สำนักข่าวต่างประเทศรายงานการประมูลราคาเข้าซื้อ Dunkin บริษัทเจ้าของแบรนด์ Dunkin Donut และ Baskin Robin ที่กำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับ Inspire Brands กลุ่มธุรกิจร้านอาหารชื่อดังในสหรัฐฯ อย่าง Arby’s, Buffalo Wild Wings, Sonic, และ Jimmy John’s
ล่าสุด Neal Aronson ผู้ร่วมก่อตั้ง Inspire Brands ได้เสนอราคาเข้าซื้อที่ 8.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งถ้าหากว่าราคานี้ถือเป็นที่สิ้นสุด จะต้องแข่งขันกับมูลค่าที่เสนอจาก JAB บริษัทเจ้าของแบรนด์ร้านกาแฟ Au Bon Pain, Pret a Manger และ Panera ในเวลาต่อมา
ในที่นี้ Inspire เป็นบริษัทที่ได้รับการสนับสนุนเงินทุนโดย Roark Capital บริษัทเอกชนนอกตลาดหลักทรัพย์จาก Atlanta ที่มีความเชี่ยวชาญกว่า 10 ปี ในด้านแฟรนไชส์ การบริหารแบรนด์ การบริการสิ่งแวดล้อม และการทำตลาดบริษัทให้บริการด้วยแนวโน้มการเติบโตที่ดึงดูดใจ ซึ่ง Roark ก็อยู่ภายใต้การบริหารของ Aronson เช่นกัน
ขณะที่ JAB จาก Luxembourg ได้รับการสนับสนุนด้านการลงทุน และอยู่ภายใต้การบริหารงานของ Reimann ตระกูลมหาเศรษฐีพันล้านจากเยอรมัน
เพราะฉะนั้น การเข้ามาแข่งขันกันในครั้งนี้ของทั้งสองบริษัท จึงเป็นการพบกันครั้งแรกของ Roark ดีลเมเกอร์อันดับหนึ่งในอุตสาหกรรมร้านอาหาร ที่มักจะเข้าซื้อแฟรนไชส์ฟ้าสต์ฟู้ด ที่กระจายตัวอยู่ในพื้นที่ห้างสรรพสินค้า จุดพักรถทางด่วน และศูนย์กลางทางการเงิน ขณะที่ JAB จะให้ความสนใจในเชนธุรกิจร้านกาแฟเป็นพิเศษ และตั้งตนในฐานะคู่แข่งของ Starbucks
ด้วยเหตุนี้ การตัดสินใจของ Inspire ที่จะเข้าซื้อ Dunkin จึงเป็นไปเพื่อขยายพอร์ตฟอลิโอของบริษัท
“การเข้าซื้อในครั้งนี้ มีความสำคัญต่อกลยุทธ์ที่ของเราอยู่ถึง 100 เท่า เพราะการมีบริษัทในเครือหลายแบรนด์ จะยิ่งทำให้โมเดลธุรกิจมีความแข็งแกร่งมากขึ้นไปอีก และตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด ดังนั้นเราจึงมีความมุ่งมั่นมากกว่าทุกครั้ง” Paul Brown ประธานกรรมการบริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง Inspire กล่าวกับ Forbes ในเดือนพฤษภาคม
Inspire คือ กลุ่มธุรกิจที่ให้บริการด้านอาหารที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ในสหรัฐอเมริกา ด้วยยอดขายมูลค่า 14.6 พันล้านเหรียญในปี 2019 จากร้านอาหารในเครือทั้งหมด 11,000 ร้าน ซึ่งกว่าจะสร้างอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ Inspire ได้ลงทุนมากกว่า 7 พันล้านเหรียญ ตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา และหากสามารถเข้าซื้อ Dunkin ได้จริง จะเป็นการเพิ่มขนาดของบริษัทออกไปอีก 21,000 สาขาใน 30 ประเทศ อีกทั้งยอดขายของทั้งบริษัทยังจะเพิ่มขึ้นสูงถึง 12 พันล้านเหรียญ
ขณะที่คู่แข่งอย่าง JAB มีแบรนด์ในเครือทั้งหมด 11 แบรนด์ ยกตัวอย่างเช่น Krispy Kreme, Peet’s, Intelligentsia และ Stumptown และเริ่มลงทุนในธุรกิจร้านกาแฟตั้งแต่ปี 2012 ด้วยมูลค่าที่มากกว่า 20 พันล้านเหรียญ
อย่างไรก็ดี การเข้าครอบครอง Dunkin อาจะไม่ได้ทำให้ Inspire สามารถสร้างผลกำไรได้อย่างทันที เนื่องจากแฟรนไชส์ดังกล่าวยังคงมีอัตรากำไรที่น้อยกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม ดังจะเห็นได้จากการที่ ยอดขายของสาขาในสหรัฐฯ ลดลงราวร้อยละ 20 ในไตรมาสที่ผ่านมา เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจร้านอาหารทั่วทั้งประเทศ
แต่หากพิจารณาอีกด้านหนึ่ง การเข้าซื้อ Dunkin ในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อ Inspire อย่างมาก เพราะเป็นการขยายเชนธุรกิจฟาสต์ฟู้ด ไปสู่เครื่องดื่ม ของทานเล่น และของหวาน
โดย Inspire มีเป้าหมายที่จะใช้ความแข็งแกร่งของแบรนด์ต่างๆ ที่มีอยู่ มาร่วมพัฒนาประสิทธิภาพทางเทคโนโลยีให้ทั่วถึง ซึ่งในปีนี้ก็ได้ลงทุนไปเป็นมูลค่า 100 ล้านเหรียญ เพื่อพัฒนากลยุทธ์ทางการตลาดออนไลน์ และการรับคำสั่งซื้อผ่านทางโทรศัพท์
อย่างไรก็ดี ในเดือนเมษายน 2020 ที่ผ่านมา ดัชนี S&P ได้ปรับความน่าเชื่อถือของ Inspire ลงเป็นครั้งแรก เนื่องจากมีโครงสร้างต้นทุนคงที่ (fixed cost) ในอัตราที่สูง ซึ่งไม่สอดคล้องกับรายได้และกำไรที่ได้รับ เป็นผลให้อัตราความเสี่ยงในการประกอบการสูงตามมา (very high leverage) ประกอบกับต่อมาในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงที่ภาคเศรษฐกิจยังคงได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาด ดัชนี S&P จึงรายงานเพิ่มเติมว่า งบกระแสเงินสดของบริษัทอาจมีแนวโน้มลดลงกว่าครึ่ง หรืออาจมากถึง 100 ล้านเหรียญในปีนี้
ล่าสุด ในเดือนกรกฎาคมที่ Forbes ได้ทำการตีพิมพ์ข้อมูลของบริษัท ทาง Inspire รายงานว่า ผลประกอบการกำลังกลับมาดีขึ้นเรื่อยๆ จากการใช้โอกาสช่วงขาลงของเศรษฐกิจออกหุ้นกู้มูลค่า 750 ล้านเหรียญในเดือนพฤษภาคม และเสนอขายที่ 825 ล้านเหรียญในอีก 2 เดือนต่อมา แต่ทั้งนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้มากนัก
“ในช่วงที่ลำบาก ผู้คนมักจะหลงทาง แต่เราไม่ เรายังคงยึดมั่นในสิ่งที่สำคัญ สิ่งที่เราเชื่อ สิ่งที่เรากำลังเจราจา และสิ่งที่เรากำลังทำ” Neal Aronson ผู้ก่อตั้ง Roark กล่าวขณะให้สัมภาษณ์กับ Forbes ในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมา
แปลและเรียบเรียงโดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค จากบทความ An Inspire Brands-Dunkin’ Deal Would Put Billionaires’ Coffee Clutch In The Crosshairs เผยแพร่บน Forbes.com อ่านเพิ่มเติม: Wes Edens ชายผู้มุ่งมั่นจะฟื้น “กิจการรถไฟ” ในอเมริกา