กลุ่ม BTS โดย VGI และ U City เข้าลงทุนในบริษัทของกลุ่ม JMART จำนวนทั้งสิ้น 1.75 หมื่นล้านบาท ปลดล็อกฐานเงินทุน JMART กวิน กาญจนพาสน์ ซีอีโอ กลุ่ม BTS เผยตั้งเป้าเป็นพันธมิตรระยะยาว เพื่อช่วยสร้างมูลค่าทางธุรกิจร่วมกันพร้อมต่อยอดธุรกิจภายใต้เครือข่าย 3 M
สำหรับการลงทุนในครั้งนี้จะเป็นการลงทุนในหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกผ่านการเสนอขายให้ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน (Rights Offering: “RO”) และการเสนอขายให้บุคคลในวงจำกัด (Private Placement: “PP”) จาก JMART SINGER และ JMT เพื่อใช้เพื่อเป็นเงินอัดฉีดกระตุ้นการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของกลุ่ม JMART โดย SINGER จะได้รับเงินจาก PP และ RO จำนวนทั้งสิ้น 1.06 หมื่นล้านบาท เพื่อขยายฐานการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อ และสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ นอกจากนี้เงินดังกล่าวจะนำไปใช้สำหรับการจ่ายคืนหุ้นกู้ เพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย โดยในปี 2565 SINGER ตั้งเป้าที่จะเพิ่มพอร์ตสินเชื่อเป็น 1.5 หมื่นล้านบาท ด้าน JMT ประกาศเพิ่มทุนแบบ RO ระดมทุนกว่า 1.0 หมื่นล้านบาท โดย JMT แถมแจกวอแรนท์สำหรับผู้จองซื้อหุ้นเพิ่มทุน เพื่อเพิ่มฐานทุนในการขยายการซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเพิ่มเติม ผลักดันเป็นเบอร์ 1 บริษัทบริหารหนี้ด้อยคุณภาพในประเทศ อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) (JMART) กล่าวว่า “การร่วมเป็นพันธมิตรกับ VGI และ U City บริษัทในกลุ่มบีทีเอสในครั้งนี้ ถือเป็นการเติบโตครั้งสำคัญของกลุ่ม JMART โดยเราได้ผนึกกำลังร่วมกับผู้นำที่มีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจด้าน Offline-to-Online (“O2O”) โซลูชัน ที่มีธุรกิจสื่อโฆษณา ธุรกิจบริการชำระเงิน และ ธุรกิจโลจิสติกส์ ผสานด้านความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลที่ทำให้บริษัทสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น การร่วมเป็นพันธมิตรในครั้งนี้จะช่วยปลดล็อกฐานเงินทุนของเราให้เพิ่มขึ้น และสร้างการเติบโตผ่านซินเนอร์ยี่ร่วมกัน ทั้งนี้ในอีก 3–5 ปีข้างหน้า เราตั้งเป้าในการใช้เงินผ่านการระดมทุนเพื่อขยายธุรกิจ และลดต้นทุนทางการเงิน ทั้งนี้เราเชื่อมั่นว่า JMART มีแหล่งเงินทุนที่เพียงพอที่จะสามารถสร้างประสิทธิภาพในการเติบโต แม้ว่าจะเจอสถานการณ์ที่ท้าทายจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยปัจจุบันมูลค่ามาร์เก็ตแคปรวมของกลุ่มบริษัทมีกว่า 106,822 ล้านบาท คาดจะเติบโตไปกว่านี้ไม่น้อยกว่า 3 เท่า นอกจากธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตยิ่งขึ้นแล้ว การเพิ่มทุนครั้งนี้จะเสริมความแข็งแกร่งด้านเงินทุนของกลุ่ม JMART ด้วยต้นทุนการเงินที่ลดลงของ SINGER และ JMT จะสะท้อนกลับมาที่ JMART ในแง่ของกำไรที่โดดเด่น โดย JMART ตั้งเป้าภาพรวมกำไรเติบโตไม่น้อยกว่าร้อยละ 50% ต่อปี ต่อไปอีก 3 ปีข้างหน้า ซึ่งยังไม่นับรวมการผนึกพันธมิตรต่อยอดธุรกิจใหม่ๆ เพิ่มเติมร่วมกับ VGI และ U City ภายในเครือข่าย 3M ของกลุ่ม BTS” ด้าน กวิน กาญจนพาสน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือกลุ่ม BTS กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นกับการเข้าร่วมเป็นพันธมิตรในครั้งนี้ ซึ่งเป็นความร่วมมือภายใต้กลุ่ม MATCH ของเรา VGI และ U City ลงทุนมูลค่ากว่า 1.75 หมื่นล้านบาทด้วยความตั้งใจร่วมเป็นพันธมิตรในระยะยาว เพื่อช่วยสร้างมูลค่าทางธุรกิจร่วมกัน เราพร้อมต่อยอดธุรกิจภายใต้เครือข่าย 3M (Move, Mix และ Match) ที่เรามีอยู่ ความสามารถด้านฟินเทคที่เข็มแข็งของ JMART ร่วมกับการรวมระบบกระจายสินค้าและสาขาที่มีอยู่ทั่วประเทศ นอกจากนี้เราได้วางแผนที่จะรวมเทคโนโลยีทางการเงินและ Crypto Digital Token เพื่อใช้ภายในเครือข่ายของกลุ่ม BTS ซึ่งจะสร้างประสบการณ์ใหม่และความสะดวกสบายให้แก่ฐานลูกค้าของเราได้ดียิ่งขึ้น” อย่างไรก็ดี แผนการ Synergy ร่วมกันในช่วงต่อจากนี้ คาดว่าจะได้เห็นการขยายฐานลูกค้า การขยายผลิตภัณฑ์และบริการในเครือของ JMART ร่วมกันไปสู่สินค้าสำหรับผู้บริโภค การประกันภัย รวมไปถึงเทคโนโลยีและการให้บริการ O2O โซลูชันของ VGI ผ่านแพลตฟอร์มธุรกิจสื่อโฆษณา ธุรกิจบริการชำระเงิน และธุรกิจโลจิสติกส์ ในแง่ของผลิตภัณฑ์ Jaymart Mobile จะสามารถนำเสนอสินค้าเทคโนโลยีต่างๆ ผ่านแพลตฟอร์มของ VGI ที่มีความแข็งแกร่ง และเพิ่มจุดให้บริการ (Service Point) บนสถานีรถไฟฟ้า รวมถึงการใช้เครือข่ายสื่อโฆษณา และการขนส่งสินค้าผ่านบริษัทในกลุ่ม VGI ขณะที่ VGI สามารถขยายช่องทางการจําหน่ายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของ Fanslink ผ่านพื้นที่ค้าปลีกของกลุ่ม JMART มากยิ่งขึ้น ในแง่ของช่องทางการจัดจำหน่าย SINGER ถือเป็นเบอร์หนึ่งในการเข้าถึงลูกค้าผ่านตัวแทนจำหน่ายที่ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยในปัจจุบันมีหน้าร้านที่แบ่งออกเป็นสาขาและแฟรนไชส์กว่า 2,000 แห่ง นอกจากช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านร้านขายสินค้าเทคโนโลยีอย่าง Jaymart Mobile ยังมีบริษัทในเครือที่คอยเป็นตัวแทนของเครือข่ายในการกระจายสินค้าเพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคอย่างแพร่หลาย โดยหากผสานกับ Kerry จะเป็นการเพิ่มช่องทางและโอกาสในการต่อยอดธุรกิจโลจิสติกส์ในเครือ JMART ได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นทางด้านเทคโนโลยีทางการเงิน Blockchain รวมทั้งการศึกษาด้านดิจิทัลโทเคน เป็นโอกาสในการนำโทเคน JFin มาใช้ภายในเครือข่ายของกลุ่ม BTS จึงเป็นโอกาสที่ดีในการเติมเต็มอีโคซิสเต็มของ JMART ให้สมบูรณ์ สำหรับการทำธุรกรรมต่างๆ รวมถึงการใช้งานแทนเงินสด ซึ่งจะช่วยสร้างอีโคซิสเต็มทางธุรกิจที่ครบวงจร พร้อมผลักดันให้มีการปรับเปลี่ยนเพื่อเข้าสู่การเป็นองค์กรดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งหมดนี้จะเป็นจิ๊กซอว์ตัวสำคัญที่จะเชื่อมต่อฐานข้อมูลที่ครอบคลุมที่สุด เพื่อนำข้อมูลไปวิเคราะห์และปรับปรุงบริการที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคในทุกรูปแบบ อ่านเพิ่มเติม: เทรนด์การเติบโต พฤติกรรมผู้บริโภค ในทศวรรษหน้าไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine