ทุกวันนี้ เชนร้านขายกาแฟขนาดเล็กอย่าง Dunkin Donuts กำลังได้รับความนิยมในตลาดหุ้น Wall Street ยิ่งกว่ายักษ์ใหญ่อย่าง Starbucks
ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นปีจนถึงขณะนี้ ราคาหุ้นของ Dunkin Donuts เติบโต 8.13% ในขณะที่ราคาหุ้นของ Starbucks เพิ่มขึ้นเพียง 1.12% ซึ่งน่าจะสร้างความประหลาดใจให้กับแฟนๆ ของร้าน Starbucks และนักลงทุนผู้ภักดีที่มองว่าหุ้นตัวนี้เป็นหุ้นที่ควรถือระยะยาวใน Wall Street เรื่องราวที่กลับข้างกันในตลาดหุ้น Wall Street ของหุ้นทั้งสองจะเป็นแค่ปรากฏการณ์ชั่วคราวหรืออะไรที่ต้องจับตาอย่างจริงจัง? เป็นเรื่องที่ตอบยากเหมือนกัน เพราะระยะเวลาเพียง 9 เดือนอาจยังไม่หนักแน่นพอที่จะตัดสินว่ากระแสในตลาดได้กลับข้างไปแล้วจริงๆ แต่สิ่งที่สามารถกล่าวได้คือ Starbucks มาถึงขีดจำกัดและข้อได้เปรียบของการขยายสาขาแล้ว เพราะบริษัทมีสาขาถึง 2.7 หมื่นสาขาทั่วโลกและให้บริการอาหารและเครื่องดื่ม 255 รายการ เปรียบเทียบกับ Dunkin Donuts ที่มีสาขาประมาณ 8 พันสาขาเท่านั้น และมีเมนูให้เลือกเพียง 32 รายการ กล่าวโดยสรุปคือ Starbucks มีขนาดใหญ่เกินไปและหลากหลายเกินกว่าจะแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพในธุรกิจร้านกาแฟ โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาที่ Starbucks แทบจะเปิดอยู่ทุกหัวมุมถนน และนั่นสามารถอธิบายได้ว่าทำไมอัตรากำไรจากการดำเนินงานของบริษัทถึงต่ำกว่าของ Dunkin Donuts อย่างมาก ขณะเดียวกัน การแข่งขันจากคู่แข่งเกิดใหม่รอบโลก (ยกตัวอย่างเช่น Costa Café ในสหราชอาณาจักร หรือ Mikel Coffee ในยุโรปใต้และตะวันออกกลาง) กำลังท้าทายธุรกิจการเป็น “third place” หรือสถานที่ทางสังคมแห่งที่สามรองจากบ้านและที่ทำงาน/โรงเรียน หลักฐานที่เห็นเด่นชัดคือยอดขายที่เติบโตช้าลงของ Starbucks ยักษ์ใหญ่อย่าง Starbucks กำลังเปลี่ยนจากบริษัทที่กำลังเติบโตสู่บริษัทที่ถึงจุดอิ่มตัวโดยมีช่องว่างให้เติบโตและทำกำไรเพิ่มได้น้อยนิด และนั่นน่าจะเป็นสิ่งที่รบกวน “แรงผลักดัน” ของกลุ่มคนที่เคยไล่ซื้อหุ้นของ Starbucks ในช่วงหลายปีมานี้ กลุ่มคนเหล่านั้นจะเปลี่ยนมาไล่ซื้อหุ้นของบริษัทขนาดเล็กอย่าง Dunkin Donuts หรือไม่ เป็นสิ่งที่ต้องติดตามต่อไป เฉลย: ผมมีหุ้นใน DNKNแปลและเรียบเรียงจาก Tiny Dunkin Donuts Beats Mighty Starbucks โดย Panos Mourdoukoutas จากเว็บไซต์ Forbes.com