กรุงเทพประกันภัย มองประกันรถไฟฟ้ายังมีความเสี่ยงในระดับสูง แต่ปี 2568 นี้จะไม่ได้ปรับขึ้นเบี้ยฯ เพราะของบริษัทฯ ได้คำนวนรองรับความเสี่ยงไว้แล้วทำให้ ค่าเฉลี่ยเบี้ยฯ สูงกว่าตลาดราว 10-15% โดยปีนี้จะขยายตลาดประกันชั้น 2+ มากขึ้น โดยปรับขยายอายุรถถึง 25 ปี จากเดิมที่อยู่ 20 ปี นอกจากนี้ยังคงเป้าหมายเบี้ยประกันรับรวมจะอยู่ที่ 34,200 ล้านบาท เติบโต 8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน กรรมการและประธานคณะผู้บริหาร บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI กล่าวว่า ประกันรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ยังมีความท้าทายหลายด้าน ทั้งจากความเสี่ยงที่อยู่ระดับสูง สะท้อนจาออัตราค่าสินไหมทดแทน (Loss Ratio) ของบริษัทฯ ที่ปัจจุบันอยู่ระดับ 68% ซึ่งถือว่าลดลงจากช่วงก่อนหน้าที่อัตราส่วนรวมค่าสินไหมทดแทนและค่าใช้จ่ายดำเนินงานทั้งหมด (Combined Ratio) อยู่ที่ระดับ 100% หรือเปรียบเทียบกับช่วงแรกที่ Combined Ratio ไปถึง 120%
ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งที่การรับประกันภัยรถ EV ยังไม่ขาดทุนและ Loss ratio ยังไม่เกิน 100% มาจากการกำหนดราคาเบี้ยประกันรถ EV ของ BKI สูงกว่าตลาดเฉลี่ย 10-15% บางแบรนด์อาจสูงถึง 20% ซึ่งในปี 2568 นี้ยังไม่มีแผนในการปรับขึ้นเบี้ยฯ รถ EV
นอกจากนี้ช่วงที่ผ่านมาไม่ได้บุกตลาดประกันรถ EV มากนัก แต่มีการรับประกันเพื่อรองรับเทรนด์ที่เกิดขึ้น ซึ่งจากประกันรถ EV ที่อยู่ในตลาดรวมกว่า 160,000 คัน ทาง BKI มีการรับประกันอยู่ 7,000 คัน คิดเป็นเบี้ยฯ อยู่ที่ 215 ล้านบาท
“(เรื่องประกันรถ EV) เรายังไม่เน้นมากนัก เพราะถ้าเข้าเยอะ Loss Ratio ก็เยอะตาม ดังนั้นเราต้องเตรียมความพร้อม ทั้งการพัฒนาอู่ซ่อม EV ในสัญญาของเราเป็น General Garage เพื่อให้ได้มาตรฐานเดียวกับศูนย์ ซึ่งเราอยู่ระหว่างการศึกษาร่วมกันในเรื่องความร่วมมือต่างๆ กับพันธมิตรแบรนด์ของจีน” ดร.อภิสิทธิ์ กล่าว

ปัจจุบันมี Vender ที่นำเข้าอะไหล่รถไฟฟ้าจากจีนแล้ว จากเดิมที่นำเข้าแต่ตัวรถเข้ามา (ทำให้การซ่อมบำรุง หรือการซื้ออะไหล่รถยังต้องรอนาน) ดังนั้น BKI จะเข้าไปพูดคุยกับ Vender และพันธมิตรต่างๆ เพื่อเรียนรู้เพื่อปรับตัวกับรถไฟฟ้า ไปจนถึงในอนาคตเพื่อรองรับกับรถไฮโดรเจนที่กำลังเป็นกระแสไปทั่วโลก
ในภาพรวมธุรกิจประกันวินาศภัยไทย ปี 2568 มองว่ายังมีความท้าทายจากหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง รวมถึงภาคธุรกิจโดยเฉพาะ SME เจอต่างชาติเข้ามารุกตลาดมากขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจได้ ในส่วนประกันรถยนต์ยังมีความท้าทายย่ิงขึ้นจากสถานการณ์รถมือสอง (ราคาขายซากรถ) ที่ราคาผันผวน รวมถึงความเปราะบางของอุตสาหกรรมรถยนต์ยังสูง ดังนั้นการเติบโตอาจยังไม่สูงมาก ถือเป็นช่วงจังหวะที่บริษัทฯ ต้องหันมาทำเรื่องแบรนด์ให้เข้าถึง และทำให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกเรา ผ่านการพัฒนาบริการ ผลิตภัณฑ์ให้โดดเด่นและแตกต่างภายใต้แนวคิด Distinguished Excellence
ทั้งนี้ กรุงเทพประกันภัย คาดว่าปี 2568 นี้ เบี้ยประกันรับรวมจะอยู่ที่ 34,200 ล้านบาท เติบโต 8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นเบี้ยประกันรถยนต์ 14,700 ล้านบาท และประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์ (Non-motor) 19,500 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นแรงส่งหลักสาเหตุเพราะยอดขายรถใหม่ยังมีความเปราะบางสูง เห็นจากปี 2567 ที่ผ่านมายอดขายยังลดลง โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าที่ราคารถมือสองที่ยังปรับลดลงต่อเนื่อง ทำให้ผู้บริหารบริโภคยังต้องประเมินก่อนซื้อ รวมถึงปัจจัยนี้ยังเป็นความเสี่ยงของอุตสาหกรรมประกันภัยอีกด้วย
ในส่วนของ Non-motor ที่มีสัดส่วนกว่า 57% ของเบี้ยประกันภัยรับรวม ประเมินว่าจะได้รับผลดีจากงบประมาณภาครัฐที่ทยอยออกมามากขึ้นผ่านโครงการ Mega project ต่างๆ รวมถึงจะมีการขยายประกันภัยโรคร้ายแรง, ประกันภัยการเดินทางต่างประเทศ เพิ่มความคุ้มครองสัตว์เลี้ยง (สุนัขและแมว) และประกันภัยรถยนต์ประเภท 2+ ขยายอายุรถถึง 25 ปี จากเดิมที่อยู่ 20 ปี นอกจากนี้ยังเตรียมปรับปรุงแผนประกันภัยรถยนต์ประเภท 3+ ให้สอดรับกับสภาวะเศรษฐกิจตอบโจทย์ลูกค้า
ภาพ: BKI
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : กรณีศึกษาประกันรถไฟฟ้าขาดทุน! วิริยะฯ เล็งขึ้นเบี้ยในปี 68 แต่ไม่หยุดรับประกันรถ EV
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine