‘แอนิเทค’ เผยธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าท้าทายหนักสุดในรอบ 20 ปี แข่งราคาต่างชาติไม่ไหว! ลุยคอลแล็บ Sanrio เกาะกระแสอาร์ตทอย - Forbes Thailand

‘แอนิเทค’ เผยธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าท้าทายหนักสุดในรอบ 20 ปี แข่งราคาต่างชาติไม่ไหว! ลุยคอลแล็บ Sanrio เกาะกระแสอาร์ตทอย

‘แอนิเทค’ บ่นอุบ ธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าเผชิญความท้าทายหนักสุดในรอบ 20 ปี ยอดผลิต OEM หดตัวแรง คนทำแบรนด์ตัวเองตายเยอะ เหตุแข่งราคาต่างชาติไม่ไหว พิษเศรษฐกิจซ้ำเงินในกระเป๋าแฟบ แถมอารมณ์ซื้อไม่มี ประกาศ collab กับ Sanrio ดึง 2 คาแร็กเตอร์ดัง ‘แบด แบดมารู’ และ ‘คูโรมิ’ ปลุก emotional shopping ตลอดครึ่งปีหลังถึงต้นปีหน้า


    แม้อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและไอที ยังเป็นอีกอุตสาหกรรมที่ยังมีการเติบโตมากกว่าจีดีพีของประเทศ ด้วยอัตรา 4-6% และ 6-8% ตามลำดับ แต่ผู้ประกอบกลับต้องเผชิญความยากลำบาก เพราะการทยอยเข้ามาของแบรนด์ต่างชาติ โดยเฉพาะพี่เบิ้มของเอเชีย ตั้งแต่ช่วงโควิดจนถึงปัจจุบัน

    เช่นเดียวกับ ‘แอนิเทค’ แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าของคนไทย ที่ยอดรายได้จากธุรกิจรับจ้างผลิต หรือ OEM ส่งสัญญาณหดตัวลงตั้งแต่ปี 2021 และเห็นความชัดเจนมากยิ่งขึ้นในปี 2022-2023 โดยสัดส่วนรายได้จากธุรกิจ OEM เหลือเพียง 5% จากที่เคยมีสัดส่วนถึง 30% ก่อนโควิด และที่เหลือเป็น own brand

    ซ้ำเติมด้วยพิษเศรษฐกิจ กำลังซื้อของคนไทยหดตัว ไม่มีเงินในกระเป๋าและอารมณ์ในการซื้อแทบไม่มี ในสภาวะการใช้ชีวิตที่เครียด แอนิเทคจึงจะหันมาเน้นสร้างแบรนด์ตัวเองมากขึ้น ด้วยการเกาะกระแสนิยมสะสมอาร์ตทอยที่ขยายตัวลุกลามไปทั่วโลก ไม่เพียงแค่ในกลุ่มคนรักของเล่นเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงกลุ่มคนที่มีไลฟ์สไตล์และรักการตกแต่งบ้านทั้งคนรุ่นใหม่และผู้ใหญ่ หรือ kidult (kid+adult)

    พิชเยนทร์ หงษ์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท สมาร์ท ไอดี กรุ๊ป จำกัด ผู้จำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าแอนิเทค แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าคนไทย กล่าวว่า บริษัทได้ทุ่มเงินลงทุน 10 ล้านบาท จับมือกับซานริโอ (Sanrio) เจ้าของคาแร็กเตอร์ดังจากญี่ปุ่นกว่า 400 ตัวในพอร์ต นำสองคาแร็กเตอร์ดังที่คุ้นเคยกับสำหรับคนไทยคือ “แบด แบดมารู และ คูโรมิ” มาร่วมทำแคมเปญ “anitech Sanrio ART N’JOY COLLABORATION” ตั้งแต่เดือนกันยายนถึงเดือนมกราคมปีหน้า

    โดยโปรโมทสินค้าแอนิเทค 35 รายการ ผ่านคาแร็กเตอร์ดังระดับตำนานทั้งสองตัว เข้าถึงลูกค้าตั้งแต่วัยเด็กไปจนถึงผู้ใหญ่ที่อายุมากถึง 70 ปี


    สินค้าคอลเลกชั่น “anitech Sanrio ART N’JOY COLLABORATION” แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ Computer Accessories, Home Devices และ Home Appliances ประกอบไปด้วย รางปลั๊กไฟ, เมาส์ไวร์เลสไร้สาย และเมาส์, แผ่นรองเมาส์, ชุดคีย์บอร์ด, กระทะไฟฟ้าอเนกประสงค์, หม้อต้มน้ำอเนกประสงค์ และ กาต้มน้ำไฟฟ้า จำหน่ายผ่านช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ ในห้างสรรพสินค้าและซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำทั่วประเทศ รวมถึงทาง official store ของแอนิเทค


    การร่วมมือระหว่าง แอนิเทค กับ Sanrio ในการนำตัวละคร Kuromi และ Bad Badtz-Maru มาสร้างสรรค์เป็นคอลเลกชันใหม่ นอกจากจะตอบโจทย์ความต้องการของตลาดแล้ว ยังเป็นการนำเสนอสินค้าที่โดดเด่นและเข้ากับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการสิ่งที่ไม่ซ้ำใคร

    โดยมุ่งหวังการชูจุดขายทั้ง Function และ Emotion ที่จะเติบโตไปยังตลาดต่างประเทศได้อย่างรวดเร็ว ทั้งในประเทศที่เข้าไปทำตลาดแล้วในปัจจุบันอย่าง ลาว กัมพูชา และเมียนมา และประเทศใหม่ๆ อย่างอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์


    ทั้งนี้ แอนิเทคใช้กลยุทธ์ “collaboration” ครั้งแรกกับบาร์บีคิวพลาซ่า ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าผ่านไลเซ่นส์บาร์บีก้อน ต่อมาแอนิเทคเริ่มใช้กลยุทธ์ character marketing กับ collection snoopy ในปี 2023-2024 ทำให้ครึ่งปีแรกสินค้าของแอนิเทคโตขึ้นถึง 20% ชดเชยรายได้จากการรับจ้างผลิตที่หดตัวลง

    พิชเยนทร์ กล่าวว่า ความสำเร็จเกินความคาดหมายจากกลยุทธ์ดังกล่าว แอนิเทคจึงเริ่มคุยกับซานริโอเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ก่อนประกาศความร่วมมือวันนี้


    “เราเล็งเห็นโอกาสทั้งตลาดในประเทศไทยที่มีศักภาพในการเติบโตอย่างรวดเร็ว กลุ่มผู้ซื้อมีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด และมีพฤติกรรมการซื้อแบบสะสมให้ครบทุกเซต แตกต่างจากผู้ซื้อประเทศอื่นๆ ที่ซื้อเพื่อความสนุกสนาน

    “นอกจากนี้ การใช้คาแร็กเตอร์มาร์เก็ตติ้งยังช่วยให้แอนิเทคเข้าไปแทรกตลาดและสร้างแบรนด์ในตลาดในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ง่ายขึ้น ด้วยต้นทุนที่ต่ำลงและเข้าถึงแฟนคลับในทุกช่วงวัยของแต่ละประเทศด้วย เนื่องจากคาแร็กเตอร์ที่เลือกมาใช้กับสินค้าแอนิเทคเป็นที่รู้จักอย่างดีในต่างประเทศ การหดตัวของธุรกิจรับจ้างผลิตอย่างมีนัยสำคัญ เราต้องหันมาเน้นทำตลาดแบรนด์ของตัวเองมากขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ” พิชเยนทร์ กล่าว


    บริษัทคาดว่า ความร่วมมือครั้งนี้จะดึงดึงความสนใจกลุ่มลูกค้าที่อายุเด็กลงจากปกติที่กลุ่มลูกค้าของแอนิเทคจะมีอายุระหว่าง 25-45 ปี นอกจากนี้ยังมองถึงฐานลูกค้าใหม่ๆ และเพิ่มสัดส่วนของลูกค้าผู้หญิงเป็น 50% จากปัจจุบัน 40%

    และคาดการณ์ว่ารายได้ของแอนิเทคกับคาแร็กเตอร์ของซานริโอทั้งสอง จะสร้างรายได้ 50 ล้านบาทตลอดแคมเปญ สำหรับรายได้รวมของแอนิเทคทั้งหมดคาดว่าจะอยู่ที่ 300 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้วซึ่งทำรายได้ที่ 280 ล้านบาท



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : เพราะไทยคือตลาดหลัก! อีเลคโทรลักซ์ ประกาศเปิดสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ประจำภูมิภาค ที่กรุงเทพฯ

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine