กูรูย้ำใช้ Google Adwords ควบคู่ Facebook Ad เพิ่มพลังการขาย อุดทุกช่องว่างทางการตลาดในธุรกิจเอสเอ็มอี
ปี 2559 ที่ผ่านมาผู้ประกอบการธุรกิจเอสเอ็มอีตื่นตัวกับการใช้สื่อออนไลน์เพื่อการทำการตลาดมากขึ้นกว่า 30% โดย 3 อันดับธุรกิจเอสเอ็มอีที่มีการใช้จ่ายค่าโฆษณาออนไลน์สูงสุด คือ ธุรกิจชิ้นส่วนอะไหล่, ธุรกิจก่อสร้าง และ สินค้าแต่งบ้าน ตามลำดับ โดยสื่อออนไลน์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด 3 อันดับแรกในกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอี คือ 1) Google 2) Facebook และ 3) YouTube และมีทิศทางการเพิ่มงบประมาณในการทำโฆษณาสูงขึ้น
“การโฆษณาบนสื่อออนไลน์นับว่าเป็นเครื่องมือที่เหมาะสมและเป็นเครื่องมือหลักของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เนื่องจากช่วยเพิ่มยอดขายและขยายฐานลูกค้า สามารถเลือกทำได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย มีความแม่นยำ และเป็นสื่อที่ทุกธุรกิจสามารถใช้ได้ วัดผลได้” กัมพล ธนาปัญญาวรคุณ ประธานเจ้าหน้าที่ บริษัท ไอท้อปพลัส จำกัด กล่าว
ทั้งนี้ภาพรวมของการใช้ลื่อออนไลน์ Facebook ยังคงเป็นสื่อที่ได้รับความนิยมสูงสุดในปี 2559 แต่ Google Adwords ยังคงเป็นสื่อที่มีความสำคัญต่อการทำการตลาดออนไลน์ที่ผู้ประกอบการไม่ควรมองข้าม เนื่องจากเครื่องมือแต่ละชนิดจะมีจุดเด่นที่ต่างกัน ซึ่งต้องเลือกให้เหมาะกับธุรกิจและพฤติกรรมของผู้บริโภค ทั้งนี้สิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี คือการปรับเปลี่ยนเว็บไซต์ให้รองรับการแสดงผลบนสมาร์ทโฟนเพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่นิยมค้นหาข้อมูลสินค้าและบริการผ่านทางสมาร์ทโฟนในชีวิตประจำวัน
จุดเด่นของ Google Adwords คือเทคนิคคำค้นหา (Keywords) โดยต้องมีการวิเคราะห์ให้เหมาะสมกับประเภทธุรกิจ ตรงกลุ่มเป้าหมาย, เทคนิคการประมูล (bid) คำหลัก (Keywords) เพื่อให้งบประมาณคุ้มค่าที่สุด, เทคนิคการกรองคำหลัก (Negative keywords) โดยไม่ทำให้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย, เทคนิคการปรับแต่งตำแหน่งโฆษณา (Advertise Average Position)เพื่อผลลัพธ์สูงสุด เป็นต้น ในขณะที่โฆษณาบน Facebook แข่งขันกันที่การจัดการกับ Facebook Content Admin คือ การสร้างจุดต่างของ Fanpage ด้วยเนื้อหาและรูปภาพใหม่ๆ สไตล์เฉพาะของธุรกิจ เพื่อให้เกิด Engagement กับผู้ติดตาม
กัมพล กล่าวเพิ่มเติมว่าจากปีที่ผ่านมาอุปสรรคหนึ่งของการทำการตลาดออนไลน์ของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี คือ การมีเว็บไซต์ที่ไม่รองรับการแสดงผลบนสมาร์ทโฟน โดยจากผลสำรวจในปีที่ผ่านมาพบว่า การใช้อินเตอร์เน็ตผ่านสมาร์ทโฟนมีมากถึง 85.5% เฉลี่ย 6.2 ชั่วโมงต่อวัน
“หากเว็บไซต์ของผู้ประกอบการเอสเอ็มอียังคงเป็นรูปแบบเดิมก็จะถูกลดอันดับในการแสดงผลหน้าแรก ตามนโยบายของ Google ในสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้ ดังนั้น การมีเว็บไซต์ที่รองรับการแสดงผลบนสมาร์ทโฟนจะเป็นการเพิ่มอากาสในการได้รับการการแสดงผลหน้าแรกของ Google นับเป็นการสร้างโอกาสทางการขายเพิ่มมากขึ้น เพื่อการทำโฆษณาออนไลน์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมต่อการก้าวสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0 อย่างเต็มรูปแบบ” กัมพลกล่าวเพิ่มเติม
สำหรับภาพรวมของการใช้สื่อออนไลน์ในปี 2559 จากผลสำรวจของ DAAT พบว่า การเติบโตของโฆษณาธุรกิจออนไลน์มีมูลค่าราว 9,883 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 22% โดยกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ครองตลาดมาเป็นอันดับ 1 ตามด้วย กลุ่มเครื่องประทินผิว และกลุ่มสื่อสาร สื่อออนไลน์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด 3 อันดับแรก คือ 1) Facebook 2) YouTube และ 3) Google