ดูเหมือนว่ากระแสเครื่องดื่มน้ำผลไม้สมูทตี้จะเริ่มแผ่อิทธิพลเข้ามาในเมืองไทยมากขึ้น หลังแบรนด์ในต่างประเทศอย่าง Erewhon ประสบความสำเร็จ เป็นเครื่องดื่มยอดฮิตในสหรัฐอเมริกาที่เซเลบฯ ต่างก็ต้องไปชิม ในเมืองไทยเองก็เริ่มมีร้านแนวนี้เพิ่มมากขึ้น ล่าสุดคือแบรนด์ร้านอาหารเพื่อสุขภาพอย่าง ‘โอ้กะจู๋’ ก็เปิดร้านสมูทตี้ในชื่อแบรนด์ ‘Oh! Juice’ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ก่อนหน้านี้หลายคนน่าจะพอรู้จักซูเปอร์มาร์เก็ตในสหรัฐอเมริกาอย่าง ‘Erewhon’ ที่นอกจากจะเน้นขายอาหารและสินค้าออร์แกนิคเจาะกลุ่มพรีเมียมแล้ว สินค้าที่โด่งดังของ Erewhon ยังรวมไปถึงเครื่องดื่มผักผลไม้ปั่นหรือเมนูสมูทตี้ ที่มีราคาสูงถึงแก้วละกว่า 800 บาท
เมนูสมูทตี้ของ Erewhon นั้นประสบความสำเร็จอย่างงดงามไม่ว่าจะมีราคาสูงแค่ไหน แต่ก็ยังได้รับความนิยมในหมู่เซเลบฯ และทำให้หลายคนอยากไปชิมตามบ้าง กลายเป็นกระแสสมูทตี้หน้าตาสวยแปลกตาที่ใครๆ ก็อยากลอง
ในไทยเองก็เริ่มมีร้านสมูทตี้ที่หน้าตาคล้ายๆ Erewhon แล้วเหมือนกัน ตัวอย่างเช่น Plantiful ร้านอาหารเพื่อสุขภาพที่เริ่มขายสมูทตี้ และรสชาติดีจนหลายคนยกให้เป็น Erewhon เมืองไทย โดยมีราคาเริ่มต้นที่ร้อยปลายๆ ไปจนถึงหลักสองร้อยกว่าบาทต่อแก้ว
ล่าสุด ร้านอาหารเพื่อสุขภาพเจ้าดังอย่าง ‘โอ้กะจู๋’ ก็เข้ามาลุยตลาดนี้ด้วย โดยล่าสุดเปิดตัวแบรนด์ร้านเครื่องดื่มสมูทตี้ขึ้นมาโดยเฉพาะ ใช้ชื่อแบรนด์ว่า ‘Oh! Juice’ เปิดสาขาแรกที่เซ็นทรัล ลาดพร้าว ชั้น 2 ชูจุดเด่นอร่อยได้ประโยชน์ ไม่เติมน้ำตาล ใช้วัตถุดิบพรีเมียม
โดยมีเมนูที่น่าสนใจ เช่น Ocean N Earth รวมสุดยอดวัตถุดิบจากท้องทะเล Bluemajik คอลลาเจน และอีกมากมาย, เมนู Angel’s secret ที่ใช้สตรอว์เบอร์รี่ redpitaya และคอลลาเจน รวมตัวกับวัตถุดิบอื่นๆ เป็นต้น ราคาอยู่ที่ร้อยปลายๆ ถึงสองร้อยกว่าบาทต่อแก้วเช่นกัน
ทั้งนี้ Oh! Juice คือหนึ่งในแผนการขยายธุรกิจของโอ้กะจู๋ในปีนี้ นอกเหนือไปจากการขยายหน้าร้าน Full-service Restaurant การขายผ่านคีออสก์ การวางขายสินค้าในคาเฟ่อเมซอน และซูเปอร์มาร์เก็ต โอ้กะจู๋ก็พร้อมขยายธุรกิจร้านอาหารประเภทจานด่วน ภายใต้แบรนด์ “Ohkajhu Wrap & Roll” จำหน่ายสลัด แร็ปสลัด แซนด์วิช เบอร์เกอร์ และเมนูสุขภาพพร้อมหยิบ (Grab & Go) เพื่อให้ตอบโจทย์ชีวิตที่เร่งรีบ รวมถึงธุรกิจร้านน้ำผักผลไม้เพื่อสุขภาพภายใต้แบรนด์ “Oh Juice”
ในด้านรายได้ปี 2564-2566 จากข้อมูลจากเอกสาร Filing ของ ก.ล.ต. พบว่ามีรายได้จากการขาย (ณ 31 ธ.ค.) ดังนี้
- ปี 2564 อยู่ที่ 797.86 ล้านบาท (ค่าใช้จ่ายรวม 336.89 ล้านบาท)
- ปี 2565 อยู่ที่ 1,210.41 ล้านบาท (ค่าใช้จ่ายรวม 462.23 ล้านบาท)
- ปี 2566 อยู่ที่ 1,712.83 ล้านบาท (ค่าใช้จ่ายรวม 585.99 ล้านบาท)
ขณะที่กำไรสุทธิ (ณ 31 ธ.ค.)
- ปี 2564 ขาดทุน 84.6 ล้านบาท (อัตรากำไรสุทธิ -10.5%)
- ปี 2565 มีกำไรสุทธิ 38.3 ล้านบาท (อัตรากำไรสุทธิ 3.2%)
- ปี 2566 มีกำไรสุทธิ 140.6 ล้านบาท (อัตรากำไรสุทธิ 8.2%)
ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2566 OKJ มีสินทรัพย์รวม 1,349.93 ล้านบาท ขณะที่มีหนี้สินรวม 772.01 ล้านบาท และมีส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 577.92 ล้านบาท
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ‘โอ้กะจู๋’ แบรนด์ร้านอาหารสุขภาพ ยื่น Filing เตรียม IPO ในตลาดหุ้นไทย 159 ล้านหุ้น
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine