สรุป 6 แบงก์พาณิชย์ไทยช่วง 9 เดือนแรก ปี 2567 ใครมีกำไรสุทธิมากที่สุด - Forbes Thailand

สรุป 6 แบงก์พาณิชย์ไทยช่วง 9 เดือนแรก ปี 2567 ใครมีกำไรสุทธิมากที่สุด

เข้าใกล้ช่วงสิ้นปี หลายบริษัทเริ่มเร่งเครื่องเพิ่มยอดขายและรายได้กันต่อเนื่อง แต่สำหรับธุรกิจธนาคารในไทยที่ต้องเจอความท้าทายหลายด้าน ไม่ว่าจะภาวะหนี้ครัวเรือนสูง รายได้ประชากรยังฟื้นตัวไม่ทั่วถึง รวมถึงความเสี่ยงรอบด้าน ทำให้แต่ละแบงก์ยังต้องแบกรับการตั้งสำรองฯ เพื่อรับมือหนี้เสียที่อาจเพิ่มขึ้น บางธนาคารจึงอาจกระทบกับกำไรสุทธิไปด้วย


    Forbes Thailand อยากชวนมาเจาะลึกกันว่าช่วง 9 เดือนแรก ปี 2567 ธนาคารพาณิชย์ของไทยทั้ง 6 แห่งมีกำไรสุทธิเปลี่ยนแปลงจากช่วงที่ผ่านมาแค่ไหน

    เริ่มกันที่อันดับ 1 คือ ธนาคารกสิกรไทย หรือ KBank ที่พบว่า งวด 9 เดือนแรก ปี 2567 มีกำไรสุทธิมากที่สุดอยู่ที่ 38,104 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.41% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดยมาจากการเติบโตของฝั่งรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (+3.14%) และรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยสุทธิ (+12.64%)

    ส่วนในธุรกิจหลักอย่างการให้สินเชื่อพบว่า สินเชื่อที่ให้กับลูกค้ามียอดรวม 2.43 ล้านบาท ลดลง 2.28% จากการจัดกระบวนการปล่อยสินเชื่อใหม่ให้มีคุณภาพ และเพื่อบริหารความเสี่ยงให้เหมาะสม ซึ่งข่วงที่ผ่านมายังหยุดดำเนินการในสินเชื่อธุรกิจที่ไม่มีหลักประกันบางส่วน และมีแผนการขายในอนาคต

    ณ ไตรมาส 3/2567 กสิกรไทยมีหนี้เสียรวมที่ 92,937 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.53% จากสิ้นเดือน มิ.ย. 67 โดยในไตรมาสนี้ ทางธนาคารมีการตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) 11,652 ล้านบาท เพื่อรองรับความไม่แน่นอนต่างๆ

    อันดับที่ 2 ธนาคารกรุงเทพ หรือ BBL มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 34,807 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.2%YoY จากงวดเดียวกันปีก่อน โดยรายได้ยังเติบโตจากทั้ง 2 ฝั่งคือรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (+4.4%) และรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยสุทธิ (+5.1%) ในส่วนของเงินให้สินเชื่อพบว่าปรับตัวลดลงเล็กน้อยที่ 1.2% เช่นกัน

    ในส่วนหนี้เสียพบว่า ณ สิ้นเดือน ก.ย. 67 อยู่ที่ 103,996 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.9% จากไตรมาสก่อนหน้า ทั้งนี้ งวด 9 เดือนธนาคารกรุงเทพมีการตั้งสำรอง 27,204 ล้านบาท โดยให้เหตุผลว่าเป็นการตั้งสำรองอย่างระมัดระวังและรอบคอบอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่ยังมีความท้าทายจากปัจจัยความเสี่ยงต่างๆ ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย เช่นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนความตึงเครียดทางภูมิศาสตร์การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในช่วงปลายปีนี้

    อันดับที่ 3 ธนาคารกรุงไทย หรือ KTB เปิดเผยว่า ในงวด 9 เดือนปี 2567 นี้มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 33,381 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.4%YoY มาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (+7.8%) รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ (+6.7%) ขณะเดียวกันยังพบว่ารายได้จากการดำเนินงานอื่นๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 29.5%

    ด้านหนี้เสีย พบว่า ณ 30 ก.ย. 67 อยู่ที่ 98,301 ล้านบาท ลดลง 0.40% จากสิ้นเดือน มิ.ย. 67 แต่ทางธนาคารยังมีการตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น อยู่ที่ 24,344 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.4%YoY

    อันดับที่ 4 ธนาคารไทยพาณิชย์ ที่ตอนนี้อยู่ภายใต้ร่มใหญ่อย่าง SCBX ซึ่งเปิดเผยกำไรสุทธิงวด 9 เดือนปี 2567 อยู่ที่ 32,236 ล้านบาท ลดลง 0.9%YoY เป็นผลจากการขาดทุนกรณีการขายบริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด หรือ PPV (กรณี Robinhood) และค่าใช้จ่ายครั้งเดียวจากการยุติให้บริการแอปฯ Robinhood รวมถึงกำไรการลงทุน ไปจนถึงรายได้ค่าธรรมเนียมที่ลดลง

    ด้านหนี้เสียในงวด 9 เดือนแรกปี 2567 อยู่ที่ 94,586 ล้านบาท ลดลง 0.50% จากสิ้นเดือน มิ.ย. 67 ขณะเดียวกันยังพบว่าผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ของ SCBX อยู่ที่ 32,795 ล้านบาท ลดลง 4.3%YoY

    อันดับที่ 5 ธนาคารกรุงศรีอยุธยา หรือ BAY พบว่ามีกำไรสุทธิ จำนวน 23,424 ล้านบาท ลดลง 7.0%YoY โดยระบุว่าปัจจัยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ตามการตั้งสำรองที่รอบคอบระมัดระวัง ทั้งนี้ เฉพาะในไตรมาส 3/67 มีการตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นอยู่ที่ 11,171 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.4%YoY แต่ในงวด 9 เดือนพบว่ามีการตั้งสำรองฯ 35,258 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55.6%YoY

    ทั้งนี้ สาเหตุหลักที่กรุงศรี เลือกจะตั้งสำรองฯ นั้นเพื่อบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบและระมัดระวัง เพื่อรองรับความผันผวนที่อาจกระทบคุณภาพสินเชื่อในอนาคต ทั้งในและต่างประเทศ

    สุดท้ายอันดับที่ 6 ธนาคารทหารไทยธนชาต หรือ ttb ในงวด 9 เดือนปี 2567 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 15,919 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.1%YoY มาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (+0.9%) และค่าใช้จ่ายการดำเนินงานอื่นๆ ที่ลดลง 3.8% อย่างไรก็ตาม รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยยังลดลง 7.2% และมีการตั้งสำรอง 15,162 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.8%



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ‘ทีทีบี-ไทยพาณิชย์’ ประกาศลดดอกเบี้ยเงินกู้ 0.125 - 0.25% ต่อปี มีผลพร้อมกัน 1 พ.ย. 67 นี้

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine