จนหรือรวย คนไทยก็ซื้อแบรนด์เนม! ‘แบรนด์เนม มันนี่’ ลุยสินเชื่อเช่าซื้อของหรู คาด 3 ปี พอร์ตแตะ 1 พันล้าน - Forbes Thailand

จนหรือรวย คนไทยก็ซื้อแบรนด์เนม! ‘แบรนด์เนม มันนี่’ ลุยสินเชื่อเช่าซื้อของหรู คาด 3 ปี พอร์ตแตะ 1 พันล้าน

จนหรือรวย คนไทยก็ซื้อแบรนด์เนมหรู เพื่อบอกสถานะสังคม สร้างบารมี หรือให้รางวัลตัวเองได้ Brandname Money (แบรนด์เนม มันนี่) เตรียมจับมือร่วมทุนสถาบันการเงินพร้อมระดมทุนจากตลาดฯ ลุยให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อตั้งแต่หลักพันถึงหลักล้าน คาด 3 ปี พอร์ตสินเชื่อแตะ 1 พันล้านบาท


    ท่ามกลางสงครามการค้า ภาวะเศรษฐกิจซบเซา มูลค่าตลาดการซื้อขายสินค้าแบรนด์เนม Luxury ในหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างยุโรป หรืออเมริกา อาจจะชะลอตัวลง แต่ประเทศที่กำลังพัฒนาอย่างไทยพบว่าคนยังซื้อแบรนด์เนม

    และในปี 2567-2571 ถูกคาดการณ์ว่า ความต้องการแบรนด์เนมอาจจะมีการขยายตัวถึง 5.62% ต่อปี จากที่มีมูลค่าการซื้อขายสินค้ามือหนึ่งสูงถึง 4,640 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปี หรือเป็นมูลค่ากว่า 157,000 ล้านบาท และมูลค่าแบรนด์เนมมือสองอีกกว่า 40,000 ล้านบาท รวมเป็นกว่า 2 แสนล้านบาท แซงประเทศสิงคโปร์ที่ตลาดมีมูลค่าอยู่ที่ 4,060 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทำให้ไทยขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งของตลาดสินค้าแบรนด์เนมในอาเซียนตั้งแต่ปีที่ผ่านมา

    ปพน มนัสภากร เจ้าของบริษัทอะไหล่รถยนต์ผู้มี passion เรื่องการสะสมนาฬิกาแบรนด์เนมมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม ภายหลังเขาได้รับนาฬิกา Tag Heuer เป็นรางวัลจากคุณพ่อเป็นเรือนแรก เมื่อได้ทำงานมีเงินเดือนเป็นของตนเอง ปพนก็เริ่มเข้าสู่วงการสะสมและซื้อมาขายไปกระเป๋าและนาฬิกาแบรนด์เนมเต็มตัว

    “เราผ่อนทีวี รถยนต์ เครื่องซักผ้าได้ แต่ทำไมไม่มีสถาบันการเงินมาบริการผ่อนของแบรนด์เนมบ้าง ทั้งที่ของพวกนี้มันซื้อไว้เป็นสินทรัพย์เพื่อการลงทุนได้ หาคำตอบให้ตัวเองอยู่นาน และเห็นว่า การสะสมแบรนด์เนม สามารถสร้างรายได้ ในที่สุดผมก็โดดเข้าสู่วงการบริการสินเชื่อเช่าซื้อและขายฝากแบรนด์เนม” ปพณบอก

    บริษัท แบรนด์เนม มันนี่ จำกัด (Brandname Money) ถูกตั้งขึ้นมาด้วยทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาทในเดือนมิถุนายน ปี 2567


    แบรนด์เนม มันนี่ ให้บริการสินเชื่อเพื่อซื้อสินค้าแบรนด์เนมใน 3 รูปแบบ ได้แก่ รูปแบบแรก คือ สินเชื่อแบบ ผ่อนไป ใช้ไป ให้ลูกค้าได้ครอบครองแบรนด์เนมที่ต้องการได้ทันทีหลังได้รับอนุมัติ ไม่ต้องรอ ไม่ต้องใช้บัตรเครดิต เพียงดาวน์เริ่มต้น 30% ของราคาสินค้า พร้อมดอกเบี้ยเริ่มต้นเพียง 0.99% ต่อเดือน ผ่อนสบายๆ ได้นานสูงสุด 24 เดือน อนุมัติไวภายใน 3 วัน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแบ่งชำระค่าใช้จ่าย และมีรายได้ประจำ


    รูปแบบที่ 2 เป็นสินเชื่อแบบผ่อนจบ รับของ เป็นสินเชื่อที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ที่ต้องการเป็นเจ้าของแบรนด์เนม โดยไม่ต้องมีภาระผูกพันทางการเงินมากนัก เพียงดาวน์เริ่มต้น 30% ของราคาสินค้ากับบริษัท และสามารถรับสินค้าไปใช้ได้ทันทีที่ผ่อนกับบริษัทจนครบกำหนดสูงสุด 10 เดือน บริษัทคิดดอกเบี้ยเริ่มต้นเพียง 1.25% ต่อเดือน และอนุมัติภายใน 1 ชั่วโมง โดยไม่ต้องเช็กเครดิตบูโร สินเชื่อแบบนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการความยุ่งยากในการตรวจเช็กเครดิตในการเป็นเจ้าของแบรนด์เนม


    ส่วนบริการรูปแบบที่ 3 เป็นการให้บริการขายฝากนาฬิกา กระเป๋า และจิวเวลรี่แบรนด์เนม เปิดโอกาสให้ผู้คนนำสินทรัพย์ที่มีคุณค่าเหล่านี้มาแปลงเพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน โดยไม่ต้องเสีย “ของรัก” ไป


    ปพน ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า ตั้งแต่เริ่มดำเนินธุรกิจบริการสินเชื่อ เช่าซื้อ ขายฝากแบรนด์เนม อาทิ กระเป๋า นาฬิกา เครื่องประดับ มาตั้งแต่กลางปี 2567 จนถึงปัจจุบันได้ปล่อยสินเชื่อไปแล้ว ประมาณ 100 ล้านบาทแล้ว โดยเป็นสินเชื่อขายฝากกว่า 80 ล้านบาท เนื่องจากคนขาดสภาพคล่อง ต้องการเอาเงินไปหมุนในธุรกิจ และใช้เพื่อรักษาคนในครอบครัว

    ขณะที่สินเชื่อเช่าซื้อ หรือผ่อนไปใช้ไป ประมาณ 15 ล้านบาท และผ่อนจบ รับของอีก 4-5 ล้านบาท โดยคาดว่าสิ้นปีนี้มูลค่าพอร์ตสินเชื่อจะจบปีที่ 300 ล้านบาท และเป้าหมายภายใน 3 ปีนี้ คือปี 2571 จะเพิ่มพอร์ตสินเชื่อเป็น 1,000 ล้านบาท ปัจจุบันลูกค้าของแบรนด์เนม มันนี่ มีทั้งชายหญิงอย่างละเท่าๆ กัน อายุระหว่าง 25-45 ปี

    “คนไทยรุ่นใหม่นิยมใช้สินค้าแบรนด์เนมมากขึ้น เพื่อเป็นรางวัลให้ตัวเอง สร้างบารมี และยังเป็นการสร้าง ภาพลักษณ์บ่งบอกตัวตนในสังคม แสดงถึงความมีรสนิยม ขณะที่บางส่วนมองว่าเป็นการลงทุนระยะยาว และแบรนด์หรูระดับโลกที่นิยมใช้ดารา นักร้องหรือไอดอลของไทยเป็นพรีเซนเตอร์และแบรนด์แอมบาสเดอร์มากขึ้น

    “การเข้ามาเปิดช็อปและคาเฟ่ที่มีเพียงไม่กี่ประเทศในโลกในเมืองไทย ทำให้เห็นอนาคตของตลาดสินค้าลักชัวรี่ เมื่อเศรษฐกิจดีขึ้น จะมีความต้องการซื้อสินค้าแบรนด์เนมมากขึ้น ทำให้เป็นผลดีกับสินเชื่อเพื่อซื้อแบรนด์เนมมากขึ้น แต่ยุคที่เศรษฐกิจชะลอตัวหรือฝืดเคือง สินเชื่อขายฝากก็มีโอกาสเติบโตขึ้นได้ เพราะมีลูกค้านำทรัพย์สินแบรนด์เนมของตัวเองมาแปลงเป็นเงินสดเพื่อให้มีสภาพคล่องทางการเงิน โดยใช้บริการสินเชื่อขายฝาก เช่นในภาวะเศรษฐกิจขณะนี้ ธุรกิจเราจึงเติบโตได้ทั้งในสภาวะเศรษฐกิจดีหรือไม่ดี” ปพนกล่าว

ปพน มนัสภากร


    ดังนั้น บริษัทจึงมีแผนที่จะนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ MAI เพื่อระดมเงินทุน 100-200 ล้านบาท ในอีก 5 ปี เพื่อมาขยายธุรกิจที่คาดว่าจะมีโอกาสเติบโตได้อีกมากในอนาคต

    ปัจจุบัน Brandname Money มีพันธมิตร ที่เป็นร้านขายสินค้าแบรนด์เนมชั้นนำมากกว่า 40 ร้าน และยังรับสมัครร้านค้าที่ต้องการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มลูกค้าที่ต้องการซื้อแบรนด์เนมผ่อนได้ โดยทางแบรนด์เนม มันนี่ จะดูแลเรื่องสินเชื่อให้ลูกค้าของร้าน โดยร้านค้าจะได้รับเงินค่าสินค้าเต็มจำนวน และให้ลูกค้ามาผ่อนสินค้ากับแบรนด์เนม มันนี่

    “ปัจจุบันผมมีการเจรจากับสถาบันการเงิน และนักลงทุนหลายกลุ่ม เพื่อร่วมหุ้นทำให้ธุรกิจนี้แข็งแกร่งมากขึ้น ผมอยากทำให้เห็นว่า คนที่ไม่ได้รวย และฝันจะมีนาฬิกา กระเป๋า หรือจิวเวลรี่แบรนด์เนมดังๆ สักแบรนด์ไว้ในครอบครองไม่ใช่เรื่องเพ้อเจ้อ” ปพนบอก



ภาพ: แบรนด์เนม มันนี่

กราฟิกโดย: ธัญวดี นิรุตติศาสตร์



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ‘ภูเก็ต’ กำลังเป็นเมืองลักชู แบรนด์หรูลุยขยายพื้นที่-เปิดช็อปเพิ่ม ‘เซ็นทรัล ภูเก็ต’ เตรียมขยายโซนหรูเพิ่ม 4 เท่าในปี 2026

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine