาท เพิ่มจากกว่า 800 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา” นงชนก กล่าว



ภาพ: เดอะ คอฟฟี่ คลับ



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ‘ไวไว’ เตรียมส่ง ‘ไวไว ว้าว’ บะหมี่พรีเมียมท้าชน ‘มาม่า OK’ ประเดิมขายที่เซเว่นฯ 12 มิ.ย.นี้ ชี้เศรษฐกิจไม่ดี ขอขายแค่ 11 บาท

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine