อีเลคโทรลักซ์กรุ๊ป ประกาศเปิดสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคตะวันออกกลางแอฟริกาอย่างเป็นทางการที่กรุงเทพมหานคร เนื่องด้วยประเทศไทยเป็นตลาดหลักของอีเลคโทรลักซ์กรุ๊ปในภูมิภาค
สำนักงานใหญ่แห่งใหม่นี้เรียกได้ว่ามีบทบาทสำคัญในเชิงยุทธศาสตร์ของบริษัท ในฐานะประตูสู่การดำเนินธุรกิจการค้าต่างๆ ของเอเชีย อีกทั้งยังตั้งอยู่ใกล้โรงงานผลิตที่ระยองและตลาดอื่นๆ ในเอเชียที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งของธุรกิจอีเลคโทรลักซ์ ตลอดจนสามารถตอบสนองความต้องการของตลาดและผู้บริโภคในภูมิภาคนี้ได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย
การเปิดสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคที่กรุงเทพฯ ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของบริษัทและความเชื่อมั่นที่มีต่อประเทศไทย ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจของอีเลคโทรลักซ์กรุ๊ปที่ได้ร่วมสร้างการเติบโตให้ประเทศไทยมายาวนานตลอด 47 ปี
โดยจะช่วยให้เกิดการสร้างงานหรือเพิ่มพนักงานที่ทำงานในระดับภูมิภาคมากถึง 130 ตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็นสายงานการตลาด สายงานบริหารผลิตภัณฑ์ หรือสายงานฟังก์ชั่นสนับสนุนการดำเนินงาน
วิเทอร์ มายอา รองประธานฝ่ายการขายภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคตะวันออกกลางแอฟริกา อีเลคโทรลักซ์กรุ๊ป กล่าวว่า “การเปิดสำนักงานใหญ่ของภูมิภาคของเราในกรุงเทพฯ ถือเป็นก้าวสำคัญของกลยุทธ์สร้างการเติบโตทางธุรกิจของอีเลคโทรลักซ์ ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ที่มุ่งมั่นในการมอบประสบการณ์ด้านนวัตกรรมและความยั่งยืนอันยอดเยี่ยมให้แก่ลูกค้าและผู้บริโภค”
อเล็กซิส ริชาร์ด ผู้จัดการทั่วไป อีเลคโทรลักซ์ประเทศไทย กล่าวว่า “การเปิดตัวสำนักงานใหญ่ของภูมิภาคครั้งนี้สร้างความภาคภูมิใจให้กับทีมงานในประเทศไทยเป็นอย่างมาก เพราะเป็นการตอกย้ำถึงความสำคัญของประเทศไทยในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคตะวันออกกลางและแอฟริกา เรารู้สึกตื่นเต้นกับบทบาทสำคัญที่ประเทศไทยได้รับนอกเหนือจากบทบาทของโรงงานผลิตที่ระยอง ในการขับเคลื่อนกลยุทธ์การเติบโตทางธุรกิจ ตลอดจนส่งมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับลูกค้าในประเทศไทย”
ทั้งนี้ ปัจจุบัน โรงงานที่ระยองสามารถผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ 1.5 ล้านหน่วยต่อปี โดยมีสัดส่วนในการส่งออก 70% ไปยัง 56 ประเทศทั่วโลก และภายในปี 2026 มีการวางแผนขยายการผลิต โดยคาดว่าจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้อีก 20%
สำหรับแผนการเติบโตของอีเลคโทรลักซ์ คือ การเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยมีเป้าหมายในการสร้างนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ลูกค้าที่มีอยู่เดิม และดึงดูดลูกค้าใหม่ โดยเฉพาะลูกค้าใน premium market และลูกค้าที่สนใจด้านความยั่งยืน และลูกค้าที่ต้องการใช้สินค้าที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
โดยในปีนี้อีเลคโทรลักซ์ เปิดตัวสินค้าใหม่ถึง 85 ชนิด ครอบคลุมเครื่องใช้ไฟฟ้าตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะตลาดพรีเมียม โดยปัจจุบันมีสินค้าไฮไลต์ คือ เครื่องซักผ้าฝาหน้าขนาด 9-11 กิโลกรัม โดยตั้งเป้าครองมาร์เก็ตแชร์ตลาดเครื่องซักผ้าฝาหน้าอยู่ที่ 25% ภายในปีนี้
ส่วนเครื่องดูดฝุ่นตั้งเป้าครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 15% ภายในปีนี้ สำหรับตู้เย็นเน้นจำหน่ายตู้เย็นหลายประตู หรือ multi door โดยตั้งเป้ามาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ 5% ของตลาดตู้เย็นทั้งหมด โดยตั้งเป้าว่าจะขยายฐานลูกค้าตู้เย็นหลายประตูและเครื่องใช้ไฟฟ้าบิวท์อินในครัว
นอกจากความสำเร็จทางด้านธุรกิจและการขับเคลื่อนด้านความยั่งยืนอย่างจริงจัง อีเลคโทรลักซ์ยังเดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า ตามแนวคิด ”Shape living for the better” ให้กับผู้คนทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยผ่านการดำเนินงานในหลายมิติ อาทิ
-โรงงานที่ระยองเป็นหนึ่งในฐานการผลิตเชิงกลยุทธ์ของอีเลคโทรลักซ์ ผลิตเครื่องซักผ้าเครื่องอบผ้า ตู้เย็น และเตาประกอบอาหาร เพื่อส่งออกไปยัง 56 ประเทศทั่วโลก โดยจัดจำหน่ายภายใต้ 10 แบรนด์ ซึ่งรวมถึงแบรนด์ อีเลคโทรลักซ์ (Electrolux) เวสติ้งเฮ้าส์ (Westinghouse) และฟริจิแดร์ (Frigidaire)
-ในปี 2566 ร้อยละ 25 ของพลังงานที่โรงงานระยองใช้มาจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนจากพลังงานแสงอาทิตย์ นอกจากนี้ โรงงานยังได้การรับรองจากสถาบันระดับสากล “การบริหารจัดการของเสียไปสู่การฝังกลบเป็นศูนย์” (Zero Waste to Landfill) ซึ่งหมายถึงมีการส่งของเสียไม่เกินร้อยละ 1จากโรงงานไปสู่การฝังกลบ
-โรงงานระยองได้เปลี่ยนรถโฟล์คลิฟท์ที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมันดีเซลหรือก๊าซแอลพีจี เป็นรถโฟล์คลิฟท์ระบบแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน จำนวนมากถึง 133 คัน ซึ่งถือว่าช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงถึง 500 ตันต่อปี หรือเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 21,000 ต้น
-อีเลคโทรลักซ์ตอกย้ำจุดยืนในฐานะผู้นำด้านการดูแลเสื้อผ้าอย่างยั่งยืน ด้วยการเปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์ Electrolux UltimateCare รุ่นใหม่ล่าสุด ซึ่งมีโปรแกรมซักผ้าแบบเต็มถังซักด้วยความเร็วภายในเวลา 45 นาทีเท่านั้น โดยใช้น้ำที่มีอุณหภูมิต่ำลงเพียง 30 องศาเซลเซียส โปรแกรมนี้จะช่วยถนอมเสื้อผ้าสำหรับสวมใส่ในชีวิตประจำวันให้ใช้งานได้นานขึ้น โดยไม่ใช้ไฟฟ้าหรือใช้น้ำเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด นอกจากนี้ เครื่องดูดฝุ่นรุ่นด้ามจับน้ำหนักเบายังผลิตจากวัสดุรีไซเคิลมากถึงร้อยละ 70
-โครงการจัดอบรมเยาวชนเพื่อให้เป็นฮีโร่ด้านอาหาร หรือ “Food Heroes” ของมูลนิธิอีเลคโทรลักซ์ฟู้ด ได้ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนในแต่ละประเทศในการเลือกทำและทานอาหารตามแนวทางยั่งยืนมากขึ้น นับเป็นการช่วยรักษ์โลกอีกทางหนึ่ง
“การตั้งสำนักงานใหญ่ของภูมิภาคแห่งใหม่นี้ จะทำให้ประเทศไทยกลายเป็นจุดศูนย์กลางที่สำคัญของอีเลคโทรลักซ์กรุ๊ป เรามุ่งเน้นพัฒนาศักยภาพและความเชี่ยวชาญของพนักงานระดับภูมิภาคที่กรุงเทพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานระดับโลกและสนับสนุนโอกาสเติบโตในการทำงานกับเรา” วิเทอร์ กล่าวเพิ่มเติม
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ไฮเออร์ ทุ่ม 1 หมื่นล้าน ตั้งโรงงานผลิตเครื่องปรับอากาศปีละ 6 ล้านเครื่อง จ.ชลบุรี
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine