ทายาทอาณาจักร Dyson ต่อยอดสินค้าเทคโนโลยี ปั้นวิศวกรเลือดใหม่ - Forbes Thailand

ทายาทอาณาจักร Dyson ต่อยอดสินค้าเทคโนโลยี ปั้นวิศวกรเลือดใหม่

เครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์ Dyson จากสหราชอาณาจักร อาจยังไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลายนักในไทย เพราะเพิ่งเข้ามาเปิดช็อปอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2561

แต่ในตลาดโลกแบรนด์นี้เป็นที่รู้จักดีในแง่สินค้าเทคโนโลยีที่มีดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ ถือกำเนิดจากความมุ่งมั่นของวิศวกรนักออกแบบ James Dyson ผู้ก่อตั้ง หลังจากดำนินธุรกิจมา 25 ปี Jake Dyson บุตรชายคนโตของเขาก็เข้ารับช่วงบริหารต่อ เป็น ทายาทอาณาจักร Dyson ที่เน้นหนักด้านงานวิจัยและพัฒนา ซึ่ง Jake บอกว่ามันคือหัวใจที่จะนำพา Dyson ให้เติบโตไปข้างหน้าอย่างมั่นคง

Forbes Thailand มีโอกาสได้ไปเยี่ยมชมศูนย์วิจัยและพัฒนาของ Dyson Limited ที่เมือง Malmesbury ประเทศอังกฤษ และมีโอกาสได้พูดคุยกับ Jake Dyson ผู้บริหารรุ่นที่ 2 ซึ่งก้าวมารับตำแหน่งเมื่อปี 2558 เขามีมุมมองเกี่ยวกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ Dyson อย่างน่าสนใจ รวมทั้งแผนขยายตลาดสู่ภูมิภาคเอเชีย

สินค้าดี เทคโนโลยีและฟังก์ชั่นต้องตอบโจทย์การใช้งานประสิทธิภาพสูงตรงตามวัตถุประสงค์ เหนือกว่าการออกแบบ เหนือกว่าการสร้างแบรนด์ คือการวิจัยพัฒนา และคิดค้นเทคโนโลยีใหม่อยู่เสมอ

เป็นมุมมองต่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยสรุปของ Jake Dyson หัวหน้าวิศวกรและนักประดิษฐ์หลอดไฟ ทายาทรุ่นที่ 2 ธุรกิจแสนล้านของผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า Dyson ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ทั้งในแง่เทคโนโลยีและการดีไซน์แบรนด์หนึ่งของโลก

อาณาจักร Dyson เติบโตด้วยยอดรายได้ปี 2561 ที่ 4.4 พันล้านปอนด์ หรือกว่า 1.91 แสนล้านบาท 28 ปีหลังก่อตั้งโดย James Dyson วิศวกรนักประดิษฐ์ผู้บุกเบิกธุรกิจจนเป็นที่ยอมรับ ซึ่งนอกจากพัฒนาสินค้าเทคโนโลยีใหม่ออกสู่ตลาดแล้ว Dyson ยังมีส่วนร่วมพัฒนาวิศวกรรุ่นใหม่ป้อนอุตสาหกรรมในสหราชอาณาจักร ผ่าน “Dyson Institute of Engineering and Technology (DIET)”

 

สานต่อแนวคิดพัฒนาวิศวกรรุ่นใหม่

DIET เกิดจากจุดเริ่มต้นเมื่อเดือนมีนาคม 2559 ที่ James Dyson ได้พบกับ Jo Johnson ผู้บริหารระดับสูงและอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศของสถาบันมหาวิทยาลัย วิทยาศาสตร์ การวิจัยและนวัตกรรม เพื่อหารือเกี่ยวกับทักษะด้านวิศวกรรมที่ขาดแคลนในสหราชอาณาจักร ซึ่ง Jo ได้ชวนให้ James นำระบบ Higher Education และ Research Act มาใช้ เพื่อเปิดเป็นมหาวิทยาลัยแห่งใหม่

หลังจากนั้นสถาบัน DIET ก็เปิดตัวในเดือนกันยายนปี 2560 เป็นอีกหนึ่งมหาวิทยาลัยตัวเลือกของนักเรียนที่มีความฝันอยากเป็นวิศวกร ซึ่งในระดับปริญญาตรีสาขาวิศวกรรมจะถูกสอนควบคู่ไปกับการใช้ประสบการณ์

Jake และ James Dyson

มาถึงรุ่นที่ 2 Jake Dyson วิศวกรวัย 46 ปี บุตรชายคนโต ผู้สืบทอดธุรกิจจาก James Dyson โดย Jake ไม่ได้เริ่มชีวิตการทำงานครั้งแรกที่ Dyson เขาเริ่มต้นด้วยธุรกิจของตัวเอง หลังจบการศึกษาด้านออกแบบอุตสาหกรรมที่วิทยาลัยศิลปะและการออกแบบ Central St. Martin ในปี 2537 ด้วยการรับงานออกแบบตกแต่งภายในร้านค้า ร้านกาแฟและคลับ จากนั้นตั้งโรงงานขึ้น และเริ่มทดลองพัฒนผลิตภัณฑ์ในสตูดิโอที่ Clerkenwell ใจกลางกรุง London ต่อมาเขาได้ออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ หลอดไฟ “2007 Motorlight”

 

คิดค้นเทคโนโลยีนำการออกแบบ

Jake ได้ก่อตั้งบริษัท Jake Dyson Products ขึ้นในปี 2547 เป็นบริษัทผู้คิดค้นผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์หลอดไฟ LED เพื่อเอาชนะปัญหาของหลอดไฟที่มีในตลาดขณะนั้น โดยหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่เขาผลิตคือหลอดไฟ LED ของ CSYS โคมไฟตั้งโต๊ะที่มีอายุการใช้งานถึง 40 ปี แต่ในที่สุดเขาก็เข้ามาอยู่ในอาณาจักร Dyson เมื่อปี 2558

ต่อจากนั้นสถานะของ Jake ใน Dyson ที่เป็นกรรมการโดยไม่ได้เป็นผู้บริหารมาตั้งแต่ปี 2556 ก็เปลี่ยนไป Jake เข้านั่งตำแหน่งกรรมการด้านการวิจัยและพัฒนา และหัวหน้าวิศวกรและนักประดิษฐ์หลอดไฟ ภารกิจหลักคือเป็นหัวหน้าทีมวิศวกรที่ดูแลด้านการออกแบบวิจัยเทคโนโลยีใหม่ๆ ให้กับผลิตภัณฑ์ของ Dyson รวมทั้งการคิดค้นพัฒนาสินค้าใหม่ สานต่องานพัฒนา Dyson ให้ก้าวไปข้างหน้า ด้วยจุดขายของสินค้านวัตกรรมที่มีเทคโนโลยีใหม่เป็นคุณค่าหลัก

นอกจากสานต่อโครงการต่างๆ ในสหราชอาณาจักรแล้ว Jake ยังมีมุมมองที่น่าสนใจต่อการขยายตลาดผลิตภัณฑ์ Dyson ซึ่งเขามองว่าประเทศไทยเป็นศูนย์กลางแห่งแฟชั่นและความงามในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไทยจึงถือเป็นผู้นำในกลุ่มตลาดผลิตภัณฑ์หมวดเครื่องใช้ส่วนบุคคล

Dyson Pure Cool

ด้วยเหตุนี้ Dyson จึงส่งผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ส่วนบุคคล เช่น ไดร์เป่าผม Dyson Supersonic และอุปกรณ์จัดแต่งทรงผม Dyson Airwrap ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อเดือนตุลาคม 2561 เข้ามาจำหน่ายในไทย และนับเป็นสินค้าที่มียอดขายเติบโตเร็วที่สุดหลังเปิดตัวไม่นาน นอกเหนือจากสินค้าหลักอื่นๆ ที่วางตลาด คือ พัดลมกรองอากาศอัตโนมัติแบบไร้ใบพัด Dyson Pure Cool, เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย Dyson Cyclone V10 และเครื่องเป่ามือ Dyson Airblade ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ถูกส่งขายไป 65 ประเทศทั่วโลก และบางแห่งก็เข้าไปลงทุนตั้งโรงงานผลิตด้วย

 

โฟกัสเอเชียตลาดเกิดใหม

ในกว่า 65 ประเทศทั่วโลกที่เข้าไปทำตลาด Jake ย้ำว่า Dyson ให้ความสำคัญกับตลาดประเทศเกิดใหม่เป็นอย่างมาก และให้ความสำคัญต่อเนื่องมาหลายปีแล้ว

เราขยายการลงทุนมาเอเชียกว่า 8 ปีแล้วที่มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ โดยเริ่มต้นสร้างโรงงานในมาเลเซีย และมีหน่วยงานวิจัยในสิงคโปร์ ล่าสุดยังได้ศึกษาการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า เพิ่มการวิจัยและจำนวนวิศวกรที่สิงคโปร์ เพราะมองว่าอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าที่สิงคโปร์มีแนวโน้มที่ดี เช่นเดียวกับตลาดเอเชีย ซึ่งมีความน่าสนใจและมีโอกาสในการเติบโตสูง

Jake ย้ำถึงมุมมองที่มีต่อการขยายตลาด สำหรับประเทศไทยถือเป็นตลาดล่าสุดในเอเชียที่ Dyson ให้ความสนใจ โดยในปี 2561 ที่ผ่านมา Dyson ได้เข้ามาชิมลางตลาดในไทยด้วยการเปิด “Demo Shop” 2 แห่งที่สยามพารากอนและไอคอนสยามเมื่อปลายปี 2561

เราตื่นเต้นกับตลาดในประเทศไทย เพราะที่นี่เทคโนโลยีและสินค้าสามารถแจ้งเกิดได้ง่าย ประเทศไทยเป็นตลาดที่เปิดรับเทคโนโลยีใหม่ค่อนข้างดี เราเพิ่งเปิดร้าน Demo Shop ไป 2 แห่งในเมืองไทย และพร้อมจะขยายตลาดในไทยเพิ่มขึ้น โดยการเข้าไปแชร์พื้นที่ในศูนย์การค้าต่างๆ” Jake ยืนยันก่อนจะอธิบายว่า การขยายร้าน Demo Shop ให้มีมากขึ้นก็เพื่อสร้างการรับรู้ด้านเทคโนโลยีให้กับลูกค้า

สำหรับประเทศไทยแม้ Dyson ยังไม่มีแผนลงทุนโรงงาน แต่ก็มองว่าไทยเป็นตลาดเกิดใหม่ที่น่าสนใจ ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก ทั้งตลาดในประเทศและการส่งต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มอาเซียนด้วยกัน

 

ปั้นสิงคโปร์ฐานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า

Dyson ให้ความสำคัญกับตลาดในภูมิภาคเอเชียมาก นอกจากการเข้ามาทำตลาดแล้ว ที่ผ่านมายังได้ลงทุนด้านการผลิตหลายประเทศในเอเชีย ไม่ว่าจะเป็น จีน มาเลเซีย และโดยเฉพาะสิงคโปร์ นอกจากถูกเลือกให้เป็นที่ตั้งของโรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่ง Dyson อยู่ระหว่างศึกษาวิจัยและออกแบบ โดยคาดว่าจะผลิตออกสู่ตลาดได้ในปี 2563 แล้ว Dyson ยังมีแผนจะย้ายบางส่วนของสำนักงานใหญ่จากอังกฤษมาอยู่ที่สิงคโปร์ รวมทั้งแผนขยายขนาดของพื้นที่การวิจัยและการดำเนินงาน เพิ่มจำนวนทีมวิศวกร

ถ้าสินค้าไม่มีเทคโนโลยี ไม่มีคุณภาพที่ดี ก็ไม่สามารถสร้างความน่าสนใจให้กับแบรนด์ได้ Jake ยืนยันด้วยมุมมองของวิศวกรนักออกแบบ ที่ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีเป็นหัวใจในการพัฒนาผลิตภัณฑ์

    เรื่อง อรวรรณ หอยจันทร์ ภาพ : อรวรรณ หอยจันทร์, Dyson Limited  
คลิกอ่านฉบับเต็ม “ทายาทอาณาจักร Dyson ต่อยอดสินค้าเทคโนโลยี ปั้นวิศวกรเลือดใหม่” ได้ที่ นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับ พฤษภาคม 2562