Emirates Group กำลังพิจารณาปลดพนักงานราว 30,000 ตำแหน่ง ซึ่งถือเป็นบาดแผลที่เจ็บลึกที่สุดในอุตสาหกรรมการบินโลก ที่เป็นอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการต้องหยุดบินเพราะการระบาดของไวรัสโคโรนา
การปลดพนักงานของผู้ให้บริการขนส่งทางอากาศรายนี้ เป็นการลดจำนวนพนักงานได้มากถึง 30% จากเดือนมีนาคมที่ Emirates มีพนักงานอยู่ 105,000 คน ซึ่งเป็นการลดต้นทุนและปรับการดำเนินงาน เพื่อรับมือกับแนวโน้มการเดินทางที่คาดว่าจะชะลอตัวไปอีกหลายปี
โดยสายการบินแห่งนี้มีจัดหาเงินทุนใหม่ด้วยการระดมทุน 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในไตรมาส 1 ขณะเดียวกันก็กำลังมองหาความช่วยเหลือจากดูไบด้วย
สายการบินรายนี้ยังตัดสินใจเร่งการปลดระวางเครื่องบินรุ่น A380 ซึ่งเป็นเครื่องบินไอพ่นสองชั้นขนาดใหญ่ที่สามารถรองรับผู้โดยสารได้มากกว่า 500 คน ให้เร็วขึ้นด้วย
เอมิเรตส์ ซึ่งเป็นสายการบินผู้ให้บริการเครื่องบินกลุ่ม Airbus SE รายใหญ่ที่สุด ระบุว่า บริษัทกำลังทบทวนระดับ “การลดต้นทุน และการจัดหาทรัพยากรใหม่” พร้อมๆ กับการเตรียมตัวเพื่อให้บริการหลังจากต้องหยุดบินมาเป็นเวลาเกือบ 2 เดือน
“เราไม่มีการแจ้งต่อสาธารณะถึงความซ้ำซ้อนจำนวนมากของสายการบิน” บริษัทระบุในอีเมล์แถลงการณ์ “การรักษาเงินสด, ปกป้องธุรกิจ และรักษาแรงงานทักษะให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ คือเป้าหมายของเราในตอนนี้”
ธุรกิจการบิน สูญเสียยอดขาย
ข้อมูลจากสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (International Air Transport Association) ระบุว่า ด้วยจำนวนเที่ยวบินทั่วโลกที่ลดลงกว่า 70% ทำให้อุตสาหกรรมการบินต้องสูญเสียรายได้จากการขายตั๋วในปีนี้กว่า 3.14 แสนล้านเหรียญ
สำหรับ Emirates ได้หยุดเที่ยวบินส่วนใหญ่ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา แม้ว่าในบางประเทศจะเริ่มคลายมาตรการท่องเที่ยวแล้ว แต่สายการบินแห่งนี้ก็ยังหยุดให้บริการต่อไปจนถึงวันที่ 21 พฤษภาคม
ประธาน Tim Clark กล่าวกับสื่อในกรุง Abu Dhabi ในเดือนนี้ว่า เขาคาดการณ์ว่าดีมานด์การเดินทางด้วยเครื่องบินจะ “เบาบาง” ไปอีกอย่างน้อย 2-3 ปี เขายังเรียกเหตุการณ์ครั้งนี้ว่าเป็น black swan ของอุตสาหกรรม หรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น ทั้งยังสร้างผลกระทบอย่างรุนแรง
ทั้งนี้ รัฐบาลดูไบระบุเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาว่าจะสนับสนุนด้านการเงินแก่สายการบินรายนี้ ซึ่งหมายถึงมาตรการเสริมสภาพคล่องตั้งแต่มีการระบาดของไวรัส และยังรวมถึงการลดเงินเดือนชั่วคราว, หยุดเที่ยวบินส่วนใหญ่ และชะลอการส่งมอบเครื่องบินซูเปอร์จัมโบ้ A380
บาดแผลของ Airbus
การปลดระวางเครื่องบิน A380 บางส่วน อาจเป็นการเร่งให้บทบาทการเป็นผู้นำเครื่องบินโดยสารเชิงพาณิชย์ของ Airbus นั้นจบเร็วขึ้น หลัง Airbus ถูกบังคับให้ยุติโครงการตั้งแต่ปีก่อนหลังจากการตกลงกับสายการบินเอมิเรตส์ล้มเหลว แม้ว่าจะยังมีเครื่องบินที่ต้องส่งมอบอีกมากกว่า 8 ลำก็ตาม
สายการบินแห่งรัฐรายนี้ ซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่สุดของ A380 ได้ปรับลดแผนการระยะยาวลง ทั้งยังสั่งเครื่องบินลำเล็กลง แต่ปรับเพิ่มความร่วมมือกับผู้ให้บริการในภูมิภาคอย่าง Flydubai ซึ่งเป็นสายการบินของรัฐด้วยเช่นกัน
แหล่งข่าวรายหนึ่งกล่าวว่า สำหรับในช่วงที่ต้องฟื้นตัว สายการบินเอมิเรตส์วางแผนที่จะพึ่งพาเครื่องบินขนาดเล็กกว่าสัญชาติสหรัฐฯ อย่าง Boeing 777 แทน โดยมีอยู่ในฝูงบินทั้งสิ้น 155 ลำ ขณะที่มีเครื่องบิน A380 อยู่ 115 ลำ
ขณะที่ผลการดำเนินงานของเอมิเรตส์นั้น ในงบปีที่ผ่านมาซึ่งสิ้นสุดเมื่อวันที่ 31 มีนาคม บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้น 21% แต่การระบาดของไวรัสโคโรนาได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 4
โดยกำไรในเดือนมีนาคมอยู่ราว 1.5 พันล้านดีแรห์ม หรือราว 408 ล้านเหรียญ ซึ่งเป็นตัวเลขที่น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก นอกจากนี้ บริษัทยังสูญเสียรายได้ในเดือนที่ผ่านมามากกว่า 3.4 พันล้านดีแรห์ม
ที่มา