MAGURO Group รุกขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ดันรายได้เติบโต 30% เตรียมเปิดตัวแบรนด์ใหม่ ‘Bincho’ ร้านอาหารญี่ปุ่นย่างถ่านแบบต้นตำรับ เปิดบริการ สาขาแรก ณ MEGA BANGNA เดือน ก.ค.นี้
การขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องดูจะเป็นกลยุทธ์เชิงรุกที่ MAGURO Group เดินหน้าอย่างเต็มที่ หลังล่าสุดสร้างผลงานครั้งใหม่ที่หวนคืนสู่รากเหง้าของอาหารญี่ปุ่นยุคโบราณ ด้วยการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ Bincho ร้านอาหารญี่ปุ่นแบบต้นตำรับย่างถ่านบินโชตัน ซึ่งเป็นที่มาของชื่อแบรนด์ Bincho พร้อมเสิร์ฟด้วยวิถีแห่ง Washoku การปรุงอาหารตามแบบดั้งเดิมของประเทศญี่ปุ่น โดยจะเปิดบริการสาขาแรกที่เมกา บางนา ในเดือน ก.ค.นี้
จักรกฤติ สายสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAGURO กล่าวว่า บริษัทฯ ได้วางแผนธุรกิจเชิงรุก เพื่อขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ด้วยการขยายสาขาและเปิดแบรนด์ใหม่ 2 แบรนด์ เพื่อสร้างการเติบโตของรายได้ประมาณ 30% ในปีนี้

โดยล่าสุดได้เตรียมเปิดตัวแบรนด์ Bincho ร้านอาหารญี่ปุ่นย่างถ่านแบบต้นตำรับ วิถีแห่ง Washoku ซึ่งเกิดจากจุดเริ่มต้นครั้งแรกในการก่อตั้งบริษัทมากุโระ กรุ๊ป โดยย้อนไปเมื่อ 7-8 ปี พร้อมกับผู้ร่วมก่อตั้งอีก 3 ท่าน ได้เดินทางไปประเทศญี่ปุ่นเพื่อศึกษาดูงาน รวมถึงค้นหาวัตถุดิบสำหรับเปิดร้านอาหาร ซึ่งมีโอกาสได้พักอยู่ที่แถบชนบทห่างไกลจากเมืองหลวง และได้ชิมเมนูปลาย่างถ่าน ‘บินโชตัน’ ถ่านไม้คุณภาพสูงที่ย่างด้วยเตา “อิโอริ” เตาถ่านโบราณอายุหลายร้อยปี หรือจะเป็นอาหารที่ย่างบนเตา ‘โรบาตะยากิ’ โดยผู้ปรุงอาหารนั้นตั้งใจทุ่มเทกับการทำอาหารให้ดีที่สุดเพื่อต้อนรับแขก ปราศจากเครื่องมือที่ทันสมัยอำนวยความสะดวก เปรียบเสมือน ‘โชกุนิน’ หรือ ช่างศิลป์ญี่ปุ่น ที่สร้างสรรรค์ผลงานอย่างประณีต ถ่ายทอดจิตวิญญาณสู่อาหาร
“ประสบการณ์ครั้งนั้นสร้างความรู้สึกที่ตราตรึงประทับใจ จนเกิดเป็นแรงบันดาลใจของพวกเราทั้ง 4 คน เมื่อก่อตั้ง MAGURO ที่ตั้งใจอยากส่งมอบประสบการณ์ให้กับผู้บริโภคคนไทยได้สัมผัสวิถีและวัฒนธรรมการปรุงอาหารตามแบบดั้งเดิมของประเทศญี่ปุ่น ที่เรียกว่า Washoku (วะโชกุ) ซึ่งพิถีพิถันใน 4 องค์ประกอบ ได้แก่ 1.วัตถุดิบ เลือกเฟ้นวัตถุดิบอย่างดี 2.การปรุง ที่คำนึงถึงรสชาติแท้ที่โดดเด่นของวัตถุดิบ 3.สารอาหาร คำนึงความสมดุล และ 4.การให้บริการด้วยความเอาใจใส่ ซึ่งสะท้อนวัฒนธรรมและวิถีชีวิตผ่านตำรับอาหาร ที่ให้ความสำคัญกับการเอาใจใส่ การใช้เวลาร่วมกันอย่างละเมียดละไม โดยคำนึงถึงความรู้สึกของกันและกัน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของอาหารที่เติมเต็มทั้งด้านร่างกาย และจิตใจของทุกคนในครอบครัว”
โดยวิถีชีวิตของคนในยุคปัจจุบันที่มีความเร่งรีบแข่งกับเวลา ร้านอาหารสมัยใหม่จึงเน้นการให้บริการที่รวดเร็ว โดยมีเทคโนโลยีช่วยปรุงประกอบอาหาร จนอาจลืมการปรุงอาหารแบบดั้งเดิมที่ใช้เวลา ตลอดจนการ รับประทานอาหารร่วมกันโดยใช้เวลาร่วมกัน

ด้วยเหตุนี้จึงที่มาของร้าน Bincho โดยมีคอนเซ็ปต์ “Washoku for now” ต้องการนำเสนอแก่นแท้ของอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมวิถีชนบทมาสู่ชีวิตคนเมือง โดยไฮไลต์ของร้าน Bincho จะนำเสนอเมนูอาหารด้วยวิถีแห่ง Washoku โดยอาหารทุกจานจะมาจากเมนูวัตถุดิบหลัก อาทิ ปลา ไก่ หมู เนื้อวัว และอื่นๆ นำมาย่างบนถ่านบินโชตัน ถ่านไม้คุณภาพสูงจากประเทศญี่ปุ่น ช่วยเผยรสชาติของวัตถุดิบออกมาทีละชั้น
นอกจากนี้ ข้าวก็ใช้วิธีหุงสดใหม่ด้วยหม้อฮากามะ ทำให้ให้ข้าวมีรสสัมผัสที่นุ่มเหนียว เรียงตัวสวย และเครื่องเคียงดั้งเดิมแบบญี่ปุ่นโบราณ เสิร์ฟในรูปแบบอาหารเซตในราคาคุ้มค่าที่เข้าถึงง่ายสำหรับทุกคน ตอบโจทย์ในการเป็นมื้ออาหารสำหรับผู้บริโภคที่ต้องการควบคุมค่าใช้จ่าย และสามารถกลับมารับประทานซ้ำได้บ่อยครั้ง

โดย Bincho คัดสรรเมนูพิเศษแนะนำที่ห้ามพลาด ได้แก่ ปลา Kinki ย่าง ปลาพรีเมียมจากญี่ปุ่นที่มีรสหวานตามธรรมชาติ ย่างด้วยไฟถ่านจนหนังกรอบ เนื้อนุ่มละลายในปาก, ปลาบู่ย่างไซเกียว เมนูดั้งเดิมที่หมักด้วยซอสไซเกียวสูตรพิเศษ ก่อนนำมาย่างบนถ่าน, แซลมอนอิกุระ แซลมอนย่างหนังกรอบ เสิร์ฟพร้อมไข่ปลาอิกุระเค็มละมุน โดยอาหารเมนูเซตราคาเริ่มต้นเพียง 280 บาท นอกจากนี้ยังมีเมนู Yakitori ไม้ปิ้งเสียบย่างด้วยมือทีละไม้ เริ่มต้นเพียงไม้ละ 40 บาท โอเด้ง และอาหารว่างทานเล่นอีกหลากหลายเมนู
ภาพ: MAGURO
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : แกะสูตรความปัง YogurBara แบรนด์โยเกิร์ตจากออมม่า JayB กระแสดีตั้งแต่สาขาแรกในไทย หลังร่วมมือกับทีมไทย FireFly
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine