กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ปักธงเป็น Payment facilitator ลูกค้าอยากจ่ายแบบไหนต้องมีโซลูชันครบ เริ่มทดลองใช้ Biometric สแกนหน้าจ่ายเงินได้ที่ Tops ส่วนผลงาน 6 เดือนแรกปีนี้ ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรแตะ 1.8 แสนล้านบาท โต 9% แม้เศรษฐกิจโตฟื้นช้ากว่าคาด แต่เตรียมโปรโมชั่นอัดไตรมาส 4 และยังเน้นให้สินเชื่ออย่างมีคุณภาพ เร่งลูกค้าปรับโครงสร้างหนี้ต่อเนื่อง
นายอธิศ รุจิรวัฒน์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกรุงศรี คอนซูมเมอร์ กล่าวว่า ปัจจุบันพฤติกรรมของลูกค้าเปลี่ยนแปลงไปทำให้กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ตั้งเป้าหมายเป็น Payment facilitator ที่จะต้องมีผลิภัณฑ์และช่องทางที่ตอบโจทย์ลูกค้าในทุกการใช้จ่าย ไม่ว่าจะการรูด แตะจ่าย สแกนจ่าย ฯลฯ และไม่ใช่แค่บริการบัตรเครดิต หรือสินเชื่อส่วนบุคคล
หนึ่งในสิ่งที่เร่งทำคือ การพัฒนานวัตกรรมทางการชำระเงิน (Payment Solutions) เพื่อเพิ่มทางเลือกในการชำระเงินให้กับลูกค้า เช่น สแกนจ่ายบัตรเครดิตในเครือกรุงศรีฯ ผ่านแอปฯ บนมือถือ การผูกบัญชีบัตรฯ กับ Digital Wallet หรือการใช้ Biometrics ที่ล่าสุดเริ่มทดลองสแกนใบหน้าในการใช้จ่ายที่ซุปเปอร์มาร์เกต Tops แล้ว
“การใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ด้วยการสแกน QRcode หรือ Tap&Go หลายเทคโนโลยีเกิดขึ้นมานานแล้วเป็นสิบปีแต่ยังไม่แพร่หลาย เพิ่งจะมาเห็นยอดการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในช่วง 1-2 ปีนี้ ดังนั้นแม้เราไม่แน่ใจว่า อะไรจะ takeoff บ้างแต่เราต้องพัฒนาโซลูชันต่างๆ ไว้เพื่อรองรับตลาดล่วงหน้า หากติดตลาดเมื่อไรก็พร้อมให้ลูกค้าใช้งานได้” อธิศ กล่าว
นอกจากนี้ จะเดินหน้าขยายงานร่วมกับพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง เพื่อต่อยอดธุรกิจสินเชื่อไม่มีหลักประกัน ปัจจุบันมีพันธมิตรกว่า 25,000 ราย ที่ผ่านมาออกบริการใหม่ เช่น Homepay เป็นบริการ Buy now Pay later ร่วมกับ HomePro ที่เป็นพันธมิตรหลัก หรือสินเชื่อสำหรับไทวัสดุในเครือเซ็นทรัล เป็นต้น
นอกจาก 2 กลยุทธ์นี้ ยังมีอีก 3 กลยุทธ์หลักที่จะใช้ตั้งแต่ครึ่งปีหลังและถึงครึ่งปีแรก 2568 คือ จะมุ่งพัฒนาและปรับปรุงผลิตภัณฑ์หลักให้ตอบโจทย์ลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น และต่อยอดความร่วมมือในเครือกรุงศรี รวมถึงการพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงาน
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีแรก 2567 ผลประกอบการของกรุงศรี คอนซูมเมอร์ มียอดใช้จ่ายผ่านบัตร 189,000 ล้านบาท เติบโต 9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ยอดสินเชื่อใหม่ 47,000 ล้านบาท เติบโต 6%YoY ยอดสินเชื่อคงค้าง 140,000 ล้านบาท เติบโต 2%YoY และจำนวนบัญชีลูกค้าใหม่ 287,000 บัญชี เติบโต 7%YoY
ขณะที่หมวดใช้จ่ายผ่านบัตรสูงสุดเรียงตามยอดใช้จ่าย ได้แก่ ประกันภัย, ปั๊มน้ำมัน, ตกแต่งบ้านและเครื่องใช้ในครัวเรือน, ไฮเปอร์มาร์ทและซุปเปอร์มาร์เก็ต และช้อปออนไลน์และกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ แต่หมวดใช้จ่ายที่มีอัตราเติบโตสูงสุดคือ ตัวแทนท่องเที่ยว รวมถึง โซเชียลมีเดียและแอปพลิเคชัน
ในช่วงของหนี้เสีย หรือ NPL บัตรเครดิตอยู่ที่ระดับ 1.4% และ สินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อผ่อนชำระ 2.6% ถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในธุรกิจ เป็นผลจากการบริหารความเสี่ยงที่รัดกุม โดยช่วงที่ผ่านมายอดการอนุมัติสินเชื่อลดลงเล็กน้อย (บัตรเครดิตอยู่ที่ 40% สินเชื่ออื่นๆ 30% ต้นๆ) ในภาพรวมหนี้เสียปี 67 นี้อาจมีโอกาสเพิ่มขึ้นแต่ไม่สูงนัก สาเหตุเพราะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า ขณะเดียวกันทางบริษัทเร่งสื่อสารกับลูกค้าให้ปรับโครงสร้างหนี้หากมีปัญหาในการชำระคืน โดยช่วงที่ผ่านมาลูกค้าเริ่มเข้ามาปรับโครงสร้างหนี้มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ยังคงเป้าหมายปี 2567 อยู่ที่ ยอดบัญชีลูกค้าใหม่ 617,000 บัญชี เพิ่มขึ้น 10% ยอดใช้จ่ายผ่านบัตร 393,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% ยอดสินเชื่อใหม่ที่ 100,000 ล้านบาท เติบโต 9% และยอดสินเชื่อคงค้าง 151,000 ล้านบาท เติบโต 2% โดยมีปัจจัยที่อาจส่งผลต่อผลการดำเนินงาน ได้แก่
1) การแข่งขันที่มักจะรุนแรงขึ้นในไตรมาส 4/67 จึงจะมีการออกโปรโมชันอย่างต่อเนื่องเพื่อรับมือการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นนี้
2) เศรษฐกิจฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด
3) การเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
4) กฎเกณฑ์ของหน่วยงานผู้กำกับ
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ต่างชาติลงทุนไทย 7 เดือนแรกปีนี้แตะ 90,987 ล้านบาท เพิ่ม 54% ‘อันดับ 1 ญี่ปุ่น’ ส่วนจีน-ฮ่องกงเข้าลงทุน 19,251 ล้านบาท
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine