แอมเวย์ ปรับกลยุทธ์รุกสู้ "ดิจิทัล ดิสรัปชั่น"
แอมเวย์ เผยครึ่งปีแรกยอดขายโต 10% จากสินค้าสุขภาพและอานิสงส์ภาวะฝุ่น PM 2.5 กลยุทธ์ครึ่งปีหลังเตรียมเปิดตัวโปรแกรม Core Plus+ เทงบ 1 พันล้านบาท พร้อมปรับใหญ่ดิจิทัลรอบ 60 ปี สู่แพลตฟอร์มที่สามารถต่อยอดการทำงานของนักธุรกิจแอมเวย์ มั่นใจยอดขายประเทศไทยทะลุ 3 หมื่นล้านบาท ภายในปี 2568
กิจธวัช ฤทธีราวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด เผยปีนี้แอมเวย์ ประเทศไทย ได้ทุ่มงบลงทุนครั้งใหญ่ที่สุดของประวัติศาสตร์แอมเวย์ทั่วโลก ด้วยการเปิดตัวโปรแกรม "Core Plus+" เพื่อปรับโครงสร้างรายได้เพิ่มเงินรางวัลพิเศษ นอกเหนือจากแผนรายได้หลัก “CORE PLAN” ให้กับนักธุรกิจแอมเวย์
โดยโปรแกรม Core Plus+ นี้จะมี 3 จุดเด่น ได้แก่ ได้ง่าย ได้เพิ่ม ยั่งยืน ให้กับนักธุรกิจเดิมและกับนักธุรกิจแอมเวย์หน้าใหม่ อาทิ การเพิ่มสิทธิประโยชน์อีก 10% กับผู้สมัครใหม่ เริ่ม 1 กันยายนนี้
“ปี 2562 เราเตรียมงบประมาณสำหรับโปรแกรม Core Plus+ ไว้ที่ 1 พันล้านบาท เพื่อสนับสนุนนักธุรกิจของแอมเวย์ในระยะยาวพร้อมลงงบประมาณเพิ่มตามรายได้รวมที่เติบโต ซึ่งโปรแกรมการลงทุนนี้ แอมเวย์ประเทศไทยจะเป็นประเทศแรกในโลกที่เริ่มการใช้งานและรวมไปถึงอีก 3 ประเทศที่มีมูลค่าการตลาดใกล้เคียงไทยอันได้แก่ อินเดีย ฮ่องกง และไต้หวัน ภายในเดือนกันยายน” กิจธวัช กล่าว
กิจธวัช เผยภาพรวมอุตสาหกรรมธุรกิจขายตรงอยู่ที่ราว 7 หมื่นล้านบาท โดยครึ่งปีแรก แอมเวย์ ทำรายได้รวมโตราว 10% จากกลุ่มลูกค้าที่นิยมในผลิตภัณฑ์ของแอมเวย์ โดยมีผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสุขภาพและผลิตภัณฑ์เครื่องฟอกอากาศที่ทำยอดขายได้ดี
อย่างไรก็ตาม จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปสู่การซื้อสินค้าออนไลน์และเริ่มมีผลกระทบกับธุรกิจขายตรง โดยเฉพาะบริษัทที่ไม่มีฐานลูกค้าเหนียวแน่นและไม่มีผลิตภัณฑ์ที่ดึงดูดลูกค้าให้อยู่ด้วยนานๆ แอมเวย์จึงปรับธุรกิจอี-คอมเมิร์ซใหม่และครั้งใหญ่ในรอบ 60 ปี โดยตั้งแผนกดิจิทัลขึ้นใหม่เพื่อสร้างแพลตฟอร์มดิจิทัลที่สามารถต่อยอดไปยังนักธุรกิจแอมเวย์และผู้บริโภค
โดยบริษัทอัดงบประมาณด้านดิจิทัลราว 100 ล้านบาท ทั้งการปรับโฉมเว็บไซต์ใหม่และระบบหลังบ้าน เพื่อให้ต่อยอดการขายและเชื่อมการขายระหว่างหน้าร้านธุรกิจของแอมเวย์กับแพลตฟอร์มดิจิทัลให้ลื่นไหล
ทั้งนี้ กิจธวัช เผยด้วยว่า ปัจจุบันนักธุรกิจแอมเวย์ ประเทศไทย อยู่ที่ราว 330,000 ราย ทรงตัวอยู่ที่ตัวเลขนี้ราว 5-6 ปี ที่ผ่านมา โดยในกลุ่มนี้มีนักธุรกิจที่เกิดในยุคมิลเนลเลี่ยมราว 1 ใน 3