เมดีซกรุ๊ป ร่วมกลุ่ม รพ.เกษมราษฎร์ ผนึกจุดแข็ง “ดูแลสุขภาพแนวใหม่” - Forbes Thailand

เมดีซกรุ๊ป ร่วมกลุ่ม รพ.เกษมราษฎร์ ผนึกจุดแข็ง “ดูแลสุขภาพแนวใหม่”

ความตื่นตัวด้านการดูแลสุขภาพเป็นเทรนด์ที่กำลังเติบโต ผู้คนมองหาแนวทางป้องกันและรักษาโรคด้วยนวัตกรรมใหม่ทางการแพทย์ ทำให้โรงพยาบาลหลายแห่งมุ่งมั่นเปิดบริการทางการแพทย์แนวใหม่มากขึ้น


    เมดีซกรุ๊ป และกลุ่มโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ (BCH) เป็นอีกหนึ่งปรากฏการณ์ทางการแพทย์ ที่ประกาศความร่วมมือพัฒนาและให้บริการทางการแพทย์นวัตกรรมใหม่ ด้วยการเปิดตัวศูนย์การจัดเก็บเซลล์เพื่อการฝากเก็บสเต็มเซลล์และเซลล์ภูมิคุ้มกัน CELL HARVESTING CENTER ผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็น Medical Hub ด้วยนวัตกรรมทางการแพทย์ โดยชูจุดเด่นแบรนด์แรกและแบรนด์เดียวในอาเซียน ที่มีความเชี่ยวชาญระดับ “State-of-the-Art Biolongevity” หรือเทคโนโลยีสู่เป้าหมายการมีชีวิตยืนยาว เพื่อให้ทุกคนมีโอกาสฝากเก็บสเต็มเซลล์ส่วนบุคคลได้ในทุกช่วงวัย

    พร้อมกันนี้ยังขยายความแข็งแกร่งให้กับการวางรากฐานสุขภาพแนวทางใหม่ ยกระดับให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางบริการทางการแพทย์แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยศูนย์การจัดเก็บเซลล์เพื่อการฝากเก็บสเต็มเซลล์และเซลล์ภูมิคุ้มกัน เป็นมิติใหม่ทางการแพทย์สู่เป้าหมายการมีชีวิตยืนยาว เริ่มต้นได้จากเซลล์ที่มีคุณภาพของทุกคน

    ความร่วมมือดังกล่าวเป็นการนำจุดแข็งโรงพยาบาลทั้งสองแห่ง มาร่วมให้บริการทางการแพทย์นวัตกรรมใหม่ โดยบริษัท เมดีซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำด้านสถาบันการฝากเก็บ คัดแยก เพาะเลี้ยง และวิจัยสเต็มเซลล์แบบครบวงจร ที่ได้รางวัลคุณภาพมาตรฐานระดับโลก

    ขณะที่ บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) BHC ประกอบด้วยกลุ่มโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ กลุ่มโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล กลุ่มโรงพยาบาลการุญเวช และกลุ่มโรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล ทั้งหมด 14 สาขาในประเทศไทย และ 1 สาขาในต่างประเทศ มีวิสัยทัศน์ เพื่อการเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจการบริการด้านสุขภาพทั้งในประเทศ และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

    โดยศูนย์การเก็บเซลล์เพื่อการฝากเก็บสเต็มเซลล์และเซลล์ภูมิคุ้มกันมีมาตรฐาน ปลอดภัย ล้ำหน้าด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย และครบวงจร ยกระดับให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง การบริการทางการแพทย์แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยนวัตกรรมซึ่งเป็นเทรนด์ของเทคโนโลยีระดับโลก เพื่อให้การฝากเก็บสเต็มเซลล์ตั้งแต่แรกเกิด จนถึงทุกช่วงวัยซึ่งมูลค่าของตลาดนี้ในระดับโลกไม่อาจประเมินค่าได้ เนื่องจากทุกคนสามารถฝากเก็บสเต็มเซลล์และเซลล์ภูมิคุ้มกันของตัวเองได้

    ศูนย์การเก็บเซลล์เพื่อการฝากเก็บสเต็มเซลล์และเซลล์ภูมิคุ้มกัน มุ่งเน้นฐานลูกค้าที่มีพฤติกรรมการเลือกบริโภคสินค้าหรือบริการ และมีไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างจากลูกค้ากลุ่มอื่นๆ ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเหล่านี้มักจะมองเห็นความสำคัญของการใช้จ่ายไปกับการสร้างสุขภาพที่ดีให้กับตนเอง รวมทั้งยังมองหาทางเลือกที่ใช้นวัตกรรมอันก้าวหน้าใหม่ในการสร้างชีวิตที่ยืนยาวและมีคุณภาพแข็งแรงให้กับตนเอง



มาตรฐานระดับโลก

    นายแพทย์วีรพล เขมะรังสรรค์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมดีซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผู้คนในโลกปัจจุบันกำลังประสบปัญหาอย่างหนักจากวิกฤติด้านสุขภาวะที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม มลพิษ เช่น PM 2.5 อัตราผู้สูงอายุที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มตัว ไปจนถึงสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 และเชื้อโรคกลายพันธุ์ชนิดใหม่อย่างมากมาย เมดีซ กรุ๊ป ตระหนักถึงความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวในทั่วโลก และได้ดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่องมาถึง 14 ปี เพื่อขับเคลื่อนความยั่งยืนด้านสุขภาพให้กับคนทั่วโลก มุ่งมั่นนำเสนอทางเลือกใหม่ที่จะทำให้ผู้คนสามารถมีชีวิตยืนยาวและใช้ชีวิตในวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่าเดิมได้ ผ่านนวัตกรรม BIOlongevity ที่ครบวงจรที่สุด

    “ปัจจุบัน เรามียอดรวมการฝากเก็บสเต็มเซลล์มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ในภูมิภาคอาเซียน และได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าทั่วโลก เพราะทุกกระบวนการ ตั้งแต่การฝากเก็บ จนถึงการเพาะเลี้ยงเซลล์ ถูกคิดขึ้นจากงานวิจัยที่ได้รับการรับรองจากสถาบันต่างๆ ในระดับโลก” ซีอีโอ เมดีซ กรุ๊ปย้ำว่า บริการฝากเก็บเสต็มเซลล์ของเมดีซ ดำเนินการอย่างพิถีพิถันทุกรายละเอียด และได้รับรางวัลการันตีคุณภาพจากเวทีระดับสากลมากมาย

    อาทิ รางวัลยอดเยี่ยมต่อเนื่องถึง 4 ปีซ้อนจาก Frost & Sullivan ในฐานะธนาคารสเต็มเซลล์ที่ดีที่สุดของประเทศไทย (Thailand’s Stem Cell Banking Company of the Year) รางวัล World Branding Awards โดย World Branding Forum รางวัลระดับอนุภูมิภาค South East Asia Stem Cell Banking Technology Innovation Leadership Award และ ล่าสุด 2021-2024 Southeast Asia Stem Cell Banking Company of the Year Award* I Frost & Sullivan Awards

    เป็นความสำเร็จจากระดับประเทศสู่ที่หนึ่งในระดับภูมิภาค ซึ่งล่าสุดเมดีซได้รับการรับรองมาตรฐานระดับโลกเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งสถาบัน คือ The American Association of Blood Banks (AABB) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ให้การรับรองและกำหนดมาตรฐานแนวทางการดำเนินงานของธนาคารสเต็มเซลล์ที่เข้มงวดที่สุดในโลก โดยเป็นมาตรฐานคุณภาพที่ครอบคลุมกิจกรรมในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสเต็มเซลล์ชนิดเม็ดโลหิต (Hematopoietic stem cells: HPCs) ที่คัดแยกได้จากเลือดจากสายสะดือทั้งกระบวนการดำเนินการ ตั้งแต่การจัดเก็บในระยะยาว ไปจนถึงการกระจายขนส่งเพื่อรองรับการรักษาให้กับผู้ป่วยในทั่วโลก


    นายแพทย์วีรพล กล่าวถึงเทคโนโลยีการฝากเก็บสเต็มเซลล์จากเนื้อเยื่อไขมันว่า “สเต็มเซลล์ชนิดเนื้อเยื่อมีเซนไคม์ (Mesenchymal Stem Cell: MSCs) ในอดีตเรามีความเข้าใจกันว่าควรจัดเก็บจากเนื้อเยื่อสายสะดือของทารกแรกเกิดเท่านั้น แต่เมดีซกรุ๊ปพยายามพัฒนานวัตกรรมการคัดแยกและเพาะเลี้ยงสเต็มเซลล์นี้จากเนื้อเยื่อไขมันอย่างมุ่งมั่น เพื่อเปิดโอกาสให้กับทุกคน รวมถึงตัวผมเองด้วยที่พลาดโอกาสการฝากเก็บสเต็มเซลล์ในวันแรกเกิด ได้มีโอกาสเป็นเจ้าของการฝากเก็บเซลล์ต้นกำเนิดที่ดีที่สุดของตัวเองอีกครั้ง“

    การฝากเก็บ MSCs ของตัวเอง ไว้เพื่อตัวเองในอนาคต เป็นหนทางที่ปลอดภัยและไม่ขัดต่อจริยธรรมใดในการดูแลสุขภาพของมนุษย์ที่จะพึงมีได้ เมดีซ กรุ๊ป ควบคุมมาตรฐานในการจัดเก็บแช่แข็งเซลล์ที่อุณหภูมิ -196 องศาเซลเซียส ในไอระเหยของไนโตรเจนเหลว เพื่อคงประสิทธิภาพได้ยาวนาน และมอบกรมธรรม์การจัดเก็บ 60 ปี ซึ่งเป็นการดูแลที่ยาวนานที่สุดในอุตสาหกรรมธุรกิจธนาคารรับฝากเก็บสเต็มเซลล์ นอกจากนั้น MEDEZE GROUP PTE. LTD. (สาขาสิงคโปร์) ยังพัฒนานวัตกรรมการสร้างอวัยวะเทียมจากสเต็มเซลล์ โดยอวัยวะที่ประสบความสำเร็จแล้วคือ “กระจกตา”


บริการด้านสุขภาพแนวใหม่

    “ในระดับโลกการแข่งขันในการพัฒนาความก้าวหน้าของการนำสเต็มเซลล์และเซลล์ภูมิคุ้มกันไปใช้เพื่อให้มนุษย์มีสุขภาพและคุณภาพการใช้ชีวิตที่ยืนยาวอย่างมีความสุขนับเป็นการแข่งขันที่สร้างนวัตกรรมแบบก้าวกระโดด แต่ถ้าทุกคนต้องการจะไปสู่ทิศทางเดียวกันนี้ให้ได้ ก็ควรฝากเก็บสเต็มเซลล์ของตัวเองไว้ก่อน เพื่อหยุดอายุเซลล์ของตัวเองไว้ในวันนี้" นายแพทย์วีรพล ชี้ว่าสิ่งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของทุกคน ในการต่อยอดใช้ประโยชน์ในอนาคต ดังนั้น การตั้งต้นเก็บเซลล์จากเลือดสายสะดือ เนื้อเยื่อสายสะดือ เนื้อเยื่อไขมันที่มีคุณภาพดี ด้วยกระบวนการที่ถูกต้องทางการแพทย์จึงสำคัญยิ่งสถานพยาบาลคุณภาพของโรงพยาบาลในกลุ่ม BCH เป็นนับเป็นศูนย์การเก็บเซลล์เพื่อการฝากเก็บสเต็มเซลล์และเซลล์ภูมิคุ้มกันที่ดี

    ด้าน ศ.ดร.นพ.เฉลิม หาญพาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในส่วนของบริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล เป็นกลุ่มโรงพยาบาลชั้นนำของไทยซึ่งมีทั้งหมด 14 สาขาในประเทศไทย และ 1 สาขาในต่างประเทศ มีวิสัยทัศน์ เป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจการบริการด้านสุขภาพทั้งในประเทศ และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มุ่งมั่นที่จะให้บริการทางการแพทย์ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัยและครบวงจรเพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้มาใช้บริการ


    โดยพันธกิจหนึ่งของบริษัทฯ คือการร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจ ในการเพิ่มประสิทธิภาพด้านต่างๆ เพื่อสร้างสรรค์ความสำเร็จร่วมกัน สร้างความไว้วางใจในด้านการบริการสุขภาพเพื่อให้โรงพยาบาลเป็นหนึ่งในใจผู้ป่วย ซึ่งการร่วมมือกับ เมดีซ กรุ๊ป ในการจัดตั้งศูนย์การเก็บเซลล์เพื่อการฝากเก็บสเต็มเซลล์และเซลล์ภูมิคุ้มกันเป็นการยืนยันถึงศักยภาพของการให้บริการทางการแพทย์อย่างรอบด้าน

    “การเปิดศูนย์การเก็บเซลล์เพื่อการฝากเก็บสเต็มเซลล์และเซลล์ภูมิคุ้มกัน ของกลุ่ม BCH เพื่อรองรับการให้บริการทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด รวมถึงผู้รักสุขภาพจากนานาชาติ ที่มีความต้องการฝากเก็บสเต็มเซลล์และเซลล์ภูมิคุ้มกันที่มีคุณภาพดี ทำให้ทุกขั้นตอนปลอดภัย และผลลัพธ์ที่ได้คือการวางรากฐานของสุขภาพสำหรับคนทุกเพศทุกวัย ด้วยโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐานทางการแพทย์ระดับสูง และบริการที่ดีของโรงพยาบาลกลุ่ม BCH



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ‘กลุ่มทองแตง’ พลิกโฉม รพ.เปาโล พหลโยธิน สู่ ‘พญาไท พหลโยธิน’ ลุยเจาะกลุ่มพรีเมียม!

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine