แมคโดนัลด์ เร่งรุก บุก ฝ่ากระแสเศรษฐกิจ ทุ่ม 700 ล้านบาท เปิดสาขาใหม่-ปรับโฉมร้านเดิม พร้อมอัดฉีดโปรโมชั่นเต็มสูบฉลองครบ 4 ทศวรรษในไทย และขอโชว์ฟอร์มทำยอดขายโตสองหลักอีกครั้งปีนี้
กิตติวรรณ อนุเวชสกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แมคไทย จำกัด เปิดเผยว่า แม้ภาพรวมเศรษฐกิจไม่ค่อยจะดีมากนัก แต่สถานการณ์ขายของแมคโดนัลด์ใน 2 เดือนที่ผ่านมา ยังคงคึกคักและมีการเติบโต
และแม้ว่าสถานการณ์ธุรกิจร้านอาหารบริการด่วนโดยรวมในปีนี้อาจจะทรงตัว บริษัทยังคงตั้งเป้าขยายการเติบโตของยอดขายเพิ่มขึ้น 10% ในปีนี้ จากที่ในปี 2567 บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 7,957 ล้านบาท เติบโต 10% จากปี 2566 โดยสัดส่วนรายได้ 55% มาจากเบอร์เกอร์ 19% ไก่ทอด และที่เหลือเป็นอาหารอื่นๆ ส่วนกำไรสุทธิเติบโต 11% จากปี 2566 เป็น 350 ล้านบาทในปี 2567

“ท่ามกลางความท้าทาย ธุรกิจเราเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง 3 ปี และปีนี้เราก็จะไม่หยุดโตแม้จะต้องเผชิญกับสถานการณ์หลายอย่าง เรื่องภาวะเศรษฐกิจเป็นไปตามตลาดโลก เราต้องมอนิเตอร์อย่างใกล้ชิด มันอยู่ที่เราจะมีมุมมองและการจัดการบริหารอย่างไร สิ่งสำคัญคือเราต้องมองลูกค้าว่าจะสะดวกเข้ามาร้านค้าของเราอย่างไรบ้าง และยึดมั่นตามกลยุทธ์ที่เราวางแผนไว้” กิตติวรรณกล่าว
บริษัทจะสร้างการเติบโตของธุรกิจในปีนี้ภายใต้ 3 กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่
1.การสร้างการเติบโตของธุรกิจอย่างแข็งแกร่งด้วยโมเดลธุรกิจหลัก
2.การเอาชนะใจลูกค้าด้วยประสบการณ์การบริการ
3. เสริมสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
บริษัทจะเพิ่มงบลงทุนจาก 600 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา เป็น 700 ล้านบาท เพื่อขยายธุรกิจในปีนี้ โดยสัดส่วนเงินลงทุนประมาณ 70-80% จะใช้ในการขยายใหม่ทั่วประเทศอีก 20 แห่งในทำเลศักยภาพ เพื่อดันการเติบโตให้เป็นไปตามเป้าหมายและเพิ่มการเข้าถึงลูกค้าให้มากยิ่งขึ้น
และรีโนเวตร้านสาขาเดิมอีกจำนวน 25 สาขา ภายใต้ 3 คอนเซ็ปต์หลัก ได้แก่ ‘Geometry’ โมเดิร์น ทันสมัย สีสันสดใส, ‘Essential Ingredients 2.0’ ถ่ายทอดแบรนด์บนศิลปะป๊อปอาร์ต และคอนเซปต์ ‘CUBE’ ถ่ายทอดแบรนด์ผ่านชิ้นงานกราฟิก ซึ่งการขยายสาขาใหม่จะทำให้แมคโดนัลด์มีสาขาเปิดให้บริการกว่า 260 สาขา รวมสาขาแรกของปีนี้ที่ได้เปิดบริการวันแรกในวันนี้ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี

นอกจากขยายสาขาแล้ว บริษัทยังจะตอกย้ำ Flagship Value Platform เน้นออกเมนูที่คุ้มค่าใหม่ๆ ตลอดทั้งปีเพื่อให้ลูกค้ามีความคล่องตัวในการใช้เงิน และการมี Value Platform ที่เข้มแข็งจะช่วยทำให้ลูกค้าเข้าถึงแมคโดนัลด์ได้ง่ายขึ้นในทุกๆ วัน และบ่อยขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ชุด ‘EVM’ (Everyday Value Meals) ราคาเพียง 99 บาท ทั้งเมนูเบอร์เกอร์ และไก่ทอดแมค รวมถึง ชุด ‘McSavers 1+1’ ราคาเพียง 55 บาท ให้เลือกจับคู่เมนูของว่างและของหวาน
นอกจากนี้ยังมีแอปพลิเคชั่นคูปอง GMAL มอบคูปองชุดอาหารที่หลากหลาย และราคาคุ้มค่าเหมาะกับลูกค้าทุกกลุ่ม ในราคาประหยัดได้สูงสุดถึง 50% ปัจจุบันมียอดดาวน์โหลดแอปคูปอง GMAL มากกว่า 4.7 ล้านคน
กิตติวรรณกล่าวว่า บริษัทจะเร่งการสร้าง Brand Love ให้กับ ‘ไก่ทอดแมค’ ด้วยการสื่อสารเชิงรุกผ่านกลยุทธ์แฟนด้อม ใช้ ‘ต้าห์อู๋ x ออฟโรด’ เป็นพรีเซ็นเตอร์ เพื่อเข้าถึงกลุ่ม Gen Z ที่พร้อมลองสิ่งใหม่ๆ และคุ้มค่าในทุกๆ เทศกาล เพื่อขยายฐานลูกค้าให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น โดยคาดว่า ‘ไก่ทอดแมค’ จะเติบโตเพิ่มมากกว่า 15% ในปี 2568 นี้จากที่เติบโตถึง 33% ในปีที่ผ่านมา

นอกจากไก่ทอด บริษัทยังคงพัฒนาเบอร์เกอร์เมนูใหม่ๆ และแคมเปญเด็ดๆ มาปลุกกระแสตลาดเบอร์เกอร์ให้คึกคัก รวมทั้งแคมเปญ “40th Fanniversary” เพื่อขอบคุณลูกค้าในโอกาสครบรอบ 40 ปี แมคโดนัลด์ในประเทศไทยในปีนี้ ขณะเดียวกันแมคโดนัลด์ได้ติดตั้งเครื่องสั่งอาหารอัตโนมัติครบทุกสาขาแล้ว และตั้งเป้าให้ทุกสาขาใหม่ที่จะเปิดให้บริการในปีนี้จะต้องมีเครื่องสั่งอาหารอัตโนมัติ เพื่อมอบบริการไร้รอยต่อที่แท้จริงให้แก่ลูกค้า
ส่วนด้านสังคม แมคโดนัลด์ ได้เริ่มเปลี่ยนมาใช้บรรจุภัณฑ์กระดาษ ที่ผ่านการรับรองจากสถาบัน ‘Forest Stewardship Council (FSC)’ กับกระดาษห่อเบอร์เกอร์, ถุงกระดาษบรรจุเมนูอาหาร, ถ้วยกระดาษใส่ซอส แล้ว

และภายในไตรมาสที่ 2 นี้ จะเพิ่มในส่วนของกล่องกระดาษบรรจุเมนูข้าว กล่องกระดาษบรรจุซอสดิปต่างๆ และกล่องบรรจุภัณฑ์ไก่ทอดพร้อมฝาปิดแบบกระดาษ เพื่อบรรลุเป้าหมายแห่งการขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน คำนึงถึงการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม คาดว่าภายในปีนี้จะเปลี่ยนมาใช้บรรจุภัณฑ์รักษ์โลกครบ 100%
กิตติวรรณเปิดเผยว่า ธุรกิจร้านอาหารบริการด่วน (QSR) ในประเทศไทยมีมูลค่าประมาณ 47,000 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา แบ่งเป็น ไก่ทอด 27,000 ล้านบาท เบอร์เกอร์ 10,900 ล้านบาท ที่เหลือเป็นธุรกิจอื่นๆ คาดว่าตลาดรวม QSR อาจจะทรงๆ ปีนี้
ภาพ: บริษัท แมคไทย จำกัด
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ส่องอาณาจักร MK Group สุกี้หมื่นล้าน ที่กำลังเจอความท้าทาย
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine