เปิดเทรนด์ใช้จ่าย Easy E-Receipt 2.0 ประจำปี 2568 ยอดขาย ‘เครื่องฟอกอากาศ’ โตแรง 4 เท่า! - Forbes Thailand

เปิดเทรนด์ใช้จ่าย Easy E-Receipt 2.0 ประจำปี 2568 ยอดขาย ‘เครื่องฟอกอากาศ’ โตแรง 4 เท่า!

FORBES THAILAND / ADMIN
04 Mar 2025 | 03:00 PM
READ 182

The 1 Insight สรุปเทรนด์การใช้จ่าย Easy E-receipt 2.0 ในปี 2568 เผยภาพรวมการใช้จ่ายเติบโตสูงกว่าปีก่อน โดดเด่นในกลุ่ม Gen Z เติบโตสูงถึง 30% ชี้มีความตื่นตัวในการใช้จ่ายลดหย่อนภาษี สินค้า Home Electronics ยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนการใช้จ่ายหลัก เสริมทัพด้วย Fashion และ Beauty ที่ยอดขายเติบโตในทุกกลุ่มช่วงวัย นอกจากนี้ โครงการ Easy E-Receipt 2.0 ยังช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายกลุ่มสินค้า OTOP และสินค้าวิสาหกิจเพื่อสังคม ส่งผลให้ยอดขายเติบโตขึ้นเป็น 2 เท่า!


    เช่นเดียวกับปีก่อน ช่วงเวลาของการลดหย่อนภาษี Easy E-Receipt 2.0 มาพร้อมกับความเข้มข้นของฝุ่น PM 2.5 ในอากาศที่สูงขึ้น และแน่นอนว่าเมื่อปัญหาฝุ่นได้กลายเป็นปัญหาระยะยาวของคนไทย ความต้องการซื้อ ‘เครื่องฟอกอากาศ’ ย่อมเติบโตสูงขึ้นตามมา โดยในปี 2568 นี้มียอดขายเติบโตกว่า 4 เท่าเมื่อเทียบกับปีก่อน ครองอันดับหนึ่งสินค้ายอดขายเติบโตสูงสุด เช่นเดียวกับช่วง Easy E-Receipt เมื่อต้นปี 2567 และยังส่งผลให้ตลาด Home Electronics ภาพรวมมีการเติบโตเพิ่มขึ้นเป็นอันดับ 1 โดยสินค้าขายดีอื่นๆ ในกลุ่มดังกล่าว ได้แก่ เครื่องทำน้ำอุ่น และเครื่องซักผ้า

    นอกจากนี้ ยังพบว่าสินค้าในหมวด Fashion และ Beauty มีการเติบโตสูงเช่นกัน โดยหมวด Fashion เป็นที่นิยมในการใช้จ่ายเพื่อลดหย่อนภาษีเนื่องจากมีราคาต่อชิ้นค่อนข้างสูงจึงสะดวกในการใช้จ่ายเพื่อลดหย่อนภาษีในวงเงิน 30,000 บาท โดยสินค้าที่ได้รับความนิยมได้แก่ แอ็กเซสเซอรี่แฟชั่น นาฬิกา และจิวเวลรี่ ส่วนหมวด Beauty นั้นมียอดใช้จ่ายโดดเด่นในทุกกลุ่มช่วงวัย สินค้าที่ได้รับความนิยมสูงสุดได้แก่ เครื่องสำอาง สกินแคร์ และน้ำหอม



    ยิ่งไปกว่านั้น โครงการ Easy E-Receipt 2.0 ยังมีกลุ่มสินค้า OTOP และสินค้าวิสาหกิจเพื่อสังคมที่สามารถนำมาใช้จ่ายเพื่อลดหย่อนภาษีได้ ซึ่งส่งผลให้ยอดขายสินค้ากลุ่มนี้เติบโตกว่า 2 เท่าเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยผู้ใช้จ่ายหลักอยู่ในกลุ่ม Gen X และ Gen Y นั่นเอง สินค้ายอดนิยมในกลุ่มนี้ ได้แก่ กระเป๋าถือ เสื้อผ้า และเครื่องประดับ

    สำหรับโครงการ Easy E-Receipt 2.0 หรือการใช้สิทธิลดหย่อนภาษี 2568 (ยื่นแบบต้นปี 2569) ใช้ลดหย่อนภาษีตามที่จ่ายจริงได้สูงสุด 50,000 บาท ต่อปี (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว) โดยวงเงินของกลุ่มสินค้า หรือบริการที่นำไปใช้ลดหย่อนภาษีได้ ซึ่งในปีนี้จะแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลักๆ ได้แก่ 1. กลุ่มสินค้าและบริการทั่วไป สามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30,000 บาท และ 2. กลุ่มสินค้า OTOP และสินค้าวิสาหกิจเพื่อสังคมสามารถลดหย่อนภาษีได้ 20,000 บาท


ภาพ: Dyson, STIEBEL ELTRON, Electrolux, Dior, YSL, Estee Lader, Gentle Monster, Pandora, Tag Heuer, BAAC Farmers Market และ OTOP เชียงใหม่


เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : She-Shopper นักช้อปหญิงผู้ขับเคลื่อนอีคอมเมิร์ซไทยที่อาจช่วยดันยอดขายสินค้าแฟชั่นโต 21.5% ในปีนี้

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine