กลุ่มเดอะมอลล์ ตั้งเป้าดันศูนย์การค้าแห่งใหม่ Bangkok Mall เป็นฮับความบันเทิงดึงนักเที่ยวไทย-เทศ - Forbes Thailand

กลุ่มเดอะมอลล์ ตั้งเป้าดันศูนย์การค้าแห่งใหม่ Bangkok Mall เป็นฮับความบันเทิงดึงนักเที่ยวไทย-เทศ

สำนักข่าว Nikkei Asia รายงานว่า กลุ่มเดอะมอลล์ กำลังพัฒนาศูนย์การค้าแห่งใหม่อย่าง Bangkok Mall ซึ่งจะเป็นศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มูลค่าการลงทุนกว่า 5 หมื่นล้านบาท โดยใกล้ๆ กันจะมีอารีน่าสำหรับจัดคอนเสิร์ตอย่าง BKK Arena ที่กลุ่มเดอะมอลล์จะใช้ดึงดูดนักท่องเที่ยวด้วยการนำเสนอประสบการณ์ด้านความบันเทิง


    “Bangkok Mall จะเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นมาก จนนักท่องเที่ยวนอนไม่สามารถหลับใหลได้” ศุภลักษณ์ อัมพุช ประธานกลุ่มเดอะมอลล์ กล่าว

    ศูนย์การค้าแห่งใหม่นี้จะตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 1 ล้านตารางเมตรในเขตบางนา ซึ่งศุภลักษณ์กล่าวว่าจะเป็นศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คาดว่าจะมีการลงทุนรวมสูงถึง 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งเทียบเท่ากับยอดขายประจำปีของกลุ่มเดอะมอลล์

    โดยจะมีพื้นที่สำนักงาน ที่พักอาศัย โรงแรม และสนามกีฬาที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ซึ่งจะสามารถรองรับคนได้มากถึง 20,000 คน คาดว่าจะแล้วเสร็จระหว่างปี 2569-2570

    ทั้งนี้ เดิมอาคารนี้มีกำหนดจะเปิดประมาณปี 2566 แต่การก่อสร้างถูกระงับชั่วคราวเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด

    ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา กลุ่มเดอะมอลล์เพิ่งเปิดให้บริการศูนย์การค้าใจกลางกรุงเทพฯ อย่าง The EmSphere ที่มีฮอลล์จัดอีเวนต์ที่สามารถรองรับคนได้ 6,000 คน โดยที่ผ่านมามีทั้งนักร้องชาวอังกฤษอย่าง Ed Sheeran และวงร็อคญี่ปุ่นอย่าง Radwimps เคยมาโชว์คอนเสิร์ตที่นี่แล้ว

    ปัจจุบัน The EmSphere เรียกได้ว่ากำลังได้รับความสนใจในฐานะแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ โดยมีทราฟิกผู้ใช้บริการถึง 150,000-200,000 คนต่อวัน

    ทั้งนี้ นับตั้งแต่เปิดห้างสรรพสินค้าหรู ดิ เอ็มโพเรียม บนถนนสุขุมวิทในปี พ.ศ. 2540 เดอะมอลล์ กรุ๊ป ซึ่งก่อตั้งในปี พ.ศ. 2524 ได้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์สุดหรูหลายแห่ง โดยมีศุภลักษณ์สืบทอดธุรกิจมาจากบิดาซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท และปลุกปั้นให้กลุ่มเดอะมอลล์เป็นหนึ่งในผู้เล่นรายใหญ่ที่สุดของไทย

    Nikkei Asia ยังรายงานด้วยว่า ปัจจุบันการแข่งขันด้านการให้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกสบายเชิงพาณิชย์ในประเทศไทยกำลังดุเดือด กลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Central Group ก็กำลังผนึกกำลังกับผู้ประกอบการโรงแรมสัญชาติไทยที่มีมายาวนานอย่างกลุ่มดุสิตธานี เพื่อเปิดโครงการมิกซ์ยูสอย่าง Dusit Central Park ในใจกลางกรุงเทพฯ ในต้นปี 2568

    ขณะเดียวกัน TCC Group ของตระกูลสิริวัฒนภักดี ก็กำลังทยอยเปิดให้บริการโครงการมิกซ์ยูสอย่าง One Bangkok ในปีนี้ 

    ในขณะที่การแข่งขันเริ่มดุเดือด เดอะมอลล์ กรุ๊ป ตั้งเป้าที่จะสร้างความแตกต่างด้วยการนำเสนอความบันเทิงและประสบการณ์ที่ The EmSphere และ Bangkok Mall พร้อมปรับกลยุทธ์ไปสู่ศูนย์การค้าระดับลักชัวรี “กลยุทธ์ของกลุ่มห้างสรรพสินค้าในการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกหรูหราในใจกลางกรุงเทพฯ และที่อื่นๆ เป็นสิ่งที่ดี” ยูจิ คาโตะ จากสถาบันวิจัยโนมูระ ประเทศไทย กล่าว

    บริษัทหวังที่จะใช้ศูนย์การค้าแห่งใหม่ในกรุงเทพฯ เพื่อดึงดูดลูกค้าจากที่อื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเยือนประเทศไทยในช่วงเดือนมกราคม-เมษายน มีจำนวน 12.1 ล้านคน เพิ่มขึ้น 40% จากปีก่อนหน้า

    ความต้องการด้านความบันเทิงยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องทั่วทั้งภูมิภาค ข้อมูลจาก Statista ระบุว่า ตลาดงานแสดงดนตรีในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีมูลค่าประมาณ 280 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2565 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นสองเท่าเป็น 560 ล้านเหรียญในปี 2571

    เดอะมอลล์ กรุ๊ป มุ่งหวังที่จะดึงดูดศิลปินชื่อดังให้มาชมคอนเสิร์ตที่สถานที่แห่งใหม่ โดยคำนึงถึงที่พักและความต้องการช้อปปิ้งจากแฟนๆ ที่จะเข้าร่วมชมการแสดง

    ทั้งนี้ Taylor Swift จัดคอนเสิร์ต 6 แห่งในสิงคโปร์เมื่อต้นเดือนมีนาคม ขายบัตรได้มากกว่า 300,000 ใบ ซึ่งแฟนๆ ต่างมาจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ แน่นอนว่านี่ได้สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจ เพราะรวมถึงการใช้จ่ายในโรงแรมและร้านอาหารด้วย โดยคาดว่าค่าใช้จ่ายส่วนนี้จะสูงถึง 500 ล้านเหรียญสิงคโปร์

    ศุภลักษณ์กล่าวว่า ประเทศไทยสามารถเชิญ Taylor Swift ได้ โดยชี้ให้เห็นว่าประเทศนี้เคยจัดคอนเสิร์ตของซูเปอร์สตาร์อย่าง Michael Jackson และ Bruno Mars มาแล้ว

    โดยบริษัทได้ร่วมมือกับบริษัทบันเทิงยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกา Anschutz Entertainment Group (AEG) ในการก่อสร้างและดำเนินการ The EmSphere และ Bangkok Mall โดย AEG เป็นผู้จัดการคอนเสิร์ตของ Swift ในสิงคโปร์

    อย่างไรก็ตาม ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคนี้ก็กำลังเร่งผลักดันสิ่งต่างๆ เพื่อดึงดูดศิลปินหลักๆ เช่นกัน โดยรัฐบาลมาเลเซียได้ลดภาษีความบันเทิงสำหรับรายได้บ็อกซ์ออฟฟิศของศิลปินต่างชาติจาก 25% เหลือ 10% ในขณะที่อินโดนีเซียกำลังพิจารณานโยบายเพื่อสนับสนุนการดึงดูดกิจกรรมขนาดใหญ่

    เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ “ประเทศไทยมีปัญหาเรื่องการขาดแคลนสถานที่จัดคอนเสิร์ตและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน” ศุภลักษณ์กล่าว ซึ่งบริษัทวางแผนที่จะเรียกร้องให้รัฐบาลไทยปรับปรุงให้ดีขึ้น


แปลและเรียบเรียงจาก Mall Group touts Bangkok shopping center as entertainment hub



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ‘ภูเก็ต’ กำลังเป็นเมืองลักชู แบรนด์หรูลุยขยายพื้นที่-เปิดช็อปเพิ่ม ‘เซ็นทรัล ภูเก็ต’ เตรียมขยายโซนหรูเพิ่ม 4 เท่าในปี 2026

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine