‘มาลี กรุ๊ป’ คืนบัลลังก์แชมป์น้ำผลไม้พรีเมียม ยอดขายปี 66 ทะลุ 7,800 ล้าน - Forbes Thailand

‘มาลี กรุ๊ป’ คืนบัลลังก์แชมป์น้ำผลไม้พรีเมียม ยอดขายปี 66 ทะลุ 7,800 ล้าน

‘มาลี กรุ๊ป’ ทวงคืนแชมป์น้ำผลไม้พรีเมียมสำเร็จครั้งแรกในรอบหลายปี หลังใช้กลยุทธ์ One Malee พร้อมอานิสงส์ท่องเที่ยวฟื้น เดินหน้าวิจัยหวังต่อยอดสู่ supplement food ปีนี้ เสริมแกร่งพอร์ตพร้อมโตยั่งยืนระยะยาว


    ราชเทพ นฤหล้า ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาลี กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า มาลีก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำในตลาดน้ำผลไม้พรีเมียมในประเทศไทยอีกครั้งในปีที่ผ่านมา ด้วยส่วนแบ่งตลาด 21% จากที่ปีก่อนหน้านี้ครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 3 ด้วยส่วนแบ่งตลาด 17-18%

    ตลาดน้ำผลไม้ในเมืองไทยในปี 2566 มีมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท เติบโต 11% จากปี 2565 ส่วนตลาดน้ำผลไม้พรีเมียมพร้อมดื่มมีมูลค่า 3,400 ล้านบาm เติบโต 58% จากปี 2565 ขณะที่แบรนด์มาลีเติบโต 103%

    ตลาดน้ำผลไม้เริ่มกลับมาเติบโตชัดขึ้นตั้งแต่โควิดเริ่มคลี่คลาย และมีนักท่องเที่ยวกลับเข้ามาในไทย เนื่องจากน้ำผลไม้เป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่ใช้ให้บริการนักท่องเที่ยวภายในห้องอาหาร ร้านเครื่องดื่มของโรงแรม

    นอกจากจะทวงแชมป์น้ำผลไม้พรีเมียมคืนมาได้แล้ว มาลียังประสบความสำเร็จในด้านยอดขายด้วย โดยปี 2566 มียอดขายเติบโตเพิ่มขึ้น 20% เป็น 7,871 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นถึง 138% เป็น 80 ล้านบาท โดยจากยอดขายรวมทั้งหมด สัดส่วน 35-40% มาจากสินค้าของมาลีเอง ส่วนที่เหลือเป็นรายได้จากธุรกิจรับจ้างผลิต

    ปัจจุบันรายได้ของมาลี กรุ๊ป มาจากการส่งออก 30% โดยมีตลาดหลักอยู่ที่จีน เกาหลี สหรัฐอเมริกา กัมพูชา อินโดนีเซีย และเวียดนาม ขณะที่ 70% เป็นรายได้ในประเทศ


    ราชเทพกล่าวว่า ในไตรมาสแรกของปีนี้มาลียังมีการเติบโตต่อเนื่องด้วยยอดขาย 2,195 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากไตรมาสแรกในปีก่อน ส่วนกำไรสุทธิเติบโตขึ้นถึง 261% เป็น 122 ล้านบาท

    การได้ชัยชนะของน้ำผลไม้พรีเมียมและยอดขายเติบโตอย่างสูงในปีที่ผ่านมา เพราะผลของการเพิ่มงบมากขึ้นถึง 3 เท่าตัวระหว่างปี 2022-2023 ในการวิจัยและพัฒนาสินค้า และศึกษาอินไซต์ผู้บริโภคอย่างเข้มข้น เพื่อวางกลยุทธ์การตลาดที่เข้าถึงผู้บริโภคทุกกลุ่ม ผ่านแคมเปญที่หลากหลาย เพื่อสร้างความแตกต่างและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มีความใส่ใจในสุขภาพมากขึ้น

    “เราให้ความสำคัญกับการบอกเล่าคุณประโยชน์ของสินค้าให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น แคมเปญของน้ำมะพร้าว Malee COCO ที่สื่อสารกับผู้บริโภคโดยอาศัยข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ที่พบว่าโพแทสเชียมในน้ำมะพร้าวธรรมชาติมีส่วนช่วยปรับสมดุลปริมาณโซเดียม เหมาะสำหรับกลุ่มผู้บริโภคไทยที่ชอบรับประทานอาหารรสจัด แคมเปญนี้สร้างความแตกต่างให้สินค้าเรา และเพิ่มโอกาสในการดื่มน้ำมะพร้าวมากขึ้นทุกวัน ยอดขายของ Malee COCO จึงเติบโตขึ้นถึง 103% สูงเกือบ 2 เท่าของตลาดน้ำมะพร้าวที่เติบโตเพียง 58% เท่านั้น” ราชเทพเผย

    อีกหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่มีส่วนช่วยในการสร้างการเติบโตให้มาลีในปีที่ผ่านมา คือกลยุทธ์ One Malee ด้วยการรวมศักยภาพของหน่วยงานต่างๆ เข้าด้วยกัน ทั้งทีมวิจัยและพัฒนาโดยเน้นวิจัยสินค้าที่ใช้ผัก ผลไม้ นม มาผสมกับน้ำผลไม้ รวมฝ่ายจัดซื้อ, ไฟแนนซ์, ทีมสร้างแบรนด์ และเชื่อมโยงข้อมูลระหว่าง 3 โรงงาน คือ อ.สามพราม จ.นครปฐม, อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา และในโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม ทำให้บริหารจัดการในทุกภาคส่วนได้เร็วขึ้น ควบคุมต้นทุนได้ดีขึ้น ตอบสนองต่อตลาดได้เร็วขึ้น


    ราชเทพกล่าวว่า เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายในการเป็น “ผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพระดับโลก” มาลีจะเน้นลงทุนใน Malee Applied Sciences (MAS) บริษัทวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเพื่อนำมาเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและบริการด้านสุขภาพและความงาม ตลอดจนการคิดค้นและเพิ่มมูลค่าของผลผลิตด้านการเกษตรและต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าสำหรับผู้ผลิตและพาร์ทเนอร์

    “ด้วยศักยภาพของ MAS ในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์นวัตกรรม เราจะนำวัตถุดิบของเรามาเป็นส่วนประกอบทั้งในอาหารและเครื่องดื่ม และคาดว่าจะมีการขยายไลน์สู่ตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เพื่อเติมเต็มพอร์ตของมาลีและสร้างรายได้ที่มั่นคงในระยะยาว” ราชเทพกล่าว

    เขายังกล่าวทิ้งท้ายว่า มาลี กรุ๊ป มีความมุ่งมั่นที่จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน ทั้งในเรื่องของแบรนด์และยอดขายผลิตภัณฑ์ ผ่านการพัฒนาศักยภาพจากความเชี่ยวชาญ โดยมีเป้าหมายเพื่อเป็น “Top Beverage Brand of Choice” ในประเทศไทย มุ่งสู่การเป็น “ผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพระดับโลก” ผ่าน 4 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ Mental Availability ในการเป็นเครื่องดื่มที่มอบสุขภาพที่ดีและความสุขให้ผู้บริโภคในแต่ละวัน, Physical Availability กระจายสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ ทั่วถึงทุกช่องทางการจัดจำหน่ายเพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงได้สะดวก

    Relevant Portfolio คือให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ฮีโร่และเพิ่มความหลากหลายของสินค้าในกลุ่มน้ำผลไม้และผลิตภัณฑ์นม พร้อมโปรเจกต์นวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ใหม่ และ Improved Customer Preference ด้วยการร่วมวางแผนกับคู่ค้าในการขับเคลื่อนมูลค่าตลาดในกลุ่มน้ำผลไม้และผลิตภัณฑ์นม ด้วยแผนการดังกล่าวบริษัทคาดว่ารายได้จะเติบโต 20% เท่ากับปีที่ผ่านมา



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : เขย่าตลาดสมูทตี้เมืองไทย โอ้กะจู๋เปิดตัว ‘Oh! Juice’ สาขาแรกที่เซ็นทรัล ลาดพร้าว

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine