นับตั้งแต่ "Donald Trump" เข้าปฏิบัติหน้าที่ในทำเนียบขาวเมื่อเดือนมกราคม ปี 2017 จนกระทั่งครบวาระไปเมื่อหลายเดือนก่อน มูลค่าทรัพย์สินของเขาลดลงเกือบ 1 ใน 3 จาก 3.5 พันล้านเหรียญ เหลือเพียง 2.4 พันล้านเหรียญ สวนทางกับดัชนี S&P 500 ที่ทะยาน 70%
นักลงทุนทุกคนต้องเคยผ่านจุดที่อยากจะเขกหัวตัวเองแรงๆ ที่ถือทรัพย์สินไว้นานเกินไป แต่คงไม่มีใครเคยคำนวณผิดมหันต์ขนาดนี้ เมื่อตอนเข้ารับตำแหน่ง Donald Trump ไม่ยอมขายทรัพย์สิน ทำให้ตลอดระยะเวลาหลายปีของการเป็นประธานาธิบดีเขาต้องวุ่นวายกับประเด็นเรื่องจริยธรรม อีกทั้งยังพลาดโอกาสทำเงินในช่วงตลาดเฟื่องฟูที่เขาเองมีส่วนร่วมผลักดัน หาก Donald Trump ขายทุกสิ่งทุกอย่างทิ้งไปตั้งแต่วันแรก และจ่ายภาษีกำไรจากการขายหลักทรัพย์ในอัตราสูงสุด จากนั้นจึงนำรายได้มาสมทบในกองทุนที่ติดตามดัชนี S&P 500 ที่ไม่มีความขัดแย้งใดๆ Trump จะอำลาตำแหน่งประธานาธิบดีโดยมีเงินติดกระเป๋ามากกว่าที่มีอยู่ทุกวันนี้ประมาณ 1.6 พันล้านเหรียญ ต่อไปนี้คือ 4 รายการทรัพย์สินที่ขาดทุนหนักที่สุดและอีก 2 รายการที่ทำกำไรสูงสุด- รายการทรัพย์สินที่ขาดทุนหนักของ Trump -
6 East 57th Street • New York
มูลค่าสุทธิ: 148 ล้านเหรียญ
การเปลี่ยนแปลงมูลค่าขณะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี: 217 ล้านเหรียญ (ลดลง)
ช็อปปิ้งออนไลน์คือฝันร้ายอย่างแท้จริงของอาคารกลุ่มนี้ สำหรับอาคารทรงเก๋พื้นที่ 6.5 หมื่นตารางฟุตแห่งนี้อยู่ติดกับ Fifth Avenue ใจกลางย่านค้าปลีกที่ครั้งหนึ่งเคยคึกคักสุดๆ แต่เมื่อปี 2018 Nike ก็ประกาศสละร้านค้าขนาด 5 ชั้น ขณะที่ Tiffany ซึ่งเข้าเช่าช่วงพื้นที่เดิมของ Nike เนื่องจากร้านที่ Fifth Avenue ของตนเองอยู่ในช่วงปรับปรุงนั้นก็คาดว่าจะย้ายออกไปในปี 202240 Wall Street • New York
ความเป็นเจ้าของ: สิทธิการเช่า • มูลค่ารวม: 304 ล้านเหรียญ
หนี้สิน: 137 ล้านเหรียญ • มูลค่าสุทธิ: 168 ล้านเหรียญ
การเปลี่ยนแปลงมูลค่าขณะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี: 195 ล้านเหรียญ (ลดลง)
อาคาร Financial District ของ Trump ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทขนาดย่อมมากมาย มีผลกำไรลดฮวบถึง 32% ในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2020 ซึ่งเป็นช่วงเวลาล่าสุดที่มีการบันทึกHotel Management & Licensing
มูลค่าสุทธิ: 57 ล้านเหรียญ
การเปลี่ยนแปลงมูลค่าขณะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี: 163 ล้านเหรียญ (ลดลง)
การแบ่งฝ่ายทางการเมืองตลอดระยะเวลา 4 ปี ตามด้วยเหตุจลาจลที่อาคารรัฐสภาสหรัฐเมื่อวันที่ 6 มกราคม ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจสร้างแบรนด์ของ Trump เลยแม้แต่น้อย ผู้รับใบอนุญาตหลายรายถอนชื่อ Trump ออกจากทรัพย์สิน และดูเหมือนจะไม่มีใครอยากจะเข้ามาดึงชื่อไปใช้แทนด้วยซ้ำ “เขาสร้างแผลลึกให้กับชื่อและภาพลักษณ์ของ Trump ไปอย่างน้อยก็ 2-3 ทศวรรษ” Kevin Brown นักวิเคราะห์อสังหาริมทรัพย์กล่าวสรุปTrump National Doral, Miami
มูลค่ารวม: 135 ล้านเหรียญ • หนี้สิน: 125 ล้านเหรียญ
มูลค่าสุทธิ: 10 ล้านเหรียญ
การเปลี่ยนแปลงมูลค่าขณะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี: 160 ล้านเหรียญ (ลดลง)
ก่อนโควิด-19 จะระบาด กิจการที่กอล์ฟรีสอร์ตแห่งนี้ก็สาหัสอยู่แล้ว จากนั้นรายได้ยังลดลงอีกกว่า 40% ขณะที่หนี้สิน 125 ล้านเหรียญที่ติดค้างอยู่กับ Deutsche Bank จะครบกำหนดในปี 2023 ลือกันว่า Trump Organization อาจเปลี่ยนให้เป็นกาสิโนแทน- รายการทรัพย์สินที่ทำกำไรสูงสุดของ Trump -
555 California St • San Francisco
ความเป็นเจ้าของ: หุ้น 30% ในศูนย์รวมอาคาร 3 หลัง
มูลค่ารวม: 1.9 พันล้านเหรียญ • หนี้สิน: 538 ล้านเหรียญ
มูลค่าสุทธิ: 422 ล้านเหรียญ
การเปลี่ยนแปลงมูลค่าขณะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี: 102 ล้านเหรียญ (เพิ่มขึ้น)
สองผู้เช่ารายสำคัญของ Trump คือ Goldman Sachs และ Bank of America แสดงท่าทีตีตนออกห่างจาก Trump หลังเหตุจลาจลที่อาคารรัฐสภาสหรัฐ แต่เบื้องหลังที่แท้จริงแล้วนั้นทั้งสองแห่งต่อสัญญาเช่าฉบับใหม่กับทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูงสุดของ Trump ไปเรียบร้อยแล้วMar-a-Lago • Palm Beach, Florida
มูลค่าสุทธิ: 250 ล้านเหรียญ
การเปลี่ยนแปลงมูลค่าขณะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี: 75 ล้านเหรียญ (เพิ่มขึ้น)
ตอนเกิดโรคระบาดใหม่ๆ ผู้คนที่อยู่ในแถบตะวันออกเฉียงเหนือต่างมุ่งลงใต้ ขณะที่ชาว Florida ก็ยังคงไม่ไปไหน ความต้องการมหาศาลบวกกับอุปทานที่มีอย่างจำกัดเป็นข่าวดีสำหรับเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ในรัฐนี้ รวมถึง Trump ด้วย เมื่อปี 1985 เขาซื้อคลับแห่งหนึ่งไว้ที่ Palm Beach (ซึ่งเขาปล่อยทิ้งไว้หลังย้ายออกจาก D.C.) ในราคา 10 ล้านเหรียญ แบ่งเป็น 5 ล้านเหรียญสำหรับบ้านหลังใหญ่ ส่วนอีก 3 ล้านเหรียญมีรายงานว่า เขาจ่ายเป็นค่าตกแต่งสุดหรู และซื้อที่ดินหน้าชายหาดฝั่งตรงข้ามอีก 2 ล้านเหรียญ อ่านเพิ่มเติม:- 5 อันดับ “นักบาส NBA” รายได้สูงสุดประจำปี 2021
- บรรเทิง ว่องกุศลกิจ “MITR PHOL” ไร่อ้อยยั่งยืนต่อยอด BIOECONOMY
- การจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีไทย ประจำปี 2564
คลิกอ่านฉบับเต็ม และบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนมิถุนายน 2564 ในรูปแบบ e-magazine