หลายคนคงคุ้นกับชื่อ Kerry Express ธุรกิจด้านโลจิสติกส์ที่กลายเป็นดาวรุ่ง รายได้เฟื่องฟูในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่เมื่อเวลาผ่านไปกลับเห็นตัวเลขขาดทุนต่อเนื่อง จนกระทั่งต้องมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่โดยมีเครือ SF Express ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ยักษ์ใหญ่ในจีนเข้ามา และเปลี่ยนชื่อรวมถึงโลโก้เป็น KEX (KEX Express) เพื่อปรับภาพลักษณ์ขององค์กร
Kerry Express เริ่มก่อตั้งบริษัทด้านโลจิสติกส์ผ่านการจัดส่งพัสดุด่วนในไทยตั้งแต่ปี 2549 โดยทยอยขยายจนมีจุดให้บริการกว่า 15,000 แห่ง รวมถึงมีศูนย์กระจายพัสดุกว่า 1,000 แห่ง โดยเข้า IPO ในตลาดหุ้นไทยช่วงเดือนธันวาคมปี 2563 ในราคา 28 บาทต่อหุ้น ตอนนั้นเมื่อเข้าตลาดฯ วันแรกราคายังพุ่งเกิน 100% ทะลุ 60 บาทต่อหุ้นจนเห็นข่าวมากมายพูดถึงว่า Market cap. (มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด) ของบริษัทฯ ทะลุแสนล้านบาทไปแล้ว ทว่าไม่นานหลังจากนั้น KEX ก็ปรับตัวลดลงทั้งราคาหุ้น Market cap. และเข้าสู่ภาวะขาดทุนสุทธิ
ข้อมูลจากบริษัท เคอีเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX พบว่าปี 2564 ราคาหุ้น ณ สิ้นปีอยู่ที่ 30.25 บาทต่อหุ้น (Market cap.: 52,635 ล้านบาท) และปี 2565 เหลือ 18.40 บาทต่อหุ้น (Market cap.: 32,063 ล้านบาท) จากนั้นร่วงลงรุนแรงและต่อเนื่องโดยปี 2566 อยู่ 4.94 บาทต่อหุ้น (Market cap.: 8,608 ล้านบาท)
กระทั่งในปี 2567 ราคาหุ้นลงมาที่ระดับ 1.69 บาทต่อหุ้น (Market cap.: 5,923 ล้านบาท) เป็นปีที่สามารถปิดดีลโดยมีบริษัท เอสเอฟ อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ SFTH ภายใต้เครือ SF Express เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ (เดือนมีนาคม 2567) จนกระทั่งเดือนมีนาคมปี 2568 ได้รีแบรนด์เปลี่ยนชื่อและโลโก้เป็น KEX อย่างที่เห็นในทุกวันนี้
ในด้านงบการเงิน KEX ถ้าย้อนดูปี 2563 ในงบการเงินจะพบว่า มีกำไรสุทธิ 1,405.03 ล้านบาท จนกระทั่งปี 2564 ร่วงลงมาเหลือ 46.92 ล้านบาท หลังจากนั้นก็เข้าสู่ภาวะขาดทุนอย่างต่อเนื่อง ได้แก่
- ปี 2565 ขาดทุนสุทธิที่ 2,829.84 ล้านบาท
- ปี 2566 ขาดทุนสุทธิที่ 3,880.64 ล้านบาท
- ปี 2567 ขาดทุนสุทธิที่ 5,911.32 ล้านบาท
ล่าสุด KEX แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเกี่ยวกับการเพิกถอนหลักทรัพย์ของบริษัทฯ จากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และการกำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2568 (ราคา Tender Offer 1.50 บาทต่อหุ้น) ผ่านรายงานมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 4/2568 ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2568 มีมติอนุมัติเรื่องสำคัญดังนี้
1. มีมติให้เสนอต่อที่ประชุมฯ ครั้งที่ 1/68 เพื่อพิจารณาและอนุมัติการเพิกถอนหลักทรัพย์ของบริษัทฯ จากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) หลังจากฝั่งผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง บริษัท เอสเอฟ อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ SFTH ที่ถือหุ้น 81.43% เสนอให้เพิกถอนหุ้นออกจากตลาดหลักทรัพย์โดยสมัครใจ
ทั้งนี้ SFTH แจ้งความประสงค์ที่จะเป็นผู้ทำคำเสนอซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทฯ ที่ไม่ได้ถือโดย SFTH ซึ่งรวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 651,017,806 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 18.57% ของหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ เพื่อเพิกถอนหลักทรัพย์ของบริษัทฯ จากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในราคาเสนอซื้อหุ้นที่ราคา 1.50 บาทต่อหุ้น (คำเสนอซื้อเพื่อเพิกถอนหลักทรัพย์ฯ หรือ Tender Offer)
อย่างไรก็ดี ภายหลังการเพิกถอนหลักทรัพย์ของบริษัทฯ จากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัทฯ จะยังมีสถานะเป็นบริษัทมหาชนจำกัด และจะยังคงปฏิบัติตามกฎหมายและกฎเกณฑ์ที่ใช้บังคับต่อไป
ในการนี้ SFTH จะดำเนินการทำคำเสนอซื้อเพื่อเพิกถอนหลักทรัพย์ฯ ภายหลังจากที่เงื่อนไขบังคับก่อน 3 ข้อนี้สำเร็จครบถ้วนทุกประการ
1) ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทและที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ มีมติอนุมัติการเพิกถอนหลักทรัพย์ของบริษัทฯ จากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยสมัครใจ ด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ โดยที่ต้องไม่มีผู้ถือหุ้นคัดค้านการเพิกถอนหุ้นเกินกว่า 10% ของจำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ตามหลักเกณฑ์การเพิกถอนหลักทรัพย์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ
2) การเพิกถอนหลักทรัพย์ของบริษัทฯ จากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และการทำคำเสนอซื้อเพื่อเพิกถอนหลักทรัพย์ฯจะต้องได้รับการอนุมัติ และ/หรือ การผ่อนผันจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึงตลาดหลักทรัพย์ฯ และคู่สัญญาใดๆ และ/หรือ บุคคลภายนอก ภายใต้สัญญาและเอกสารที่เกี่ยวข้อง (หากจำเป็น)
3) SFTH ในฐานะผู้ทำคำเสนอซื้อหุ้นจะต้องได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากผู้ถือหุ้นของ SFTH (กลุ่ม SF) เป็นจำนวนที่เพียงพอและสามารถใช้สำหรับการทำคำเสนอซื้อเพื่อเพิกถอนหลักทรัพย์ฯ
2. มีมติอนุมัติโดยความเห็นชอบของกรรมการอิสระให้แต่งตั้งบริษัท แคปปิตอล แอ๊ดแวนเทจ จำกัด เพื่อทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระและให้ความเห็นและคำเสนอแนะต่อผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ (ก) เพื่อประกอบการพิจารณาการเพิกถอนหลักทรัพย์ของบริษัทฯ จากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และ (ข) เพื่อประกอบการทำความเห็นของบริษัทฯ ต่อคำเสนอซื้อเพื่อเพิกถอนหลักทรัพย์ฯ
ทั้งนี้ การทำหน้าที่ของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระในข้อ (ข) จะเกิดขึ้นภายหลังจากที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ อนุมัติและแจ้งผลการอนุมัติการเพิกถอนหลักทรัพย์ของบริษัทฯ เงื่อนไขบังคับก่อนสำเร็จครบถ้วนและ SFTH ได้ยื่นคำเสนอซื้อสำหรับการทำคำเสนอซื้อเพื่อเพิกถอนหลักทรัพย์ฯ ของบริษัทฯ แล้ว
3. มีมติอนุมัติให้กำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2568 ในวันที่ 20 มิถุนายน 2568 เวลา 14.00 น. ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เพื่อพิจารณาระเบียบวาระการประชุม 3 วาระ เกี่ยวกับการพิจารณาและอนุมัติการเพิกถอนหุ้น KEX ออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ
ทั้งนี้ หลังมีข่าวว่า KEX จะเพิกถอนออกจาก SET พบว่าช่วงเช้า 2 พฤษภาคม 2568 ราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 0.25 บาทต่อหุ้น หรือ 20.33% มาสู่ราคา 1.48 บาทต่อหุ้น
ภาพ: KEX
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : KERRY ประกาศรีแบรนด์เป็น ‘KEX’ หลัง ก.พ. ปี 68 พร้อมเปลี่ยนมือผู้ถือหุ้นใหญ่จาก KLNTH เป็น SF
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine