คาราบาวดึงเครื่องดื่มชูกำลังแบบกระป๋องลงตลาดไทย เจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ “วัยรุ่น-คนเมือง” หวังฉีกแนวขยายตลาดหลังเครื่องดื่มชูกำลังแบบขวดซบเซา 2 ปีต่อเนื่องจากปัญหากำลังซื้อรากหญ้าฝืดเคือง อัดฉีดแคมเปญโปรโมชัน “บอลโลก” - ปรับกลยุทธ์ “สาวบาวแดง” หวังกระตุ้นยอดขายครึ่งปีหลัง
เสถียร เศรษฐสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า คาราบาวได้วางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่ในตลาดประเทศไทยภายใต้ชื่อ
“ Carabao Can กลิ่น Green Apple” ซึ่งเป็นเครื่องดื่มชูกำลังแบบกระป๋อง วางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายน 2561 ผ่านช่องทางเอ็กซ์คลูซีฟกับร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ในราคา 25 บาท
โดยผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มชูกำลังแบบกระป๋องนี้ จะเน้น
เจาะกลุ่มลูกค้าวัยรุ่น มีไลฟ์สไตล์แบบคนเมือง และกลุ่มรายได้ระดับกลาง ซึ่งมองว่าในไทยยังไม่มีใครสื่อสารการตลาดเครื่องดื่มชูกำลังกับกลุ่มนี้อย่างชัดเจน อีกทั้งตลาดเครื่องดื่มชูกำลังแบบกระป๋องก็ยังเล็กมาก มียอดจำหน่ายเพียง 3 ล้านกระป๋องต่อเดือน และมีผู้เล่นใหญ่เพียง 2 รายคือ Shark Cool Bite จากโอสถสภา และ Red Bull Extra ของกระทิงแดง
“ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังแบบกระป๋องและขายในราคา 25 บาทเป็นตลาดที่ไม่ใหญ่ แต่เราเชื่อว่าเราจะเข้าไปเป็นรายที่ 3 ในตลาดได้ และช่วยผลักดันให้ตลาดใหญ่ขึ้น โดยจะต้องสร้างดีมานด์สินค้าขึ้นมาก่อน” เสถียรกล่าว
กลยุทธ์การตลาดของผลิตภัณฑ์ใหม่ นอกจากจะผูกไปกับแคมเปญชิงโชค
“สวัสดีบอลโลก ลุ้นโชคกับคาราบาว” ซึ่งให้ลูกค้าร่วมลุ้นจากการส่งรหัสใต้ฝาได้ทั้งคาราบาวแบบขวดและแบบกระป๋อง ชิงรางวัลรวมมูลค่ากว่า 3 ล้านบาทแล้ว
Carabao Can ยังเลือกใช้พรีเซนเตอร์ที่ตรงกับภาพลักษณ์คนรุ่นใหม่คือ
TwoPee Southside (แรปเปอร์ชื่อดังของไทย) ออกโฆษณา Music Marketing จาก TwoPee พร้อมโหมยิงโฆษณาช่วงถ่ายทอดสดบอลโลก 2018 จากการเข้าเป็น 1 ใน 9 สปอนเซอร์การถ่ายทอดสดที่คาราบาวกรุ๊ปลงทุนไป 50 ล้านบาท
ภาพลักษณ์ใหม่สร้างตลาดใหม่
เสถียรกล่าวต่อว่า บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขาย Carabao Can 1 ล้านกระป๋องภายในช่วง 3 เดือนแรกที่เซ็นสัญญาเอ็กซ์คลูซีฟกับเซเว่นอีเลฟเว่น หลังจากนั้นจะกระจายช่องทางจำหน่ายอื่นๆ ต่อไป
โดยผลิตภัณฑ์นี้จะไม่ใช่สินค้าตามฤดูกาล แต่เป็นสินค้าระยะยาวที่ต้องใช้เวลาในการสร้างดีมานด์ตลาดกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ผ่านภาพลักษณ์ใหม่ของคาราบาว นับเป็นกลยุทธ์ปรับตัวอย่างหนึ่งหลังจากตลาดเครื่องดื่มชูกำลังมีแนวโน้มซบเซาลง 2 ปีต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลต่อเครื่องดื่มชูกำลังของคาราบาวในไทยมียอดขายลดลงตามภาวะตลาด
“ตลาดรวมของเครื่องดื่มชูกำลังมูลค่า 3 หมื่นกว่าล้านบาทติดลบมา 2 ปีแล้ว แม้จะลบไม่มากเพียง 2-3% แต่สำหรับคนที่เป็นยี่ปั๊วซาปั๊วในธุรกิจซึ่งต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นตลอด การติดลบจึงกระทบแน่นอน คาดว่าสาเหตุที่ติดลบเป็นเพราะเครื่องดื่มชูกำลังแบบขวดเกาะอยู่กับกลุ่มลูกค้ารากหญ้า เมื่อราคาพืชผลไม่ดี การใช้จ่ายก็ต่ำลงตาม” เสถียรอธิบาย
ส่งสาวบาวแดงเอ็กซเรย์พื้นที่จำหน่าย
ซีอีโอคาราบาวกรุ๊ปเปิดเผยว่า แม้แต่ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2561 ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังไทยก็ยังไม่มีทีท่าฟื้นตัว ดังนั้น เพื่อให้คาราบาวในไทยมียอดขายเติบโต บริษัทจึงส่งสัญญาณให้ทีมสาวบาวแดง 570 คนทั่วไทยลงพื้นที่เจาะลึกเพื่อหาทางแก้โจทย์ที่เกิดขึ้น
“ตลาดที่เงียบหรือขาลงแบบนี้ทำงานยาก แต่เรามีทีมอยู่ในพื้นที่ที่จะช่วยปรับกลยุทธ์ได้ ตอนนี้เรากำลังทำงานละเอียดแบบรายอำเภอ ให้ทีมลงไปเอ็กซเรย์จุดขาย” เสถียรกล่าว
อย่างไรก็ตาม สำหรับภาพรวมคาราบาวกรุ๊ป ปีนี้สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศได้พลิกมามากกว่ารายได้จากในประเทศแล้ว โดยสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มเป็น 60% และการส่งออกแต่ละประเทศก็เติบโตได้ดีเฉลี่ย 30% โดยเฉพาะประเทศกลุ่ม CLMV เช่น กัมพูชา เวียดนาม มียอดขายที่ดีมาก ทำให้เป้าหมายรายได้รวมปี 2561 ที่ 1.5 หมื่นล้านบาทยังคงเป็นไปได้
(ซ้าย) กฤษณ์พงษ์ นิลวงษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด (กลาง) เสถียร เศรษฐสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด
Forbes Facts
Carabao Can กลิ่น Green Apple มีการวางจำหน่ายในสหราชอาณาจักรก่อนจะนำเข้ามาจำหน่ายในไทย ไลน์เครื่องดื่มชูกำลังแบบกระป๋องของคาราบาวที่วางจำหน่ายในทวีปยุโรปยังมีรสชาติอื่นๆ อีก เช่น Original, Mandarin Orange, Sugar Free แต่เลือกรส Green Apple กลับมาขายในไทยเพราะเป็นรสชาติที่ขายดีที่สุด