CPN เผยภูเก็ตกำลังเป็นเมืองท่องเที่ยวศักยภาพสูงตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์เศรษฐีไทย-เทศ สินค้าลักชัวรีขายดี ล่าสุด ‘เซ็นทรัล ภูเก็ต’ เตรียมขยายพื้นที่โซนหรูเพิ่ม 4 เท่าในปี 2026 รองรับการขยายพื้นที่ช็อปเพิ่มของหลายแบรนด์ และแบรนด์ใหม่จ่อคิวมาลงอีกเพียบ
ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เซ็นทรัลพัฒนานั้นมีวิสัยทัศน์ในการบุกเบิกสร้างเมืองใหม่มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสำหรับภูเก็ตแล้ว เซ็นทรัลพัฒนาได้บุกเบิกสร้างโครงการเซ็นทรัล ภูเก็ต เฟสติวัล ตั้งแต่ปี 2004 เนื่องจากมองเห็นศักยภาพและกำลังซื้อมหาศาลของผู้บริโภคในพื้นที่ ที่ 70% มีรายได้มาจากการท่องเที่ยว ซึ่งเราเป็นรายแรกที่มาเปิดศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดในภูเก็ต”
“กระทั่งปี 2018 ที่ภูเก็ตเริ่มกลายเป็นเมืองที่สอดรับกับลักชัวรีไลฟ์สไตล์ของคนมีเงินจากทั่วโลก เราจึงได้เปิดให้บริการ ‘เซ็นทรัล ภูเก็ต ฟลอเรสต้า’ ในปี 2018 เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ของคนกลุ่มนี้ และส่งเสริมให้ภูเก็ตเป็นเมืองเทียบชั้นเมืองชายทะเลระดับโลกอย่าง ริเวียร่า, ซานโตรินี, ไมอามี่บีช และฮาวาย ซึ่งสะท้อนว่าวิสัยทัศน์ของเรานั้นสอดคล้องกับการพัฒนาของเมือง และตอบรับแผนยุทธศาสตร์ภาครัฐที่ต้องการพัฒนาให้ภูเก็ตเป็น ‘Top Destination for Global Jetsetter’ ดึงดูดกำลังซื้อสูงทั่วโลก
“โดยเซ็นทรัล ภูเก็ต ฟลอเรสต้า ที่เป็น World-class luxury mall แห่งเดียวใจกลางภูเก็ตด้วยแบรนด์ลักชัวรีระดับโลกมากมาย และเป็นจิ๊กซอว์สำคัญของการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพจาก ‘Quantity to Quality spending’ ซึ่งเป็นนโยบายที่ทั้งภาครัฐ-เอกชนจะร่วมกันทำให้ภูเก็ต ไม่มีช่วงโลว์ซีซัน เที่ยวได้-จับจ่ายได้ตลอดทั้งปี โดยปัจจุบันศูนย์การค้าเติบโตต่อเนื่อง และมีทราฟฟิกดีกว่าช่วงก่อนโควิดถึง 30%”
วิไลพร ปิติมานะอารี ผู้อำนวยการอาวุโสกลุ่มงานปฎิบัติการสาขาภูเก็ต บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เมื่อครั้งที่เปิดเซ็นทรัล ภูเก็ต เมื่อปี 2004 เทรนด์แฟชั่นและไลฟ์ของคนภูเก็ตยังไม่เป็นแบบนี้ การเปิดศูนย์การค้าของเรานับเป็นการริเริ่มเทรนด์ไลฟ์สไตล์และแฟชั่นใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น อย่างเช่นการมานั่งจิบกาแฟคุยธุรกิจกันในร้านสตาร์บัคส์ เป็นต้น โดย ณ ตอนนั้นคนที่มาเดินในศูนย์ฯ เป็นคนภูเก็ตถึง 70%”
“ภูมิทัศน์ของภูเก็ตเริ่มเปลี่ยนไปสู่ลักชัวรีไลฟ์สไตล์มากขึ้น เห็นได้จากการมีสนามกอล์ฟเป็นจำนวนมาก, มีท่าจอดเรือยอชต์ถึง 5 แห่ง, มีที่จอดไพรเวทเจ็ตของมหาเศรษฐี, มีการพัฒนา Branded Residences มากขึ้น, สนามบินถูกพัฒนาให้เป็นสนามบินนานาชาติ, มีชาวต่างชาติที่มีกำลังซื้อเข้ามาซื้ออสังหาฯ ในภูเก็ตเพื่อเป็นบ้านหลังที่สอง, มีโรงเรียนนานาชาติและโรงเรียนสองภาษาเพิ่มมากขึ้น
นั่นทำให้สินค้าแฟชั่นลักชัวรีก็เป็นที่ต้องการมากขึ้นเช่นกัน ทำให้เราขยายมาสู่โครงการเซ็นทรัล ภูเก็ต ฟลอเรสต้า ที่รองรับไลฟ์สไตล์ลักชัวรี โดยถือเป็นลักชัวรีมอลล์แห่งแรกนอกกรุงเทพฯ ก็ว่าได้ ส่วนเซ็นทรัล ภูเก็ต เฟสติวัล นั้นเรากำลังผลักดันให้เป็น Family Destination มากกว่า”
ทั้งนี้ ปัจจุบันทราฟฟิกของเซ็นทรัล ภูเก็ต ฟลอเรสต้านั้น 70% เป็นชาวต่างชาติ อีก 30% เป็นคนไทย ขณะที่เซ็นทรัล ภูเก็ต เฟสติวัล นั้นมีสัดส่วนคนไทยมากกว่าคือ 60% ชาวต่างชาติอยู่ที่ 40%
ในแง่ของทราฟฟิก เฉลี่ยของทั้งสองฝั่งรวมกันอยู่ที่ 80,000 คน/วัน แต่ถ้าดูที่เซ็นทรัล ภูเก็ต ฟลอเรสต้า เพียงที่เดียว มีทราฟฟิกถึง 50,000 คน/วัน
วิไลพร เผยอีกว่า ฐานข้อมูล The1 ชี้ให้เห็นว่าลูกค้าของเซ็นทรัล ภูเก็ต มียอดใช้จ่ายต่อคนสูงที่สุดเป็นอันดับ 1 ของศูนย์การค้าเซ็นทรัลพัฒนาทั่วประเทศ โดยลูกค้า Wealth Segment ที่เซ็นทรัล ภูเก็ต มีการใช้จ่ายสูงกว่าลูกค้า Wealth ของสาขาอื่นๆ ถึง 45% สะท้อนการเติบโตของตลาดสินค้าลักชัวรีในไทยที่ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดประมาณ 1.6 แสนล้านบาท โดยตลาดลักชัวรีไทยขยายตัวถึง 5.62% จนถึงปี 2028 คาดว่าจะแซงหน้าตลาดสิงคโปร์
“สำหรับแผนในปีนี้เซ็นทรัลพัฒนา เตรียมขยายพื้นที่ Luxury Zone ในเซ็นทรัล ภูเก็ต ฟลอเรสต้า เพิ่มขึ้นเป็น 4,000 ตารางเมตรในสิ้นปีนี้ จากเดิมอยู่ที่ 2,000 ตารางเมตร และจะเพิ่มขึ้นเป็น 8,000 ตารางเมตร หรือเพิ่มขึ้นเป็น 4 เท่าภายในปี 2026 ซึ่งจะเป็นการเพิ่มจำนวนแบรนด์หรูจาก 14 แบรนด์ในปัจจุบัน เป็น 30 แบรนด์ในปี 2026 ด้วย”
วิไลพร กล่าวอีกว่า การขยายพื้นที่โซนลักชัวรีในครั้งนี้ จะเป็นการร Re-Locate พื้นที่ด้วยการย้ายแบรนด์ระดับกลางขึ้นไปอยู่ชั้น 2 จากเดิมที่หลายแบรนด์อยู่ในชั้น 1 ชั้นเดียวกับแบรนด์หรูระดับไฮเอนด์
“ที่เราขยายพื้นที่เป็นเพราะแบรนด์หรูหลายแบรนด์อยากขยายพื้นที่เพิ่ม เพื่อรองรับการนำเสนอสินค้าที่หลากหลายมากขึ้น หลังจากเขามั่นใจในการทำตลาดที่นี่เนื่องจากยอดขายบางแบรนด์ขายดีติดอันดับโลก ขณะที่หลายแบรนด์ที่มาลองมาเปิดเป็นป๊อปอัพสโตร์ก่อน ก็จะย้ายเข้าไปอยู่ในช็อปจริงจัง โดยในเดือนสิงหาคมนี้ช็อป Prada ก็จะเปิดให้บริการด้วยพื้นที่ถึง 500 ตารางเมตร”
วิไลพร กล่าวอีกว่า ภูเก็ตนับเป็นจังหวัดที่สร้างเม็ดเงินทางเศรษฐกิจเป็นอันดับที่ 2 รองจากกรุงเทพฯ* ในปี 2566 ภูเก็ตสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวของจังหวัดถึง 380,000 ล้านบาท และในปี 2567 ตั้งเป้ารายได้จากการท่องเที่ยวที่ 450,000 ล้านบาท โดยสิ้นปีนี้ คาดมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าภูเก็ตกว่า 12 ล้านคน คิดเป็นอันดับ 2 ของประเทศ รองจากกรุงเทพฯ*
ซึ่งภูเก็ตถือเป็น “บ้านหลังที่สอง” ของเศรษฐีชาวไทยและต่างชาติ ด้วย Infrastructure ที่พร้อมรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก ทั้งแผนขยายสนามบินภูเก็ต เฟส 2 ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2570 มีสิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ โรงพยาบาล, โรงเรียนนานาชาติ, ท่าเรือยอชต์, สนามกอล์ฟ และ Private Jet เป็นต้น และเซ็นทรัล ภูเก็ต จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเติมเต็มเมืองตอบโจทย์ของภาครัฐที่ต้องการส่งเสริม Sustainable Economy ให้ภูเก็ตเป็น Hub ระดับโลกในหลายมิติ อาทิ Culinary, Medical & Wellness, Sport Tourism, education, Smart city, Marina และ MICE อีกด้วย
โดยนอกจากกลยุทธ์การขยายพื้นที่โซนหรูเพิ่มเติมแล้ว เซ็นทรัลพัฒนายังอาศัยกลยุทธ์อื่นๆ เข้ามาเสริม เพื่อผลักดันให้เซ็นทรัล ภูเก็ตเป็น The World’s Luxury Magnitude ไม่ว่าจะเป็น
-การมอบประสบการณ์ระดับไฮเอนด์ที่ดีไซน์เฉพาะกลุ่มลูกค้า VVIP อาทิ Club ที่มี Luxury Services สำหรับ VVIP ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกระดับ Tycoon & Millionaire กว่า 2,300 คน ที่จะได้รับสิทธิพิเศษมากมาย อาทิ Butler แห่งแรกในไทย, บริการ Luxe Limo Service และ Excusive Dining ที่ Su Va Na Restaurant เป็นต้น
-The Ultimate Dining Experience จากร้านดังมากมาย อาทิ Su Va Na Restaurant เพลิดเพลินและดื่มด่ำไปกับอาหารเลิศรสจากเชฟชื่อดังอย่าง “Chef Atanu” ทีมเชฟที่รังสรรค์เมนูรสชาติสุดพิเศษที่ไม่เหมือนใคร Fine Dining จากวัตถุดิบที่ดีที่สุดจากทั่วโลก ท่ามกลางบรรยากาศใต้น้ำแห่งเดียวในไทยที่เพิ่งได้รางวัล ‘TOP25 Restaurants Awards Phuket 2023’
และล่าสุด ได้รับเสนอชื่อเข้าชิงเป็น Top 3 ร้านอาหารใต้น้ำที่ดีที่สุด แข่งขันกับ ดูไบ กับ นอร์เวย์, ร้าน Thai Brasserie By Blue Elephant ที่ได้รับการออกแบบร่วมสมัย และมีชีวิตชีวาพร้อมกับอาหารไทยที่สร้างสรรค์ โดยเชฟชื่อดังภายใต้การดูแลของเชฟนูรอ โซ๊ะมณี สเต็ปเป้ มาสเตอร์เชฟของบลู เอเลเฟ่นท์, Starbucks Reserve ใหญ่ที่สุดในภูเก็ต รวมไปถึง %Arabica และ Haidilao สาขาแรกนอกกรุงเทพฯ
-World-class Attraction เพลิดเพลินกับ Aquaria Phuket อควาเรียมล้ำสมัยที่ดีที่สุดในภูเก็ต และ ‘Tales of Thailand’ จำลองสถาปัตยกรรมและวิถีชีวิตชาวไทยทั้ง 4 ภาค ในรูปแบบร่วมสมัย โดยมีไฮไลต์คือตลาดน้ำจำลองขนาดใหญ่ที่เป็นเอกลักษณ์ของประเทศไทย และยังมีร้าน ‘Good Goods’ จำหน่ายสินค้าสะท้อนเอกลักษณ์ไทย
-สร้างสรรค์อีเวนต์และเทศกาลระดับโลกจัดต่อเนื่องตลอดทั้งปี เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลก เช่น เทศกาลสงกรานต์, Pride Month, Countdown และยังรวมไปถึง Art exhibition ที่รวบรวมศิลปินแถวหน้าจากทั่วโลก ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาเพิ่มสีสันทุกเดือน ให้ภูเก็ตเป็น Art Destination Landmarks
ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยตอบโจทย์ของภาครัฐที่ต้องการส่งเสริม Sustainable Economy ให้ภูเก็ตเป็นฮับระดับโลกในหลายด้าน อาทิ Culinary, Medical & Wellness, Sport Tourism, education, Smart city, Marina และ MICE อีกด้วย
ทั้งนี้ ปัจจุบันกลุ่มเซ็นทรัลมีการลงทุนในภูเก็ตมากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากกรุงเทพฯ ประกอบด้วย 4 ศูนย์การค้า, 5 ห้างสรรพสินค้า, 7 โรงแรม, 3 คอนโดมิเนียม รวมถึงธุรกิจอื่นๆ ในกลุ่ม อาทิ ซูเปอร์สปอร์ต, เพาเวอร์บาย, ไทวัสดุ, บีเอ็นบี โฮม, บีทูเอส, ออฟฟิศเมท, Tops Food Hall, Tops Market, Tops Daily, Tops Vita เป็นต้น และเซ็นทรัลพัฒนามีศูนย์การค้าในภาคใต้ รวมทั้งหมด 5 แห่ง คือ เซ็นทรัล ภูเก็ต, สมุย, สุราษฎร์ธานี, นครศรีธรรมราช และหาดใหญ่
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ‘วัตสัน’ ทุ่ม 250 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เปิด-ปรับปรุงร้าน 6,000 สาขาทั่วเอเชียใน 2 ปี
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine