บมจ. เอสซีบี เอกซ์ ประกาศกำไรสุทธิในไตรมาส 3 ของปี 2567 อยุ่ที่ 10,941 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ส่วนช่วง 9 เดือนแรก ปี 2567 มีกำไรสุทธิจำนวน 32,236 ล้านบาท ลดลง 0.9%YoY เพราะการขาดทุนที่ขายบริษัท PPV และค่าใช้จ่ายครั้งเดียวจากการยุติให้บริการแอปฯ Robinhood รวมถึงกำไรการลงทุน ไปจนถึงรายได้ค่าธรรมเนียมที่ลดลง
นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCBX กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยโดยรวมยังคงฟื้นตัวอย่างช้าๆ แต่มีแรงกดดันจากอุทกภัยในหลายพื้นที่ ดังนั้นบริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวัง มุ่งเน้นการเติบโตที่มีคุณภาพและเสริมความแข็งแกร่งของสถานะทางการเงิน
ทั้งนี้ ไตรมาส 3 ปี 2567 ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ขายกิจการแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี Robinhood (บริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด หรือ PPV) ให้กับกลุ่มผู้ลงทุนซึ่งนำโดยบริษัท ยิบอินซอย จำกัด และร่วมมือกับ 2 ธนาคารดิจิทัล ได้แก่ KakaoBank และ WeBank ยื่นขออนุญาตประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (Virtual Bank) ซึ่งว่าธุรกิจนี้จะช่วยขยายโอกาสในการเข้าถึงบริการทางการเงินให้คนไทย
ขณะที่ ไตรมาส 3 ของปี 2567 SCBX มีกำไรสุทธิ 10,941 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.2%YoY โดยมี รายได้ดอกเบี้ยสุทธิมีจำนวน 32,635 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.5%YoY ส่วนยอดสินเชื่อโดยรวมลดลงที่ 0.9%YoY จากความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่ออย่างระมัดระวัง รายได้ค่าธรรมเนียมและอื่น ๆ มีจำนวน 9,985 ล้านบาท ลดลง 7.5%
บริษัทฯ ตั้งเงินสำรองลดลง 10.4% จากปีก่อน เนื่องจากไตรมาสนี้ไม่มีการตั้งสำรองพิเศษเพื่อรองรับความเสี่ยงจากสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ดังเช่นในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สำหรับ 9 เดือนแรกของปี 2567 มีกำไรสุทธิจำนวน 32,236 ล้านบาท ลดลง 0.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรก ปี 2567 ได้แก่
- กำไรสุทธิ ที่ 32,236 ล้านบาท ลดลง 0.9%YoY ผลจากการขาดทุนกรณีการขายบริษัท PPV และค่าใช้จ่ายครั้งเดียวจากการยุติให้บริการแอปฯ Robinhood รวมถึงกำไรการลงทุน ไปจนถึงรายได้ค่าธรรมเนียมที่ลดลง
- รายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่มีจำนวน 96,972 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.2%YoY
- อัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (NIM) อยู่ที่ระดับ 3.89%
- รายได้ค่าธรรมเนียมและอื่นๆ อยู่ที่ 30,490 ล้านบาท ลดลง 7.8%YoY เพราะรายได้ค่าธรรมเนียมจากการขายประกัน และอื่นๆ ลดลง
- รายได้จากการลงทุนและการค้า อยู่ที่ 1,082 ล้านบาท ลดลง 74.4%YoY สาเหตุหลักเพราะการขาดทุนจากการวัดมูลค่าตลาดของพอร์ตการลงทุนของ SCB 10X และการขาดทุนจากการขาย PPV จำนวน 731 ล้านบาท
- ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงาน มีจำนวน 54,275 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.8% ส่วนใหญ่เป็นผลจากค่าใช้จ่ายครั้งเดียวในการยุติการให้บริการแอปพลิเคชัน Robinhood และค่าใช้จ่ายพนักงานที่เพิ่มขึ้น
- อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ไม่รวมผลกระทบจากจาก Robinhood จะอยู่ที่ 41.4%
- สินเชื่อด้อยคุณภาพ อยู่ที่ 94,586 ล้านบาท ลดลง 0.50% จากสิ้นเดือน มิ.ย. 67
- อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ อยู่ที่ระดับ 3.38% ลดลงจากสิ้นปี 66 ที่อยู่ 3.44%
- ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ณ 9 เดือนแรกปี 67 อยู่ที่ 32,795 ล้านบาท ลดลง 4.3%YoY
- อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) อยู่ที่ 163.9%
- เงินกองทุนตามกฎหมายของบริษัทฯ อยู่ที่ 19.0%
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ธ. กสิกรไทย เปิดงบ 9 เดือนแรกปี 2567 กำไรสุทธิพุ่ง 38,104 ล้าน ขยายตัว 15.41%YoY
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine